วันอาทิตย์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ มองเหตุปัจจัย‘มรสุมการเมือง’ ถาโถมใส่‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’

‘ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ’ มองเหตุปัจจัย‘มรสุมการเมือง’ ถาโถมใส่‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’

วันเสาร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค มรสุมการเมือง หิมาลัยผิวพรรณ เสธหิ รวมไทยสร้างชาติ
  •  

ในช่วง 1 เดือนล่าสุดมานี้ พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคดูจะมี “มรสุมทางการเมือง” รุมเร้า ซึ่งนอกจากที่เป็นข่าวต่อเนื่องอย่างพรรคเพื่อไทยกับกรณีผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคกับปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ หรือพรรคภูมิใจไทยที่ถูกนำไปพาดพิงกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่กำลังเป็นปัญหาถึงขั้นเป็นคดีความ จนล่าสุดในถึงคิวของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่หัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถูกจุดประเด็นขึ้นมาว่ากระทำผิดกฎหมาย อาทิ การถือหุ้น 4 บริษัท การติดรูปตนเองบนถุงยังชีพที่ไปแจกให้ประชาชน เป็นต้น      

รายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ในตอนที่เผยแพร่วันที่ 8 พ.ค. 2568 พูดคุยกับ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในประเด็นมรสุมทางการเมืองที่นายพีระพันธุ์กำลังเผชิญอยู่ ว่า  นายพีระพันธุ์ไม่ได้มีความกังวลใจ และเท่าที่ตนดูท่านก็บริสุทธิ์ใจทุกเรื่อง ท่านพูดเสมอว่าไม่มีเจตนาปิดบังซ่อนเร้นหรือหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง แต่เพราะนิสัยท่านเป็นคนพูดน้อย จึงไม่ได้ออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ กับสังคม แต่ก็พร้อมชี้แจงกับผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้อง


“ท่านจะเป็นคนลักษณะอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านจะเป็นคนที่มุ่งในเรื่องการทำงานมากกว่า แต่เท่าที่ดูในวันนี้ ไม่ว่าเท่าที่ได้พบท่านไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย ท่านไม่ได้มีความกังวลเรื่องนี้เลย แล้วก็ได้เรียนถามรายละเอียดต่างๆ ท่านก็ได้พูดให้ผมฟัง ก็ทำให้เราสบายใจ คืออย่างน้อยเราสบายใจอย่างหนึ่ง ทุกอย่างที่โจมตีท่านทั้งหมดผมเรียนว่ามันไม่มีเรื่องทุจริตเลย เป็นเรื่องของการใช้เทคนิคต่างๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลย แล้วพยายามดึงมาเกี่ยวข้อง”

ต่อข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น ดร.หิมาลัย ยกตัวอย่างเรื่อง “การถือหุ้น” ที่มองว่า “เป็นมุมมองทางข้อกฎหมายที่ไม่เหมือนกัน” แต่ในส่วนของนายพีระพันธุ์ ท่านได้ทำหน้าที่ของท่านในส่วนที่ต้องทำอย่างครบถ้วนแล้ว โดย 1.ไม่มีเจตนาปิดบังซ่อนเร้น เพราะข้อมูลที่ปรากฏก็มาจากที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยต่อสาธารณะ กับ 2.บริษัทที่ถูกพาดพิงไม่มีบริษัทใดเลยที่ประกอบกิจการเกี่ยวข้องกับพลังงาน จึงไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน  

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องมุมมองทางกฎหมาย ผู้ร้องก็มีโอกาสร้องไป แต่ตนมีข้อสังเกตว่าผู้ร้องบางทีก็แสดงท่าทีเกินเหตุ (Overacting) ไปหน่อย ผู้ร้องก็ร้องกันเป็นรายวันแล้วคำร้องก็มีปรับแก้อยู่ตลอดเวลาราวกับมีทีมงานคอยบอก ซึ่งปกติควรเป็นเรื่องที่ผู้ร้องคิดและเขียนเองในข้อกฎหมาย ก็น่าจะจบแบบเหมือนกันในแต่ละวัน แต่สิ่งที่เห็นคือมีการเพิ่มเติมในคำร้องแต่ละวัน และมีความพยายามร้องไปยังทุกองค์กร รวมถึงเมื่อยื่นคำร้องไปแล้วก็เหมือนจะมีความพยายามกดดันไปที่นายกรัฐมนตรี

อนึ่ง ข่าวนายพีระพันธุ์ถูกร้องเรียน เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับที่มีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนก็อยากให้กลับไปมองว่านายพีระพันธุ์มาเป็นรัฐมนตรีท่านทำผลงานมาตลอด หากเป็นการสอบตนก็ว่าท่านสอบผ่าน เช่น การแก้ปัญหาราคาน้ำมัน สมัยก่อนขึ้นราคากันตามอำเภอใจแบบไม่มีเหตุผล แต่เมื่อนายพีระพันธุ์เข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ราคาน้ำมันก็เสถียรมากขึ้น เมื่อต้องขึ้นราคาก็ค่อยๆ ขึ้น และเมื่อถึงช่วงที่ลดราคาลงได้ก็ต้องลด ทำให้ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ สามารถวางแผนต้นทุนได้ดีขึ้นกว่าในอดีต

“ท่านมองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะท่านเอาใจใส่ ถ้าท่านลุกไปแล้วจะเป็นอย่างไร? ท่านก็ไปดูรายละเอียดในเรื่องโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งโครงสร้างนี้ทำมา 40 – 50 ปีแล้ว ตอนนั้นทำโครงสร้างนี้เพราะมองว่าน้ำมันเป็นของฟุ่มเฟือย คนที่ใช้น้ำมันคือคนที่มีรถเก๋ง สมัยนั้นเป็นคนรวย ฉะนั้นรัฐต้องการหารายได้ก็จะใส่เข้าไปในภาษีน้ำมัน เพื่อมาเก็บกับคนใช้น้ำมัน ตอนนั้นก็ยังไม่มีปัญหา แต่เมื่อโลกมันเปลี่ยนไป วันนี้น้ำมันเป็นของจำเป็น เป็นของพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องใช้แล้ว ฉะนั้นการใช้โครงสร้างนี้มันไม่เหมาะสม

ท่านก็มีความคิดว่าถ้าอย่างนั้นปรับแก้กฎหมาย ปรับแก้โครงสร้างเลย นั่นคือสิ่งที่ท่านทำในเรื่องของน้ำมัน ต้องใช้เวลา แต่ท่านก็ต้องถอดในเรื่องกองทุนน้ำมัน ต้องปรับอย่างไร ภาษีต่างๆ ที่เข้าไปต้องถอดอย่างไรเพื่อราคาน้ำมันมันต่ำลงและถูกลงโดยที่เป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น และยั่งยืนกว่าที่จะใช้นโยบายรัฐมนตรี ซึ่งอันนี้ต้องใช้เวลา จะเห็นว่าท่านต้องมีเวลาขลุกอยู่กับเรื่องพวกนี้”

จากเรื่องน้ำมันสู่เรื่องไฟฟ้า นายพีระพันธุ์ ปรับนโยบายให้เอื้อต่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งในอดีตแม้จะติดตั้งเพื่อใช้งานเองก็ยังต้องขออนุญาต ที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการอนุมัติล่าช้าจำนวนมาก เร็วสุดคือ 8 เดือน และช้าสุดคือนานกว่า 1 ปี ซึ่งพลังงานแสงอาทิตย์คือการพึ่งพาตนเองของประชาชน กระทรวงพลังงานจึงร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม สิ่งใดที่แก้ด้วยกฎกระทรวงได้ก็แก้ แต่หากต้องแก้ในระยะยาวก็ต้องทำเป็นกฎหมาย และด้วยความที่นายพีระพันธุ์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ทุกมาตราที่ร่างออกมาท่านจะทำด้วยตนเอง

โดยเรื่องร่างแล้วก็ส่งให้ทีมงานของท่านช่วยดูก่อนส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อถามความเห็น เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ตามด้วยกระบวนการประชาพิจารณ์แล้วจึงนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นกฎหมาย ทั้งนี้ นับตั้งแต่เข้ามาเป็น รมว.พลังงาน นายพีระพันธุ์ตั้งใจจะตรึงราคาค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.15 - 4.18 บาท เพียงแค่ประกาศแบบนี้ก็ถูกโจมตีว่าทำให้ราคาพลังงานบิดเบี้ยว จะทำให้ประชาชนรับกรรมในระยะยาว และจะทำได้เพียง 3 – 4 เดือน แต่สุดท้ายก็ตรึงมาได้เป็นปี

กระทั่งล่าสุดที่น่าจะเป็นครั้งแรกที่สามารถประกาศราคาค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วยได้ โดยอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่มาของเรื่องนี้เกิดจากการที่นายพีระพันธุ์ได้พูดคุยกับนักธุรกิจและได้รับรู้ว่าเหตุที่ต้องย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านเพราะสู้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในไทยไม่ไหว เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ใช้ไฟฟ้ามาก โรงงานในอดีตอาจใช้แรงงาน 1,000 คน  แต่ปัจจุบันใช้เพียง 200 คน โดยต้นทุนค่าจ้างแรงงานถูกเปลี่ยนเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้า

“ประเทศไทยมันน่าอยู่ที่สุดเลยนะ ถนนหนทางในการที่ส่งสินค้าไปท่าเรือต่างๆ ถนนอย่างดี ไฟฟ้าก็เสถียร ความเป็นอยู่อย่างเช่นมาตรฐานของสุขภาพ โรงพยาบาลของเราลองไปดูต่างชาติมาใช้เยอะแยะมาก เป็น Hub (ศูนย์กลาง) สุขภาพแถวๆ นี้เลย ต่างประเทศก็ต้องมาใช้บริการ คือมาตรฐานสุขภาพเราสูงมาก ในเรื่องของการศึกษา โรงเรียนนานาชาติมี พูดง่ายๆ บรรยากาศทุกอย่างเหมาะแก่การลงทุน ยกเว้นอย่างเดียวคือค่าไฟ”

ดร.หิมาลัย ขยายความจุดเริ่มต้นที่นำมาสู่ “แรงเสียดทาน” ต่อนายพีระพันธุ์ หากจำกันได้ กรณีฝ่ายค้านออกมาเปิดประเด็นเรื่องโครงการประมูลไฟฟ้า 5,200 และ 3,600 เมกะวัตต์ (MW) โดยในส่วนของ 3,600 MW ยังแบ่งเป็น 2,100 MW และ 1,500 MW ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่าสำหรับ 2,100 MW ให้เลือกจากผู้ที่พลาดการประมูล 5,200 MW มารับก่อน ส่วนอีก 1,500 MW ที่เหลือใช้วิธีเปิดประมูล เรื่องนี้เมื่อนายพีระพันธุ์รับทราบก็สอบถามไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา

ซึ่งเมื่อยังไม่มีคำตอบ นายพีระพันธุ์ก็ทำหนังสือไปบอกหน่วยงานนั้นว่าอย่าเพิ่งประกาศ เพราะต้องตรวจสอบในขั้นตอนต่างๆ ก่อนว่าดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยหากยังไม่ประกาศการตรวจสอบย่อมสามารถทำได้หากเจอสิ่งที่บกพร่องต้องปรับปรุงแก้ไข หรือหากมีการทิ้งระยะเวลาไปตามกรอบกฎหมาย ก็สามารถยกเลิกได้โดยปริยายโดยไม่กระทบสิทธิ์ใคร แต่เมื่อประดาศออกมาแล้วการยกเลิกจะทำได้ยากแม้รัฐมนตรีจะเจอสิ่งผิดปกติหลายอย่าง

ประการต่อมา ประเทศไทยมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ที่ราว 52,000 – 56,000 MW แต่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 21,000 MW ต่อเดือน หรือในช่วงที่ใช้มากที่สุด ในปี 2567 อยู่ในเดือนพฤษภาคม คือประมาณ 37,000 MW ดังนั้นความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของไทยสูงมาก จึงไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ นอกจากนั้น โรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างยังแบ่งเป็น 3 ระดับ  อย่าง “โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่” มีทั้งหมด 14 โรงทั่วประเทศ เป็นผู้ลงทุนขนาดใหญ่ทั้งหมด โดยจะมีค่า AP (Availability Payment - ค่าพร้อมจ่าย) กับค่า EP (Energy Payment – ค่าพลังงานไฟฟ้า)

 โดยค่า AP จะคำนวณจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมดแล้วมาตัดแบ่งซอยเป็นรายเดือนรวม 25 ปี เพื่อค้ำประกันกับธนาคาร ซึ่งค่า AP ในความรู้สึกของคนเรา หมายถึงเราต้องใช้ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่าเท่านี้ แต่เมื่อมีการใช้จริงควรจะนำไปหักลบออกหรือไม่ อนึ่ง ปกติแล้วการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เคยเจอคือของรัฐจะแพงกว่าเอกชน แต่เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าทั่วโลกกลับพบว่าเอกชนแพงกว่า นายพีระพันธุ์จึงพยายามเข้าไปปรับปรุงค่า AP ในส่วนนี้ ขณะที่ค่า EP นายพีระพันธุ์ก็ขอดูสูตรคำนวณเพื่อพิจารณาว่าสมควรปรับปรุงด้วยหรือไม่

หรือ “โรงไฟฟ้าขนาดย่อมลงมา” ยังมีในส่วนค่า Adder (อัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มโดยบวกเพิ่มจากอัตราค่าไฟฟ้าปกติ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากสามารถปรับปรุงได้ค่าไฟฟ้าก็จะถูกลง ทั้งนี้ ตนมีข้อสังเกตว่า เมื่อมีการแตะเรื่องไฟฟ้า สารพัดปัญหาก็ถาโถมเข้ามาที่นายพีระพันธุ์ ตนต้องย้ำว่าตนไม่เคยกล่าวหาหรือกล่าวร้ายต่อภาคเอกชน เพราะธรรมชาติของเอกชนย่อมต้องมุ่งกำไรอยู่แล้ว แต่ตั้งคำถามไปที่หน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลว่าทำกันอย่างไรถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้  

“ค่า Adder ที่ท่านพยายามแก้ไข คือค่า Adder มันจะบวกไปกับค่าไฟ ท่านก็พยายามแก้ไข พยายามจะปรับว่าให้ยกเลิกให้มาเป็นจ่ายตามจริง สิ่งต่างๆ มันกระทบหมด ทีนี้เราก็ถามกลับไปว่าได้ให้ความร่วมมือกับท่านในการแก้ไขสิ่งต่างๆ เหล่านี้หรือเปล่า? เมื่อมันเป็นอย่างนี้ผลกระทบต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านทำจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟถูกลง ประชาชนได้ประโยชน์ ประเด็นอย่างนี้ เมื่อท่านเห็นปัญหาท่านร่างเป็นข้อกฎหมายที่จะแก้ไขปัญหานี้อย่างระยะยาว ฉะนั้นค่าไฟฟ้าที่ลดลงทุกวันนี้เป็นนโยบายรัฐมนตรี นโยบายรัฐบาล

ทำไมต้องเกิดปัญหานี้? กฎหมายที่ท่านร่าง ปลายเดือน พ.ค. กับ ต้นเดือน มิ.ย. นี้ ก็จะเข้าสู่วาระของ ครม. จะค่อยทยอยเข้าไป เมื่อเข้าสู่ ครม. เสร็จก็จะต้องไปเข้าสู่สภา ถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภาเมื่อไหร่ คนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างยั่งยืนคือประชาชนแน่นอน แต่คนที่เสียผลประโยชน์มันก็ต้องมี ฉะนั้นจะสังเกตว่ามีการสกัดกั้นท่านไม่ให้กฎหมายนี้มันไปถึง พูดง่ายๆ ถ้าท่านออกจาก ครม. ตอนนี้ กฎหมายพวกนี้ไม่มีใครผลักดันต่อแน่นอน แล้วท่านเป็นคนเขียนกับมือทั้งหมด”

ดร.หิมาลัย ย้ำถึงความสำคัญของตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งการที่นายพีระพันธุ์ผลักดันเรื่องต่างๆ ได้รวดเร็วเพราะท่านเป็นรองนายกฯ ที่กำกับทั้งกระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม การทำงานจึงเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นหากนายพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งนี้ไปแล้ว ตนก็ถามว่าแล้วใครจะกล้าผลักดันต่อ อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างด้วยว่าหากใครคิดแตะเรื่องพลังงานก็จะอยู่ในตำแหน่งไม่ได้

ตนจึงสงสัยว่าเจตนาของผู้ร้องเรียนต้องการอะไร เพราะหากต้องการพิสูจน์ผิด – ถูก กระบวนการก็มีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เห็นคือเมื่อไปร้องเรียนแล้วก็กดดันต่อทันที ซึ่งในขณะที่ทุกคนมักพูดว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสินว่าผิด แต่เหตุใดผู้ร้องจึงไม่ให้ความเป็นธรรมกับนายพีระพันธุ์ เหตุใดต้องกดดันอยู่ตลอดเวลาว่าต้องปลดนายพีระพันธุ์ ทั้งที่ยังไม่มีคำตัดสินใดๆ ออกมา

ทั้งนี้ ในประเด็นการถือหุ้นนั้นเกี่ยวพันกับกฎหมายหลายฉบับ ที่สำคัญต้องดูเจตนาด้วยซึ่งนายพีระพันธุ์ได้สละไปหมดแล้วในเรื่องการถือครองหุ้นและสิทธิในการบริหาร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่พูดกันเดี๋ยวก็จะไปเป็นข้อต่อสู้ ซึ่งท่านชี้แจงได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ตนย้ำคือเหตุใดผู้ร้องต้องเร่งเร้าไม่ยอมปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เดินสายไปองค์กรนั้นองค์กรนี้ทุกวัน ซึ่งจริงๆ ไปร้อง ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องเพียงองค์กรเดียวก็พอแล้วหรือไม่ กระทั่งสุดท้ายก็เปิดเผยออกมาว่าต้องการอะไร ด้วยการไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล

ส่วนคำถามว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องเฉพาะตัวของนายพีระพันธุ์เพียงคนเดียว หรือรวมไปถึงพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ดร.หิมาลัย ตั้งข้อสังเกตว่า ในส่วนของพรรคจู่ๆ ก็มีตัวละครโผล่ขึ้นมาอย่างอดีตหัวหน้าพรรค ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าออกมาเคลื่อนไหวในเวลานี้เพื่ออะไรทั้งที่ทิ้งพรรคไปแล้ว โดยก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาเป็นผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติตนไม่รู้ แต่ช่วงที่ตนเข้ามาเป็นก็ไม่เคยเห็นอดีตหัวหน้าพรรคท่านนี้เข้ามาที่พรรค แต่เป้าหมายในการเคลื่อนไหวจะไปเกี่ยวข้องกับเก้าอี้หัวหน้าพรรคหรือไม่เรื่องนี้ตนไม่ทราบ เพราะเจตนานั้นอยู่ในใจ

ส่วนกรณีถุงยังชีพ ซึ่ง ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหากับนายพีระพันธุ์แล้ว ตนขอชี้แจงว่านายพีระพันธุ์แจกถุงยังชีพมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้นอย่างแรกท่านไม่มีเจตนา อย่างที่สองคือในวันดังกล่าวนายพีระพันธุ์ไปลงพื้นที่ใน 3 จังหวัด คือชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช หากจำไม่ผิดเป็นการเดินทางรวม 9 จุด โดยใช้เวลาที่ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี ค่อนข้างมาก จึงเหลือเวลาน้อยในการลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช การเดินทางของนายพีระพันธุ์จึงอยู่ในสภาวะเร่งรีบ

“ในจุดที่เป็นปัญหา ไปถึงก็ไปหาประชาชนเลย พูดคุยเสร็จเจ้าหน้าที่ก็เอาถุงยังชีพมาให้แจก ท่านก็แจกไป ท่านก็ไม่ได้สังเกตเห็น ทีนี้พอท่านสังเกตเห็นถุงยังชีพท่านก็หยุด ท่านเห็นสติ๊กเกอร์อะไรท่านก็หยุด บอกว่าคุณไปแก้ไขนะ เอาสติ๊กเกอร์ออก มันไม่ได้ แล้วท่านหยุดแจกเลย ท่านกลับ พูดง่ายๆ ท่านไม่ได้รับรู้เรื่องพวกนี้ด้วย แล้วท่านแสดงชัดเจนว่าสั่งแก้ไขตรงนั้นแล้วออกจากพื้นที่เลย”

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า ในการจัดทำถุงยังชีพเป็นเรื่องของคนที่เชิญไป ตนก็พยายามหาข้อมูลว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้ความว่าเมื่อไปลงพื้นที่ เมื่อเชิญมาแล้วก็ต้องมีการแจกถุงยังชีพ ซึ่งด้วยเจตนาดีของนายพีระพันธุ์ ท่านก็ส่งข้าวสารลงไปช่วยทุกจุด แต่ตนไม่ทราบว่าใครเป็นคนเชิญและไม่รู้ด้วยว่าเป็นคนในหรือนอกพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่เวลานั้นที่พรรคมีข้าวสารเหลือมาจากช่วงก่อนหน้าที่มีการจัดงาน “รวมไทยสร้างชาติแฟร์” เพื่อช่วยเหลือคนจน

จึงนำมาแบ่งส่งไปช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดดังกล่าว แต่ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช พบว่าข้าวสารไม่พอ จึงสนับสนุนเงินซื้อข้าวสารเพิ่มเพื่อประกบแจกไปกับถุงยังชีพ ตนเข้าใจว่าทีมงานอาจปรารถนาดี เห็นว่ามีข้าวสารที่นายพีระพันธุ์ส่งมาสมทบ จึงทำสติ๊กเกอร์แปะไปด้วย แต่ทั้งหมดนี้ไม่เคยมีใครมารายงานนายพีระพันธุ์ ซึ่งหากคิดว่าท่านเป็นคนสั่ง คำถามคือเหตุใดจึงไม่พบกรณีเดียวกันใน จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี

หมายเหตุ : สามารถรับชมรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ดำเนินรายการโดย บุญระดม จิตรดอน ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ          

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘โฆษก รทสช.’เตรียมเคาะขุนพล‘อภิปรายงบ 69’ แนะฝ่ายค้านไม่ฉวยโอกาสซักฟอก ‘โฆษก รทสช.’เตรียมเคาะขุนพล‘อภิปรายงบ 69’ แนะฝ่ายค้านไม่ฉวยโอกาสซักฟอก
  • \'โฆษก พปชร.\'เตือน\'ธนกร\' อย่าหวังรัฐบาลจะกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนันได้ 'โฆษก พปชร.'เตือน'ธนกร' อย่าหวังรัฐบาลจะกวาดล้างเครือข่ายเว็บพนันได้
  • ‘ป.ป.ช.\'ย้ำชัดส่งหนังสือเรียก‘พีระพันธุ์’รับทราบข้อกล่าวหา ชอบด้วยกฎหมาย ‘ป.ป.ช.'ย้ำชัดส่งหนังสือเรียก‘พีระพันธุ์’รับทราบข้อกล่าวหา ชอบด้วยกฎหมาย
  • ‘พีระพันธุ์’เยือนลาว เจรจาลงทุนพลังงาน จับโป๊ะ ป.ป.ช.ส่งหมายเรียกผิด ‘พีระพันธุ์’เยือนลาว เจรจาลงทุนพลังงาน จับโป๊ะ ป.ป.ช.ส่งหมายเรียกผิด
  • \'เอกนัฏ\'ไม่รู้\'เสี่ยเฮ้ง\'จ่อย้ายซบ\'กธ.\' ลั่น!\'รทสช.\'อยู่ด้วยอุดมการณ์ 'เอกนัฏ'ไม่รู้'เสี่ยเฮ้ง'จ่อย้ายซบ'กธ.' ลั่น!'รทสช.'อยู่ด้วยอุดมการณ์
  • เปิดปม\'พีระพันธุ์\' ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะนั่งเลขาธิการนายกฯประยุทธ์ ลงสมัคร สส. เปิดปม'พีระพันธุ์' ส่อผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขณะนั่งเลขาธิการนายกฯประยุทธ์ ลงสมัคร สส.
  •  

Breaking News

สุดยอดพลัง! 'แฟนหงส์'เมืองเลยรวมพล จัดขบวนรถแห่ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกสุดยิ่งใหญ่

'ศิลปินเชียงราย'ระดมพลส่งเสียงถึงผู้บริหารประเทศ เร่งแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำ

'ประธานองคมนตรี'เป็น ปธ.พิธีเปิด'ศาลาปฏิบัติธรรมพระธรรมจาริก' ณ ทุ่งช้าง จ.น่าน

'นายกฯ'พร้อมแล้วศึกอภิปรายงบ ปี 69 ขอฝ่ายค้านทำหน้าที่ตนเอง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved