อ้างตาใสเจตนาดีทำเพื่อประเทศ-ชาวนา
พท.โดดป้อง‘ยิงลักษณ์’
‘ชูศักดิ์’หนุนทนายชงศาล
หักหนี้จากยอดขายข้าว10ปี
‘อ้วน’โต้เคลียร์โกดังช่วยปู
‘หมอวรงค์’ฉะยับอย่ามั่ว
แกนนำ“เพื่อไทย”ดาหน้าป้อง “ยิ่งลักษณ์”มือก.ม.“ชูศักดิ์” เห็นใจ หนุนทนายชงศาลหนักหนี้จากขายข้าว 10 ปีในโกดัง เหตุเป็น“ทรัพย์สิน”ที่ได้จาก “โครงการรับจำนำ” รับคำพิพากษา กระทบเดินหน้านโยบายรัฐบาล ด้าน “ภูมิธรรม” โต้ครหาเร่งเคลียร์ข้าวลอตสุดท้ายเอื้อคดีจำนำข้าว ย้ำหน้าที่ขายก็ต้องขาย ขณะที่ “ประเสริฐ”มองยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยันหวังดีต่อประเทศและเป็นประโยชน์กับชาวนา “หมอวรงค์”ฉะอย่าโพสต์มั่ว 7 ประเด็น ลั่นเอายอดขายข้าว10ปีมาหักลบกลบหนี้ไม่ได้
หลังศาลปกครองสูงสุดกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้คดีจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท จากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว เหตุประมาทเลินเล่อร้ายแรง ปล่อยให้เกิดการทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความเรียกร้องขอความเป็นธรรม โดยระบุว่า เป็นฝ่ายบริหาร ไม่ใช่จำเลย ไม่ได้ทำอะไรผิด ต้องมาโดนบังคับใช้หนี้แทนฝ่ายปฏิบัติเพียงลำพัง และเงินหมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันหมด ขณะที่ทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์เผยเตรียมยื่นหลักฐานใหม่ต่อศาล และขอให้นำยอดขายข้าวค้างโกดัง 10 ปีจำนวนแสนกว่าล้านใช้หักลบกลบหนี้ มีท่าทีจากแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาแสดงความเห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ควรได้รับความเป็นธรรม
มือกม.เพื่อไทยเห็นใจ“ยิ่งลักษณ์”
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า ตนในฐานะที่ร่วมทำโครงการนี้ เห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มองว่ามีเรื่องที่พออ้างความชอบธรรมได้บ้าง อย่างแรกคือ ศาลปกครองกลางเคยยกคำร้องการอายัดทรัพย์ เป็นสิ่งยืนยันว่ายังมีศาลที่เห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ควรรับผิดชอบ ขณะเดียวกันความเห็นของศาลปกครองสูงสุด เมื่อเข้าที่ประชุมใหญ่ก็ยังมีความเห็นแย้ง แต่เมื่อศาลพิจารณาออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น
หนุนหักหนี้จากขายข้าว10ปีในโกดัง
นายชูศักดิ์กล่าวต่อว่า เพียงแต่ว่าเรื่องที่ทนายของน.ส.ยิ่งลักษณ์เตรียมดำเนินการ เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะข้าวที่เป็นกรณีพิพาทหลังยึดอำนาจมีการอายัดข้าวตรงนี้ไว้ เมื่อมาสมัยนี้ ก็ทราบว่าข้าวเป็นของรัฐ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ขณะนั้น นำไปจำหน่ายได้เงินก้อนหนึ่ง เท่าไหร่ไม่ทราบ จึงถือเป็นทรัพย์สินที่รัฐได้มาจากโครงการนี้ ดังนั้น การใช้เหตุผลว่าควรมาหักลบกลบหนี้กัน ก็เป็นเหตุเป็นผล
ส่วนการยื่นพิจารณาคดีใหม่ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม การยื่นก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล แต่สิ่งที่ตนไม่มั่นใจคือ เมื่ออ่านคำสั่งข้อ 3 เหมือนกับว่า ศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาต่อไปเลยแต่ตอนแรกตนเข้าใจว่า ศาลให้ยกคำร้องของกระทรวงการคลัง เพราะคำสั่งกระทรวงการคลังไม่ชอบ เลยงงว่าต้องออกคำบังคับใหม่หรือไม่ เพราะถ้าต้องออกคำบังคับใหม่ ต้องไปว่าในชั้นบังคับคดี แต่เมื่ออ่านข้อ 3 คล้ายๆศาลให้ทำต่อไปเลย เพียงแต่ว่าต้องหักลดทอน จึงเป็นเรื่องที่ทีมทนายต้องไปดูว่าเป็นอย่างไรกันแน่
‘เพื่อไทย’พร้อมช่วยทางคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางพรรคเพื่อไทย (พท.)จะช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า อดีตนายกฯ ก็มีทีมทนายความดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยที่เป็นเจ้าของนโยบายนี้ หากมีอะไรที่ช่วยได้ในทางคดี ก็ไม่น่าจะขัดข้องอะไร
ถามถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ข้อความระบุหมื่นล้าน ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด นายชูศักดิ์กล่าวว่า ธรรมดา ไม่ใช่เงินน้อยๆ แต่เมื่อฟังดูแล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์คงคิดว่า สามารถแสวงหาความยุติธรรมต่อไปได้
รับคำพิพากษากระทบทำนโยบายรบ.
ส่วนกรณีมีข้อวิจารณ์ว่า เมื่อศาลตัดสินออกมาลักษณะนี้ การทำนโยบายของรัฐบาลหลังจากนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล นายชูศักดิ์กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามเรื่องนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ยอมรับเรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบาย ถือเป็นความรับผิดชอบทางการเมือง จึงมีข้อสงสัยว่าจะนำคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯมาใช้ในคดีแพ่งได้หรือไม่ แต่หลายคนมองว่า เป็นคนละประเด็นไม่ควรเอามาใช้กันได้ ซึ่งเป็นเรื่องกฎหมายที่เข้าใจยาก พร้อมยอมรับว่า ผลคำพิพากษาของศาลปกครอง อาจส่งผลให้การทำนโยบายต้องคิดหนัก เพราะที่ผ่านมามีนโยบายมาก แต่ไม่มีการฟ้องร้องดำเนินการ จึงมีนักวิชาการออกมาบอกว่าต่อไปนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างต้องหยุดหมด
“ข้อทักท้วงเหมือนกับว่า ศาลปกครองหยิบคำวินิจฉัยของคดีอาญามาใช้ ซึ่งเขาโต้แย้งว่าจริงๆแล้วเป็นคนละประเด็น ประเด็นนี้เป็นประเด็นละเมิด ส่วนอาญาก็ว่ากันไป จึงมีคนโต้แย้ง จริงๆไม่ใช่นายกฯยิ่งลักษณ์ปล่อยปะละเลยอย่างเดียว แต่ท่านใช้ความระมัดระวังติดตามตรวจสอบ อันนี้เป็นรายละเอียดที่ว่ากันไป ท้ายที่สุดต้องให้ทนายความเขาว่ากันไป ดูสิว่าศาลจะว่ายังไง” นายชูศักดิ์กล่าว
“อ้วน”อยากให้ได้รับความเป็นธรรมคืน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะอดีต รมว.พาณิชย์ระบุเช่นกันว่า เห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ และให้กำลังใจ อีกทั้ง ทำให้เห็นแล้วว่า ข้าวล็อตสุดท้ายที่เขาจะขาย แต่ตนไม่ยอมให้ขาย และสุดท้ายตนดำเนินการจนทำได้กิโลกรัมละ 18 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 ปี ขายได้เพียง 3 - 5 บาท ก็เป็นสมมติฐานหนึ่ง ที่ผ่านมาเราเสนอเรื่องนี้ไป แต่ศาลปิดการเสนอพิจารณาคดีไปแล้ว และเรื่องนี้ตนมองว่าเป็นเหตุเป็นผลที่ต้องพิจารณา
“ผมเห็นใจ และอยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับความเป็นธรรมคืนกลับมา ในส่วนกรณีนี้ศาลก็มีอำนาจพิจารณาไป แต่ในข้อเท็จจริง หนทางการต่อสู้ทางกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ในฝั่งนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องนำเอกสารหลักฐานรวบรวม เพื่อเอามาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกระบวนการ ส่วนศาลจะรับหรือไม่ เป็นหลักฐานหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ที่จะดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม”นายภูมิธรรมกล่าว และชี้แจงว่า การต่อสู้ของทนายความกรณีนี้ไม่ใช่ เพื่อไม่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย แต่ช่วยทำให้เห็นว่าการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์รับโทษนั้นไม่เป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นว่า เรื่องนโยบายไปไม่ถึง ปัญหาเกิดขึ้นระดับปฏิบัติ แล้วบอกว่าให้น.ส.ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบ
โต้ครหาเร่งขายข้าวเอื้อลด‘ปู’รับโทษเบา
ส่วนที่มีการตั้งข้อครหาสมัยตนเป็นรมว.พาณิชย์ว่าการระบายข้าวล็อตสุดท้าย เพื่อให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับโทษเบานั้น นายภูมิธรรมถามกลับว่า รมว.พาณิชย์ เหลือข้าวล็อตสุดท้าย ตนก็ต้องขาย และการขายจะเอื้อหรือไม่เอื้อใคร ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เรื่องนี้มองว่าเป็นการหยิบเฉพาะส่วน เพื่อนำมาหาเรื่อง ทั้งนี้ หากตนไม่ทำอะไรเลย เรื่องก็ยังค้างอยู่ จะถูกมองว่าไม่ยอมทำหน้าที่และปล่อยให้ค้างอยู่เหมือนกรณีเรือดำน้ำ ซึ่งตนไม่อยากให้เรื่องนี้ปล่อยจากตนไป
“ถ้าผมอยู่เฉยๆ อย่างเรื่องเรือดำน้ำ เพราะข้อเท็จจริงยังไม่เห็น ยังไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ผมก็ปลอดภัยทุกอย่าง ไม่มีใครมาว่า ผมจะบอกว่าเรื่องนี้ 8 ปีมาแล้ว ผ่านมากี่รัฐบาลแล้ว ยังไม่ทำเลย ผมไม่ทำแล้วจะผิดได้อย่างไร ผมก็ทำทั้งที่มีเสียงวิจารณ์ว่าจะเอาผิด แต่ผมไม่สนใจ ถือว่าทำตามข้อเท็จจริงตามสิ่งที่เกิดขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว และว่า เรื่องนี้มีความคิดเห็นสองฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนที่เราเคารพและเคยร่วมงานกันมา เราดูจากประเด็น เราก็วินิจฉัยของเราได้ แต่ทั้งหมดขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม ศาลจะเป็นคนตัดสิน อยู่ที่ข้อมูลของแต่ละฝ่ายที่จะเสนอ
นายภูมิธรรมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีสัญญาณอะไรแต่อย่างใด และไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณ หากจะบอกว่าเรื่องนี้มีสัญญาณก็แสดงว่ากระบวนการทั้งหมดเชื่อมกันหมด แล้วใช่หรือไม่ เราพยายามยืนอยู่บนจุดยืนที่ กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามหลักของประเทศคือ ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม พร้อมย้ำว่าหลักนิติธรรมนั้นสำคัญ หากเราไม่ยึดให้ชัดเจน หรือทำให้ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น การประชุมต่างๆก็จะไม่เกิด
‘ประเสริฐ’ชี้‘ปู’ไม่ได้รับความเป็นธรรม
เช่นเดียวกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเห็นว่า สิ่งที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ทำนโยบายนี้ในอดีตเป็นความหวังดี และพวกเรารู้สึกว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม โครงการนี้เกษตรกรชาวนาได้ประโยชน์ และก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่าท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ปรากฏว่าศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าท่านต้องชดใช้หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่านายกฯยิ่งลักษณ์ มีเจตนาดีต่อประเทศชาติ แต่ต้องมาได้รับผลการตัดสินแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อถามว่า ในพรรคเพื่อไทยได้มีการประเมินหรือไม่ว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบทางตรงหรือทางอ้อมกับพรรคบ้างหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย เพราะคำวินิจฉัยเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน (22 พ.ค.68) ก็คงต้องมีการหารือกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้ มองได้หรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่สามารถกลับมาประเทศไทยในช่วงนี้ได้แน่ๆ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ขอวิจารณ์ว่า ผลการตัดสินออกมาอย่างนี้จะเป็นปัจจัยในการกลับหรือไม่กลับมาประเทศไทยของท่านหรือไม่ ตนไม่ขอวิจารณ์ดีกว่า
‘นายกฯ’โพสต์ภาพคู่อาปูให้กำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ความเสียหายคดีโครงการรับจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท มีท่าทีของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางไปเยือนอังกฤษ ได้แชร์โพสต์ของพรรคเพื่อไทยในไอจีสตอรีมีข้อความว่า “22 พฤษภาคม ถูกปล้นความยุติธรรม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ และแชร์โพสต์ข้อความเป็นคำพูดที่น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ช่วงหนึ่งว่า “จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด” รวมถึงโพสต์ภาพในอดีตที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งจับถุงข้าวสารพูดคุยกับเกษตรกร
นอกจากนี้ น.ส.แพทองธารยังโพสต์ให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นอา และโพสต์ภาพเซลฟี่คู่ระหว่างอาหลาน พร้อมใส่เพลงประกอบ “ฤดูที่แตกต่าง” ให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมแท็กไปยังไอจีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ใช้ชื่อว่า pouyingluck_shin ด้วย
หมอวรงค์ฉะอย่ามั่วโต้7ประเด็นทำคน.สับสน
อีกด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์คลิปเรื่อง “ขายข้าวในคลังที่เหลือไม่สามารถมาใช้หักลบกลบหนี้ที่ยิ่งลักษณ์ต้องจ่ายค่าเสียหายได้” พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom”หัวข้อ “#ยิ่งลักษณ์หยุดสร้างความสับสนให้ประชาชน”ว่า หลังศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 10,028 ล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เคลื่อนไหว ในสิ่งที่ทำให้ประชาชนสับสนสรุปว่า
1.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้น คำตอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่าลืมว่า การระบายข้าวเป็นอำนาจเต็มของฝ่ายการเมือง พวกเราก็เตือนคุณในสภาว่ามีการทุจริต เอาหลักฐานแคชเชียร์เช็ค เส้นทางการเงิน เมื่อทราบแต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่สนใจ ยังตอบเพียงว่า ช่วยชาวนาเถอะ และชี้แจงสื่อว่าระบายข้าวจีทูจีไปหลายประเทศ ทั้งๆที่นายกควรยับยั้งกลับเพิกเฉย
ประเด็นที่ 2.ยิ่งลักษณ์กล่าวศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของนี้ว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นพ.วรงค์กล่าวว่าประเด็นนี้ไม่จริง ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิด มาตรา157 เพราะละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และผิดพรบ.ป.ป.ช.มาตรา123/1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริต ไม่ได้แค่ปล่อยปละละเลย
ชี้ศาลห้ามโกงไม่ได้ห้ามช่วยปชช.
ประเด็นที่ 3.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การดำเนินนโยบายจำนำข้าว กลับถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดความเสียหาย ต่อไปใครจะกล้าคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน นพ.วรงค์กล่าวว่า ศาลไม่เคยห้ามการทำนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่สำคัญคือห้ามโกง หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 4 น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุการดำเนินโครงการแต่ละขั้นตอน เกี่ยวข้องกับหน่วยงานและบุคลากรหลายฝ่าย มีลำดับขั้นบังคับบัญชาตามระบบราชการ ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าฝ่ายบริหารจะไปก้าวก่ายแทรกแซงในรายละเอียดได้ แต่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายเพียงลำพังนั้น เรื่องนี้ นพ.วรงค์กล่าวว่า เรื่องจำนำข้าวเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายก็จริง การทุจริตขั้นตอนต้นน้ำและกลางน้ำ ศาลก็ยังบอกว่าคุณยิ่งลักษณ์ มอบหน่วยงานอื่นดูแลแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดชอบ แต่การระบายข้าวแบบจีทูจี หลายฝ่ายก็เตือน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับเพิกเฉย จึงประมาทเลินเล่อร้ายแรง จึงต้องร่วมรับผิดชอบเฉพาะส่วนนี้
ฉะอ้างขายข้าว10ปีได้ราคาดีเพราะจัดฉาก
ประเด็นที่ 5.ข้าวที่เหลือในโกดัง 18.9 ล้านตัน ถูกขายราคาต่ำกว่าที่ควรได้รับ คิดเป็นมูลค่าส่วนต่างนับ 100,000 ล้านบาท แต่ไม่ปรากฏความคืบหน้าการตรวจสอบ และหาคนรับผิดชอบไม่ได้จนปัจจุบัน นพ.วรงค์มองประเด็นนี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยอมรับความจริง ข้าวที่ถูกขายในคลัง มีข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวเหลือง ข้าวขึ้นรา รวมทั้งมีนั่งร้านซุกอยู่ในกองข้าว ทำให้ต้องขาราคาถูก หลายส่วนที่เป็นข้าวดี ก็ขายออกไปในราคาที่สูง คุณต้องพูดให้ถูกต้อง
“ส่วนข้าว10ปี ที่พวกคุณอ้างขายได้ราคาดี เพราะพวกคุณจัดฉาก ใครๆก็รู้ เพราะมันมีข้าวเหลือไม่มาก”นพ.วรงค์กล่าว และว่า ในประเด็นที่ 6 ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุถ้านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง ยังไม่อาจเข้าถึงความยุติธรรมที่แท้จริง ก็ไม่มีหลักประกันใดๆ สำหรับประชาชนนั้น ถามว่าความยุติธรรมที่คุณต้องการคืออะไร โกงแล้วไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ยอมรับผิดแล้วต้องติดคุก1ปี แต่ไม่ต้องติดคุกก็ได้ใช่หรือไม่ ให้ไปนอนเล่นชั้น14 ซึ่งเป็น ROYAL SUITE ก็ได้ใช่หรือไม่ อย่ามาอ้างประชาชน เขาถูกเอาเปรียบถูกหลอกจากนักการเมืองมาตลอดชีวิต พวกเขาจึงต้องติดคุกจริง ไม่มีปัญญาหนีไปต่างประเทศเหมือนพวกคุณ
ลั่นขายข้าวหักลบกลบหนี้ไม่ได้
ประเด็นที่ 7.ล่าสุดบริวารน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังออกมาบอกอีกว่า หลังมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าสินไหม 10,028 ล้านบาท ถ้ามาหักกับข้าวที่ยังเหลือในคลัง แล้วเอาไปขาย ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหาย นพ.วรงค์มองว่า พวกคุณต้องไปอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดให้ดี การที่พูดแบบนี้แสดงว่าพวกคุณไม่ได้อ่าน ศาลไม่ได้คิดค่าเสียหายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมกับข้าวที่คงค้างอยู่ในคลังช่วงนั้น ศาลคิดเฉพาะการที่พวกคุณระบายข้าวจีทูจี ไปให้พรรคพวกราคาถูกมาก ซึ่งเป็นจีทูจีเก๊ หลายฝ่ายเตือนก็ไม่สนใจ ราคาข้าวที่ขายจีทูจี ก็ต่ำกว่าราคาตลาดมาก คิดความเสียหายจากการขายจีทูจี 4 สัญญาได้ 20,057 ล้านบาท และให้น.ส.ยิ่งลักษณ์จ่ายค่าเสียหายนี้ 50%คือ 10,028 ล้านบาท ส่วนข้าวในคลังจะเสียหาย หรือขายเท่าไร ศาลปกครองไม่ได้เอามาคิดค่าเสียหายยิ่งลักษณ์
“น.ส.ยิ่งลักษณ์และบริวาร ควรหยุดสร้างความสับสน แบบมั่วๆได้แล้ว และควรเคารพคำตัดสินของศาล เคารพกฎหมาย บ้านเมืองจะได้เดินหน้าต่อไปนพ.วรงค์กล่าว
จี้นายกฯเคลียร์เซลฟี่กับนักโทษหนีคุก
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ภาพน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เซลฟี่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า... หาเรื่องเดือดร้อน รูปถ่ายเซลฟี่อาหลาน รูปนี้ใหม่หรือเก่า ใครพิสูจน์ได้หรือไม่
“เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานหรือไม่ เดินทางไปต่างประเทศด้วยงบประมาณแผ่นดิน แต่ไปพบเจอนักโทษหนีคุก ต้องนำตัวส่งศาล มันถึงจะถูกนะท่านนายกฯ”นายนันทิวัฒน์ระบุ
บทเรียน‘ปู’คือบทเรียน‘อิ๊งค์’
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร” เรื่อง “บทเรียนยิ่งลักษณ์ คือ บทเรียนของแพรทองธาร”ว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคดีจำนำข้าวกว่าหมื่นล้านบาท เป็นบทเรียนสำคัญต่อนายกฯคนปัจจุบัน การเป็นนายกฯใช่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มีเสียงข้างมากในสภาโดยไม่เคยมีประสบการณ์ทางการบริหารหรือทางการเมืองใดๆ อาศัยเพียงเชื้อสายตระกูลของนักการเมืองผู้มีอำนาจเท่านั้น ท้ายสุดจะกลับเป็นภัยถึงตัวเอง เพราะการบริหารราชการแผ่นดิน จำเป็นต้องรอบรู้เกี่ยวกับประเด็นอำนาจหน้าที่รับผิดชอบและเล็งเห็นผลความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อประเทศ จากการตัดสินใจทางการเมืองด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ใครเสนออะไรและสอบทานเพียงแค่ว่า ไม่ผิดกฎหมายแน่นะ ก็ตัดสินใจทันที
“ฝ่ายที่เสนอ ฝ่ายที่ให้คำปรึกษา เขาไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เพราะคนตัดสินใจสุดท้ายคือ นายกฯที่ต้องรับผิดชอบ กรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ จึงเป็นบทเรียนสำคัญให้นายกฯแพทองธาร ที่ขึ้นมาเป็นนายกฯ โดยไม่มีประสบการณ์บริหารราชการแผ่นดินที่เพียงพอว่าต้องรอบคอบต่อการตัดสินใจในฐานะนายกฯ ทุกๆเรื่อง บทเรียนมาแล้ว แต่จะเรียนรู้ทันหรือไม่ นาทีนี้ต้องภาวนาแล้ว”นายสมชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี