“จิรายุ” ชี้ทั่วโลกจับตา “ไทยแลนด์” หลัง”นายกฯ แพทองธาร” บินเยือนอังกฤษ-โมนาโกแค่ 4 วัน ฮือฮาระดับโลกหลังปิดเจรจาไทยจัด “เอฟวัน” คาดปี 2028 มีโอกาสลุ้นติดขอบสนามในกรุงเทพฯ ด้านศิลปะ ”มวยไทย“ต้องทำให้เป็นสินค้าในยุโรปที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ส่วน Soft Power อาหารไทยเร่งปั้นให้เป็นมาตรฐานครัวโลก ขณะที่ส่งออกสินค้าจากไทยเร่งเปิดโต๊ะเจราจา FTA กับอังกฤษเพิ่ม ด้านการท่องเที่ยวไทยในตลาดไฮเอนด์ luxury tourism จากยุโรปกำลังนิยม สั่ง ททท.ทำตลาดเชิญรุก
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้นภารกิจเยือนสหราชอาณาจักรและราชรัฐโมนาโก ระหว่างวันที่ 21–25 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นการเดินทางคณะเล็กเพียงแค่ 4 วัน แต่ถือว่านายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจทั้งการเจรจาการค้าและพบปะกับนักธุรกิจเพื่อช่วยกันสนับสนุน และแก้ไขปัญหาสินค้า บริการของไทย ที่มีในยุโรปได้เป็นผลสำเร็จอย่างงดงาม ถึง 4 เรื่องด้วยกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ไม่รู้สึกกังวลใจกับบุคคลที่ไม่เห็นด้วยที่พยายามใช้โซเชียลมีเดียโจมตี เพราะเรื่องที่โจมตีก็ไม่เป็นความจริง และการเดินทางในครั้งนี้ นายกฯ มีจุดโฟกัส อยู่ที่ผลของงานมากกว่า เพราะหากไม่มีสมาธิจะทำให้การเจรจาเรื่องสำคัญใน 3-4 วันที่ผ่านมา จะพลาดไปอย่างน่าเสียดายสำหรับโอกาสของประเทศไทย โดยภารกิจในครั้งนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศไทยในการต่อยอดวาระแห่งชาติ Soft Power สร้างชาติสู่เวทีโลก และเตรียมความพร้อมประเทศไทยสู่บทบาทเจ้าภาพงานระดับนานาชาติ
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 1 ที่ ทำให้หลายประเทศทั่วโลก จับตาคือการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ระดับโลกอย่าง F1 ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หลายประเทศในโลก พยายามจะเป็นเจ้าภาพให้ได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula 1 มีปัจจัยหลายประการ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมมอเตอร์สปอรต์สำคัญระดับโลกที่จะทำให้ประเทศไทยมีการลงทุนมหาศาลจากนักลงทุนภาคเอกชนซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้าประเทศในทุกมิติ โดยการจัดการแข่งขัน Formula 1 (F1) จะสร้างรายได้มหาศาล ทั้งจากการขายตั๋ว ค่าธรรมเนียมสนาม ค่าสิทธิการออกอากาศและรายได้จากสปอนเซอร์ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่น ๆ รายได้จากการจัดการแข่งขัน F1 ไม่ได้มาจากการขายตั๋วหรือสปอนเซอร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนแบ่งจากการเก็บค่าธรรมเนียมจากสนาม การจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งคอนเสริต์ งานโชว์ ยานยนต์ และอื่นๆอีกกว่า 1 แสนล้านบาท
โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดจัดงานในแนวทาง “Sustainable F1” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวควบคู่ไปกับกีฬา มอเตอร์สปอร์ต ซึ่งผู้บริหารระดังสูง F1 มีการตอบรับที่ดีในแนวทางที่เสนอ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเข้าสู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์
ทั้งนี้ หลังการเจรจามีผลสัมฤทธิ์โดยรัฐบาล จะทำการศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยจะขออนุมัติหลักการในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการและการศึกษาการเป็นเจ้าภาพ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 4 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ เพื่อขออนุมัติหลักการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ.2571 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าประเทศไทยจะเป็น1 ใน 24 สนามระดับโลก ที่มีโอกาสจัดการแข่งขัน FORMURA ONE ในกรุงเทพ
นายจิรายุ กล่าวต่อไป สำหรับผลสัมฤทธิ์เรื่องที่ 2 คือการขยายตลาด สร้างการรับรู้ Softpower ไทย “มวยไทย -อาหารไทย -สปาไทย” โดยเฉพาะมวยไทย นายกรัฐมนตรีมีแนวทางให้มีสถาบัน/องค์กรที่เป็นยอมรับในระดับสากล มาร่วมกำหนดมาตรฐานกลางสำหรับการฝึกสอนและการแข่งขันมวยไทย เพื่อขยายโอกาสวิชาชีพสำหรับคนในวงการมวยไทย ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ “มวยไทย” ในฐานะ “มรดกวัฒนธรรมของชาติ” ที่สามารถสร้างรายได้ ส่งออกทักษะ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยนายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า จะต้องมีสถาบันสากลให้การรับรองหลักสูตรฝึกสอนมาตรฐานสากล ทั้งระบบ ครูมวย นักมวย กรรมการ พี่เลี้ยง ผู้จัดการ รวมไปถึงอุปกรณ์ สถานที่ฝึกสอน โรงยิมค่ายมวย เพื่อสร้างมาตรฐาน ขยายโอกาส วงการมวยไทยในต่างแดน รวมถึงผลักดันการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์เชื่อมโยงโรงยิมมวยไทยในต่างประเทศกับประเทศไทยโดยตรง
สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 3 นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ ขจัดอุปสรรคทางการค้า-การนำเข้าสินค้าไทยใน อังกฤษ โดยการเร่งรัดให้เกิดการเจรจา FTA ระหว่างไทย -อังกฤษ หรือ รูปแบบ mini-FTA เพี่อ อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร และลดข้อจำกัดโควต้าและภาษีศุลกากร โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางแนวทางการส่งออกอย่างยั่งยืนทั้งในอังกฤษ และประเทศในสหภาพยุโรปอีกด้วย
สัมฤทธิ์ผลเรื่องที่ 4 นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งกระตุ้นการท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป โดยได้รับการตอบรับจาก บริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ เช่น Trailfinders, Emirates และสายการบินระหว่างประเทศ ที่จะเพิ่มเที่ยวบิน ระหว่างไทยและยุโรป ซึ่งนักท่องเที่ยวยุโรปมองไทย เป็น Hub ที่จะเดินทางต่อไปในประเทศอี่น ปัจจุบัน จำนวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางเข้าเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น เป็นกลุ่ม ”ไฮเอนด์ luxury tourism “ที่มีการใช้จ่ายสูง โดยนิยมการท่องเที่ยวแบบหรูหรา มีระดับ สร้างรายได้การท่องเที่ยวในระดับตลาดพรีเมี่ยม ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการจัด แพคเกจ การท่องเที่ยวร่วมกันระหว่าง ททท. และเอกชนบริษัทท่องเที่ยวในยุโรป เพื่อขยายตลาดการท่องเที่ยวทันที
ทั้งนี้การเยือนประเทศอังกฤษและโมนาโกเพียงแค่ 4 วันทำให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำของประเทศไทยได้เจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งการสนับสนุนและส่งเสริมสินค้าธุรกิจในทุกประเภทของไทยในสหภาพยุโรปให้มียอดขายที่สูงขึ้น อีกทั้งประเทศไทยจะถูกนับเป็นประวัติศาตร์ที่ประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดการแข่งขันระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายสำคัญที่จะจัดทำกิจกรรมการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือ(Man-made Destination )อันเป็นต้นทางสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆได้ในภาวะความกดดันทางเศรษฐกิจของโลกได้ นายจิรายุกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี