‘จตุพร’สับรัฐบาล‘พท.’ใกล้อวสาน
‘อิ๊งค์-แม้ว’อาการหนัก
หึ่ง!เขี่ยภท.ก่อน13มิ.ย.
รอจังหวะสองยุบสภา
‘อันวาร์’ชมเทวดาแม้ว
พท.โวคุณภาพคับแก้ว
พายุถล่มจันทร์ส่องหล้า! สะพัด“อิ๊งค์-แม้ว” รับมือไม่ไหว รัฐบาลส่อแตกหัก “จตุพร พรหมพันธุ์” แนะจับตาก่อน 13 มิถุนายน เขี่ยทิ้ง“ภูมิใจไทย” คาดดิ้นตั้งรัฐบาลใหม่ หากไปไม่ไหวรอจังหวะสองยุบสภา ส่วน “ชาญชัย-สมชาย”บุกป.ป.ช.เติมหลักฐาน เทวดาชั้น 14 ป่วยทิพย์ด้าน ‘เพื่อไทย’เมินวิจารณ์ ‘สนธิ-จตุพร’ กอดผนึกกำลังรบ ‘ระบอบทักษิณ’ครวญแค่หายใจแรง ก็ผิดแล้ว เชื่อเปิดศาลคดีชั้น14 ไม่กระทบการเมืองเพราะ แม้วไม่ได้เป็นนายกฯ
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.68 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยและรัฐบาลข้ามขั้วกำลังเผชิญกับแรงกดดันรอบด้านทั้งปัญหาภายในและนอกประเทศจนนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร ยากจะรับมือไหว
ส่วนทักษิณ ชินวัตร กำลังฝ่าอุปสรรคขวากหนามและสุ่มเสี่ยงจะถูกนำตัวกลับไปติดคุก ยิ่งทำตัวเงียบหาย จนเกิดข่าวลือหนาหูว่าหนีออกจากประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนัดพร้อมหรือไต่สวนการละเมิดหมายจำคุกหรือไม่ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
“สิ่งที่น่าสังเกต คือ ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.ที่ศาลฎีกาฯ นัดนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐบาล เพราะมีข่าวแว่วเริ่มถี่ขึ้นว่าก่อน 13 มิ.ย.นี้จะมีการปรับ ครม. โดยเอาพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ซึ่งไม่สนใจว่า รัฐบาลตั้งใหม่จะมีเสียงเท่าไร จากนั้นให้จับตาดูหลัง 13 มิ.ย. ถ้าเห็นว่ารัฐบาลไปไม่รอดจะตัดสินใจยุบสภา เพราะการประกาศศึกกับ “พลเอก ส.” ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่สงครามยิ่งดูเหมือนพร้อมจะแตกหักกันแล้ว” นายจตุพร กล่าว
เผยรัฐบาลใกล้อวสาน
นายจตุพร กล่าวอีกว่า รัฐบาลกล้าตัดพรรคภูมิใจไทยออกนั้น สะท้อนถึงเสถียรภาพรัฐบาลกำลังจบลงจึงต้องทำอะไรสนองความสะใจส่วนตัวของคนชักใยอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้วันที่ 13 มิ.ย. นี้ แม้ตนเชื่อว่า ทักษิณจะไม่ไปศาลฎีกาฯ แต่ตนอยากให้ไป และอยากหน้าแตกกับการคาดการณ์ผิด
“ผมไม่อยากให้ทักษิณ หนีอีกรอบ แม้ผมเชื่อว่าทักษิณหนี และยังเชื่อว่าทักษิณไม่ไปศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ แต่ให้จับตาดูว่า ข่าวยุบพรรคเพื่อไทยในคดีถูกครอบงำที่อยู่ในขั้นการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมาก่อนหรือไม่ อีกไม่นานถัดจากนี้คงได้รู้กัน” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ย้ำว่า หากสถานการณ์ก่อนถึงวันที่ 13 มิ.ย.นี้มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลกันมาก ขอให้จับตาดูการยื่นคำร้องกล่าวหารัฐบาลฝ่าฝืน รธน.มาตรา 144 ที่อยู่ในขั้นการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งจะกวาดพรรคฝ่ายรัฐบาลแทบหมดสิ้นในคราวเดียวกัน ดังนั้นให้ดูปรากฏการณ์เหล่านี้ไว้ เพราจะเกิดแรงเหวี่ยงในทางการเมือง
ดูดงูเห่าไม่เข้าเป้า
นายจตุพร ระบุว่า บางพรรคมีความพยายามจะดึงหรือดูดงูเห่ามาร่วมกับฝ่ายรัฐบาล สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเคยมั่นใจจะได้ สส. ฝ่ายค้านมาร่วม แต่ขณะนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากความบาดหมางของพรรครัฐบาล และอุปสรรคขวากหนามมีมากมายหลายชั้นจนยากและเกินมือของนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ จะเอาอยู่เสียอีก ย่อมทำให้ สส.จะถูกดูดเกิดลังเล
ส่วนศาลปกครองสูงสุดสั่งให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้เงินจำนำข้าว 10,000 ล้านบาทเศษนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นการชดใช้ในส่วนที่เกิดจากการระบายข้าวแบบจีทูจีที่รัฐทำเสียหายจากการประมาทเลินเล่อกว่า 20,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องชดใช้คืน 50% คือ 10,000 ล้านเศษ อย่างไรก็ตามการชดใช้คืนรัฐของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่มีวันจะเกิดขึ้น เพราะได้แสดงบัญชีทรัพย์สินเพียง 600 ล้านบาท
พท.ไม่ให้ราคา”ตู่-สนธิ”
ด้านนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงกรณีปรากฏภาพระหว่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธานนปช. และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการสนธิทอล์ค อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สวมกอดกัน และมีการพาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีว่า ปรากฏการณ์นี้ เราเห็นอยู่แล้ว ไม่อยากวิจารณ์เขา เพราะทั้ง2ท่านนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกันไม่ว่าเราจะทำอะไร หายใจแรงก็ผิดอยู่แล้ว บ้านตนเรียกว่า น้ำไหลไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรไม่กอดกันก็รู้อยู่แล้วว่า จะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เป็นไร ไปกอดกันบ่อยๆ ก็ดีแล้ว เชิญเลยตามสบาย เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง คนพอใจก็อยู่ด้วยกันได้ คนที่ติดค้างในใจก็มีหลายเรื่อง บางคนมาขอแล้วไม่ได้ก็เป็นฝ่ายตรงข้าม คนที่ไม่สมประโยชน์ก็มี ไม่ใช่เฉพาะคู่นี้ มีหลายคู่หลายคน ถ้าทำใจให้ดีๆ ปฏิบัติธรรมให้ถูกต้อง ทำใจสบายๆ ให้ได้ ก็ไม่เห็นเป็นไร ก็แค่นั้นก็อยู่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสมประโยชน์ ตนเองกับนายจตุพรก็ไม่มีอะไรกัน ไม่วิพากษ์วิจารณ์
นายวิสุทธิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการรวมกันแล้วบอกว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ ที่เขาประกาศนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา แต่อย่าทำให้การเมืองกลับไปอยู่แบบเดิมในอดีต เกิดความแตกแยก เดินชุมนุมประท้วง
มั่นใจ13มิย.ไม่มีอะไร
นายวิสุทธิ์กล่าวถึงการประเมินกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน คดีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ว่า พวกเราไม่ได้ทำการประเมินอะไร มั่นใจในทีมงาน เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เพราะนายทักษิณได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว จึงไม่มีอะไร ไม่ได้กังวลอะไรเลย คนที่คิดก็เป็นคนที่คิดได้ทุกอย่าง เรามองในแง่ดี จากสิ่งที่ท่านได้ทำมา ตามกระบวนการเราเชื่อว่าถูกต้อง
เมื่อถามว่าจะส่งผลกระทบทางการเมืองหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทางการเมือง นายทักษิณไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นพ่อนายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลภายนอก วันนี้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่นายกฯ โดยไม่มีใครบังคับ แต่นายทักษิณเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เรื่องที่ท่านทำก็เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมือง ก็เป็นธรรมดาที่นายกรัฐมนตรีต้องมีไปปรึกษา ความดีของท่านมีเยอะ ความรู้ความสามารถท่านมากมายที่ให้ประโยชน์ต่อบ้านเมือง เป็นธรรมดาที่นายกรัฐมนตรีจะมีการเข้าไปหารือ โดยเฉพาะเร็วๆ นี้ ที่จะมีการเสวนา นายทักษิณยังอยู่ในประเทศไทย ไม่ไปไหน อย่าไปเชื่อข่าวลือ สร้างข่าวเท็จ สร้างความวุ่นวายทางการเมือง เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อม ไม่มี เชื่อว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชมเทวดาทักษิณคนเก่ง
เมื่อถามถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เชิญนายทักษิณ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ยาเสพติดอาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน” ในวันที่ 27 พ.ค.จะเป็นการด้อยค่านายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ในอดีตนายทักษิณปราบปรามยาเสพติด คนไทยทั้งประเทศก็รู้ เกือบจะหมดอยู่แล้วในขณะนั้น ถ้าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ในเมื่อท่านมีความรู้ ความสามารถในเรื่องนี้การที่ ป.ป.ส. จะเชิญไป ก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้ด้อยค่านายกรัฐมนตรีอะไร เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ ใครมีความรู้ความสามารถอะไร ก็มาแสดงออก รัฐบาลก็ต้องรับฟัง ว่าสิ่งไหนทำแล้วสำเร็จ อะไรที่ดีก็ควรสานต่อ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
“ขณะนี้ยอมรับว่า ยาเสพติดจากประเทศรอบข้างเต็มไปหมด ฉะนั้น หากมีแนวทางใหม่ที่ท่านเคยทำแล้ว ก็เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ อย่าไปมองแบบนั้น มองในแง่ดี คิดบวกเข้าไว้ ประเทศชาติจะได้เดินหน้าได้” นายวิสุทธิ์ กล่าว
แฉแม้วไม่ได้ป่วยวิกฤต
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)และนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อขอสอบถามการดำเนินการตรวจสอบของป.ป.ช.ต่อกรณีที่มีการนำเงินส่วนที่ปรับลดยอด 3.5 หมื่นล้านบาท เสนอเพิ่มเป็นรายจ่ายงบกลางเพื่อใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการเติมเงิน 10,000บาท ดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ซึ่งเป็นการกระทำความผิดกรณีฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 144ที่บัญญัติไว้ว่าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า เราจะมีการยื่นพยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีชั้น 14 เพิ่มเติมในวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และชัดเจนมาก ว่า การส่งตัวไปโรงพยาบาลตำรวจ กระทำการอย่างไร เอกสารที่กรรมาธิการเรียกไป ซึ่งนำมาตรวจสอบ รวมไปถึงมติแพทยสภาที่ออกมาก็ชัดเจนตรงกัน ว่า ไม่พบอาการป่วยวิกฤต ถ้าจะอ้างว่าเป็นการรักษาเฉพาะทาง ก็ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ดังนั้น หลักฐานที่จะยื่นต่อศาลเป็นการรักษาตลอด 180 วันที่ยืนยันชัดเจนว่ามีการป่วยแต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต ถ้านายทักษิณไม่เดินทางไปศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ สิ่งที่ศาลจะดำเนินการก็คือการออกหมายจับ
ไม่มีวงจรปิดคุมขังไม่ได้
ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา(อดีตสว.)โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ศาลไต่สวนเพียงหลักฐานเดียวก็พบความผิดและคนทำผิดแล้วครับ” “หลักฐานเดียวที่ชั้น 14 ก็เพียงพอแยกคนทำทุจริตมาลงโทษได้ ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดก็นับเป็นที่คุมขังไม่ได้” “คนทำเสีย ไม่ซ่อม ไม่รายงาน และผบ. ก็จงใจทำทุจริตช่วยเหลือให้นักโทษแหกกฎ ทำอะไรได้ตามใจ เล่นโทร นัดพบใครหรือไม่อยู่เลยก็ได้ ฯลฯ”
หนูวอนจะโกรธกันทำไม
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงได้เห็นภาพประวัติศาสตร์นายจตุพรพรหมพันธุ์ อดีต ประธานนปช. และวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชนขึ้นเวทีความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวสวมกอด และประกาศร่วมมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการสนธิทอล์ค นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่เห็นเลย
เมื่อถามว่าอยู่คนละขั้วแล้ววันนี้จับมือกันเพื่อล้มระบอบทักษิณ นายอนุทิน ร้องโอ๊ย และกล่าวว่า ถ้าคนเคยอยู่คนละขั้วแล้วสามัคคีกันได้ เข้าใจกันได้ ก็เป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ ก็ขอให้เข้ามารวมกัน ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ประชาชนก็จะยิ่งเป็นสิ่งที่ดี จะไปโกรธกันทำไม
เมื่อถามว่าส่วนน้ำเงินกับแดงจะจับมือกันหรือไม่นายอนุทิน กล่าวย้อนว่า ทุกวันนี้ก็จับกันอยู่ เมื่อถามอีกว่าส่วนจะกอดโชว์ผ่านสื่อหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่ากอดไม่ได้เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นสุภาพสตรี นักข่าวจึงแซวว่าแล้วพ่อนายกฯจะกอดหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนจะบอกว่าถามอะไรก็ไม่รู้ไม่เกี่ยวกับข่าวเลย
‘อันวาร์’ชม‘ทักษิณ’
ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปืดเผยว่า ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้นายกฯมาเลเซียได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณ คณะที่ปรึกษาประธานอาเซียนที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งการประชุมในครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ มีส่วนอย่างสำคัญในการผลักดันการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมา ด้วย แม้จะเป็นก้าวๆ เล็กที่ยังคงมีความเปราะบาง แต่ก็เป็นความพยายามของอาเซียน ในการขับเคลื่อนการแก้วิกฤตเมียนมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี