"สภาฯ"ฉลุยรวดเดียว 2 พ.ร.ก."ปราบอาชญากรรมไซเบอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ด้าน"โรม"ติงขาดการคุ้มครองประชาชนตกเป็นเหยื่อ จี้หน่วยงานเร่งออกมาตรฐานกลาง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการที่ประชุม พิจารณาอนุมัติพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอเพื่อแก้ปัญหาของการหลอกหลวงทางออนไลน์ หรือภัยอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา แต่แยกลงมติทีละฉบับ
ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ สส.นั้น ส่วนใหญ่สนับสนุนการออก พ.ร.ก.ดังกล่าว แต่ได้ท้วงติงต่อการปฏิบัติใช้กฎหมายที่หวังผลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงการหลอกหลวงให้เล่นพนันออนไลน์
โดยช่วงหนึ่งของการอภิปราย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า แม้ว่า พ.ร.ก.ที่ขออนุมัติจากสภาฯ จะบังคับใช้ไปแล้ว แต่พบว่าปัญหาของแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับเพิ่มมากขึ้น แสดงว่ามีปัญหาต่อการบังคับใช้ ทั้งนี้ใน พ.ร.ก.นั้น ตัดประเด็นกรณีการระงับการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินโดยไม่ผ่านตัวกลาง (พีทูพี) ออกไป ซึ่งตนมองว่าหากรัฐบาลต้องการแก้ปัญหาได้ ต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ให้ได้ โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางที่ต้องได้รับความปลอดภัย เมื่อถูกหลอกต้องได้รับเงินคืนภาระไม่ควรตกอยู่ที่ประชาชน แต่วันนี้เปิดช่องทางที่ควบคุมไม่ได้ ต้องติดตามต่อว่าหลังมี พ.ร.ก.จะทำอย่างไรต่อไป
"ใน พ.ร.ก.กำหนดให้สถาบันการเงิน และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หากมีความเสียหาย 100% มีส่วนร่วม 1% เท่ากับว่ามีส่วนร่วมแล้ว ดังนั้นโอกาสการได้เงินคืนของประชาชนมีมาตรฐานตรงไหน ถือว่าไม่ใช่การกำหนดภาระความรับผิดชอบกับผู้ประกอบกิจการอย่างแท้จริง เมื่อกฎหมายออกมาแล้ว ต้องมีไกด์บุ๊คเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในมาตรฐานของเรื่องต่างๆ และปรับใช้ต่อผู้ให้บริการและประชาชน เพื่อให้เป็นพยานหลักฐานสำคัญในการพิสูจน์ในชั้นศาล" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สำหรับบัญชีม้า ซิมม้า หรือกระเป๋าวอลเล็ตม้า มีอยู่ธนาคารหนึ่ง ในชั้นความมั่นคงชี้ข้อมูลชัดว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นิยมเพราะอนุญาตให้เปิดง่าย ทำไมถึงไม่ดำเนินการ ดังนั้น ควรเริ่มให้ผู้ให้บริการรับผิดชอบ นอกจากนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องตรวจสอบเกี่ยวกับซิมม้าพบการนำชื่อคนต่างด้าวสวมสิทธิทำผิดกฎหมาย และต้องหาให้เจอว่าระบบผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ผิดพลาด และใครคือเอเย่นต์ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์
"การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก่อนหน้านั้น พบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน อย่าง พล.ต.ต. "ต." ดำเนินการแล้วหรือไม่ ต้องพิสูจน์การทำงานเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป" นายรังสิมันต์ อภิปราย
จากนั้นเป็นการชี้แจงรายละเอียดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า กรณีที่ทักท้วงว่าไม่มีข้อบังคับให้ผู้ประกอบการร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ถูกหลอกหลวง ทั้งนี้การไม่ระบุข้อความว่าต้องปรับเท่าไรนั้น เพื่อให้เกิดความยืดยุ่น สามารถปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ โดย กสทช. ธปท. ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน
"เราไม่เคยบอกว่าจะแบนพีทูพี เมื่อแพลตฟอร์มต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยจะถูกกำกับ โดย กลต.เขาจะทำไม่ได้หากไม่ได้ขออนุญาต แต่หากเขาขออนุญาตจะถูกกำกับ โดยกระทรวงดีอีเห็นพ้องกับกฤษฎีกาที่จะทำให้ธุรกิจป้องกันอาชญากรรมดำเนินการต่อได้" ปลัดกระทรวงดีอี ชี้แจง
ขณะที่ นางดารณี แซ่จู ตัวแทน ธปท.ชี้แจงถึงมาตรการการกำกับธนาคารโดย ธปท.ว่า การออกระเบียบกฎเกณฑ์กำกับจะแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาสนี้
จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติแยกทีละฉบับ ผลปรากฏว่า พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ได้รับมติอนุมัติ ด้วยจำนวน 452 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ขณะที่ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ลงมติอนุมัติ 453 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี