ดักคอ‘ทักษิณ’
อย่าอ้างติดโควิดเบี้ยวไปศาล13มิ.ย.
ศิษย์เก่าหมอศิริราชรุ่น99หนุนแพทยสภา
“จตุพร” จับตา “ทักษิณ” ไปศาลฎีกาฯ 13 มิถุนายน หรือไม่ วิเคราะห์ อาจขอใบรับรองแพทย์ไปอ้างเรื่องสุขภาพกับศาล เผยกลุ่มคนเสื้อขาวนัดเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะ 7 มิถุนายนนี้ ก่อนนัดแสดงพลัง 10 มิถุนายน รวมตัวไปให้กำลังใจแพทยสภา “อดีสว.สมชาย”ดักคอ“ทักษิณ” อย่างัดมุก“ติดโควิด”เพื่อเบี้ยวขึ้นศาล ขณะที่ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น 99 และนิสิตเก่าจุฬาฯ แสดงจุดยืน สนับสนุน-ให้กำลังใจ กรรมการแพทยสภา ยืนหยัด
หลักการ-จริยธรรมแพทย์ “โฆษก สธ.”หนุน‘สมศักดิ์’วีโต้มติแพทยสภา ระบุชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยมั่นใจว่าแม้แพทยสภาต้องการเสียงยืนยันมติเดิมจำนวน 2 ใน 3 หรือ 47 เสียงจากทั้งหมด 70 เสียง แต่ขณะนี้แนวโน้ม มีกรรมการแพทยสภาจะมาสนับสนุนมากถึง 60 เสียงเกินกว่าจำนวน 2 ใน 3 ดังนั้น มติยืนยันของแพทยสภา จะทำให้รัฐบาลหน้าแตกซ้ำสอง
ส่วนวันที่ 13 มิ.ย. จะเกิดสถานการณ์พุ่งเป้าจับตานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะไปศาลฎีกานักการเมืองหรือไม่ ซึ่งมีทางเลือก 2 ทางเท่านั้น คือ กรณีนายทักษิณ ไม่ไปศาลจะมีแนวโน้มหนี หรืออาจขอใบรับรองแพทย์ไปอ้างเรื่องสุขภาพกับศาล
“ถ้าทักษิณใจกล้าไปศาล โดยศาลอาจพิจารณาไต่สวนให้เสร็จ และมีผลชี้ขาดในวันเดียวก็เป็นได้ ดังนั้น ทักษิณ คงกังวลกับผลตัดสินให้นำตัวกลับไปติดคุก จึงพยายามเลี่ยงให้ความมั่นใจต่อสื่อมวลชน โดยบอกจะตัดสินใจไปศาลฎีกาหรือไม่ ในเที่ยงคืน 12 มิ.ย.” นายจตุพร กล่าว
วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า ในสถานการณ์อันยุ่งเหยิงทั้งของทักษิณและรัฐบาลอุ๊งอิ๊งนั้น การเคลื่อนไหวของภาคประชาชน จะมีการขยับแสดงพลังเช่นกัน โดยวันที่ 7 มิ.ย. นี้ ประชาชนเสื้อขาว นัดจัดอภิปรายประเด็นมาตรฐานจริยธรรมของแต่ละวิชาชีพหรืออนาคตบ้านเมือง ซึ่งจะจัดที่หอประชุมสำนักข่าวพีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก 33/1
นายจตุพร กล่าวว่า การเปิดเวทีอภิปรายครั้งนี้ มีวิทยากรเบื้องต้นตกลงมาร่วมถกประเด็นสาธารณะแล้ว ประกอบด้วย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, อ.แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก, อ.จรัญ ภักดีธนากุล และปอง-อัญชะลี ไพรีรัก เป็นต้นโดยงานจะเริ่มเวลา 13.00 น.-17.00 น. ขอให้ประชาชนทยอยมาร่วมได้ตั้งแต่ 11.00 น. และได้เตรียมอาหารเที่ยงไว้ต้อนรับด้วย
นายจตุพร ย้ำว่า ในสถานการณ์ปล่อยข่าวปลุกปั่นเอาตัวรอดของใครบางคนนั้น ถัดจากการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะวันที่ 7 มิ.ย. แล้ว ประชาชนเสื้อขาวนัดกันว่าวันที่ 10 มิ.ย.นี้จะทยอยรวมตัวกันไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจแพทยสภา เพราะอย่างน้อยจะได้มีขวัญกำลังใจที่มีพลังประชาชนยืนอยู่เคียงข้างและสนับสนุนให้รักษาจริยธรรมกติกาของวงการแพทย์ไว้อย่างเข้มงวด เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ของประชาชนและบ้านเมือง
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังอ้ำอึ้งเรื่องไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 13 มิ.ย. ว่า “11 เริ่มป่วยมีไข้ 12 ตรวจเจอโควิด 13 ขอใบรับรองแพทย์จาก รพ 9 ไม่สามารถมาพบศาลตามหมายเรียกได้ แผนหลอกเด็กแบบนี้ โดนหมายจับนะ รู้ทัน”
นายสมชาย ยังขอให้ช่วยกันส่งกำลังใจช่วยแพทยสภา อย่าปล่อยการเมืองครอบงำ ล็อบบี้หนัก ต้องการให้กรรมการลาประชุม งดออกเสียง มติสวนวีโต้ไม่ถึง 2 ใน 3 เพื่ออ้างมติไม่สมบูรณ์ในการไต่สวนของศาลฎีกาฯ วันที่ 13 มิ.ย.
วันเดียวกัน ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น99 จำนวน 111 คน ขอประกาศจุดยืนในการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมแพทย์ เพื่อส่งกำลังใจและสนับสนุนการตัดสินใจอันชอบธรรมของแพทยสภา ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในฐานะสถาบันหลักและตัวแทนอันทรงเกียรติของวิชาชีพแพทย์
การรวมพลังครั้งนี้ มิได้มีเป้าประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง แต่ตั้งมั่นอยู่บนเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ที่จะเห็นแพทยสภาเป็นดั่งประทีปนำทาง ธำรงไว้ซึ่งมาตรฐาน และจริยธรรมอันดีงาม
พวกเราเชื่อมั่นว่า การยืนหยัดในหลักการและความถูกต้องของแพทยสภา จะเสริมสร้างพลังความเชื่อมั่น เป็นแสงแห่งความหวัง และเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมไทย สืบไป พร้อมรายชื่อศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น99จำนวน 111คนแนบมาด้วย
ขณะที่ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก แถลงการณ์นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ในนามของนิสิตเก่าแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีหลักแหล่งและหน้าที่การงานต่างๆบนผืนแผ่นดินไทย
พวกเราขอให้กำลังใจคณะกรรมการแพทยสภาทุกๆท่าน ได้โปรดยืนหยัดและยืนยันในมติอันเป็นไปตามหลักการ เพื่อผดุงความถูกต้อง ยุติธรรม รักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรี เกียรติยศและจริยธรรมของแพทย์ เป็นแสงแห่งความหวังในยามที่ชาติบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่อ่อนแอและเปราะบาง
พวกเราขอชื่นชมที่คณะกรรมการแพทยสภามิยินยอมให้อำนาจและอิทธิพลใดๆอยู่เหนือกฎหมาย ปฎิเสธการบงการให้ยอมรับในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และขัดต่อจริยธรรมของแพทย์ อันเป็นวิชาชีพที่ประชาชนชาวไทยทั้งปวงให้ความเชื่อถือศรัทธา พวกเรา เหล่านิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังมีรายชื่อข้างท้ายนี้ ได้พร้อมใจกันร่วมลงนามเพื่อแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจแด่คณะกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้
ด้าน น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ยิ่งใกล้วันที่ 12 มิถุนายน ที่กรรมการแพทยสภานัดประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะแพทยสภานายกพิเศษ ที่ยับยั้งการลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ 2 ราย ก็ยิ่งมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นขบวนการหนักขึ้น มีการล่าชื่อแพทย์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องกดดันเพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี การขับไล่รัฐบาล ก่อเกิดสภาวะความเสี่ยงที่จะกระทบต่อองค์กรวิชาชีพแพทยสภา เพียงแค่ต้องการจะเล่นงาน นายทักษิณ ให้ได้ คำว่าระบอบทักษิณที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นวาทกรรมจนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ก็ถูกขุดเอามาใช้โจมตีกันอีก
น.ส.ตรีชฎา กล่าวว่า นายสมศักดิ์ยืนหนังสือให้มีการยับยั้งมติแพทยสภาที่ลงโทษนายแพทย์ 2 ราย ที่เกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ด้วยการพักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งหมายถึงไปตรวจรักษาคนไข้ไม่ได้เป็นเวลา 3 เดือน และ 5 เดือนนั้น เป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจของแพทยสภานายกพิเศษที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 25 ไม่ใช่นายสมศักดิ์ใช้อำนาจตามใจชอบ เช่นเดียวกับกรรมการแพทยสภาที่มีอยู่ 69 คน หากยืนยันมติเดิมจะต้องใช้คะแนนโหวตให้ได้ 2 ใน 3 นั่นคือไม่น้อยกว่า 47 เสียง ซึ่งก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ฉบับเดียวกันนี้ แพทยสภาไม่สามารถลงโทษแพทย์ 2 ราย ได้ตามอารมณ์ของกรรมการแพทยสภาคนใดได้ ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับไปตามนั้น
โฆษก สธ.กล่าวต่อว่า เหตุผลในการวีโต้หรือยับยั้งมติแพทยสภาที่นายสมศักดิ์แถลงข่าวและระบุไว้ในหนังสือได้ผ่านขั้นตอนการศึกษาพินิจพิเคราะห์ของคณะกรรมการ 10 คน ที่ให้ไปพิจารณาเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความรอบคอบและถี่ถ้วนก่อนจะใช้อำนาจวีโต้ หลักสำคัญคือ ควรให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ทั้ง 2 ราย ที่ยื่นคำร้องมาถึงนายสมศักดิ์ ไม่ควรถูกลงโทษด้วยมาตรการที่รุนแรงขนาดนั้น มีแพทย์รายหนึ่งถูกมติแพทยสภาลงโทษตักเตือน เรื่องนี้นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ แม้ว่าแพทยสภาจะเป็นองค์กรวิชาชีพอิสระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบ กฎหมายจึงระบุให้สภานายกพิเศษมีอำนาจถ่วงดุลโต้แย้ง พร้อมกับระบุวิธีการไว้ การที่มีการสร้างกระแสกดดันว่าต้องยึดตามมติแพทยสภาโดยไม่คำนึงถึงประเด็นและเนื้อหาในข้อโต้แย้ง จึงเป็นความเห็นที่ไม่ถูกหลักการ เป็นการพิพากษาอาศัยกระแสสังคมกดดันกรรมการแพทยสภาที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิควรใช้วิจารณญาณไตร่ตรองมาพิจารณาให้รอบด้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี