วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
แนวหน้าวิเคราะห์: รัฐบาล‘เพื่อไทย’ล้มเหลว แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน

แนวหน้าวิเคราะห์: รัฐบาล‘เพื่อไทย’ล้มเหลว แก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจและปากท้องประชาชน

วันพุธ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 08.00 น.
Tag : รัฐบาล เพื่อไทย รัฐบาลล้มเหลว วิกฤติเศรษฐกิจ
  •  

 

การเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 พรรคเพื่อไทยกลับเข้าสู่อำนาจพร้อมความคาดหวังมหาศาลจากประชาชน โดยเฉพาะในด้าน“เศรษฐกิจ”และ“ปากท้อง”ซึ่งเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงด้วยนโยบายเศรษฐกิจที่ดูหวือหวา เช่น“แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท,”“พักหนี้ 3 ปี,” “ค่าแรงขั้นต่ำ 600บาท”ซึ่งสร้างความหวังอย่างแรงกล้าในหมู่ชนชั้นแรงงาน เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย


เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 2 ปี ความเป็นจริงกลับเผยให้เห็น“ความล้มเหลวเชิงระบบ”การเปลี่ยนนโยบายเป็นการปฏิบัติ ทำให้เกิดคำถามถึงขีดความสามารถทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยว่า หมดความน่าเชื่อถือ และความศรัทธาในการแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจลดลงอย่างมาก

นโยบายไม่มีกลไกและไม่มีความชัดเจน อย่าง“เงินดิจิทัล 10,000บาท”ถูกมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงมหภาค เกิดความล่าช้า โดยมีคัดค้านจากหลายฝ่าย แต่รัฐบาลก็ยังเดินหน้าทำได้ สามารถแจกเงินหมื่นไปถึง2เฟส แต่ไม่ได้สร้างให้เกิดพายุเศรษฐกิจลูกใหญ่อะไรไปกระตุ้นเศรษฐกิจ...และสุดท้ายรัฐบาล‘แพทองธาร’ได้ชะลอโครงการเฟส3 ไปก่อน อ้างรอโอกาสที่เหมาะสมอีกที โดยเอางบ 1.57 แสนล้านบาทปรับไปกระตุ้นเศรษฐกิจใน 4 โครงการแทน จากนี้ไปจะต้องจับตาตรวจสอบการใช้งบส่วนนี้ให้ดีๆ เป็นห่วงการจัดสรรมีความโปร่งใสหรือไม่ 

ขณะที่นโยบายเร่งด่วนที่ควรทำ ได้ทันที เช่นการช่วยเหลือราคาพืชผลทางการเกษตร ค่าแรงหรือ การลดต้นทุนชีวิต กลับถูกทอดทิ้ง หรือทำแบบเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

จุดนี้สะท้อนถึง“ความไม่พร้อม”ของทีมเศรษฐกิจของพรรคและรัฐบาล‘แพทองธาร’ที่ไม่สามารถสร้างกลไกเชิงบริหาร เพื่อรองรับนโยบายได้ทันการณ์ อีกทั้งยังติดกับดัก“นโยบายประชานิยมเชิงวาทกรรม”มากกว่าการออกแบบเชิงโครงสร้าง ซึ่งไม่นำไปสู่ผลอย่างเป็นรูปธรรม ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

หลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมของพรรคเพื่อไทยกับพรรคคู่แข่ง อย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยอมกลืนเลือดแลกนโยบายหลายประการ เพื่อความอยู่รอดทางการเมือง นำไปสู่การแต่งตั้งรัฐมนตรีที่ไม่ตอบโจทย์ ความเชี่ยวชาญ  ยอมประนีประนอมกับโควตาพรรคร่วม และแม้ในโควตาตนเอง ก็ยังมีการแบ่งขั้วอำนาจระหว่าง “กลุ่มบ้านใหญ่” กับ“กลุ่มเพื่อไทยใหม่”ซึ่งส่งผลต่อการประสานเชิงนโยบาย และผลประโยชน์กันอย่างชัดเจน จนมีกระแสการปรับ ครม.ภายในพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่องตามวงรอบพรรคซึ่งเป็นปกติ เพื่อสลับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเป็นรัฐมนตรี

ความไม่เป็นเอกภาพนี้ส่งผลทำให้หลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับปากท้องเช่นกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงแรงงาน ยังขาดเอกภาพในการทำงานและไม่สามารถออกมาตรการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลจริงต่อชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงโดยรวมได้

ในอดีตจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยในยุคพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนคือ“ความเชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจแบบรากหญ้า”ที่แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็น”ประชานิยม”แต่ก็“ใช้ได้จริง”ในทางปฏิบัติไม่ว่าจะเป็น 30บาทรักษาทุกโรค ที่ปรับมาเป็น 30บาทรักษาทุกที่ กองทุนหมู่บ้านหรือสินเชื่อ OTOP ทุกอย่างเหมือนกินบุญเก่า ที่นำมาปัดฝุ่นใช้อีกครั้ง ไม่มีนโยบายใหม่อะไรที่ประชาชนจดจำแล้ว

ในยุครัฐบาล‘แพทองธาร’จุดแข็งนี้กลับเลือนรางลงไปอย่างมาก แม้พรรคเพื่อไทยพยายามปรับภาพลักษณ์ให้เป็น“พรรคของคนรุ่นใหม่”และคนในเมือง โดยเดินหน้าเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคให้มากขึ้น แต่ ณ วันนี้กลับเสียได้ฐานรากในชนบทที่เคยเป็นหัวใจหลักไปแล้ว เพราะไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่สัมผัสหรือจับต้องได้ ทั้งในเรื่องรายได้ ตรงกันข้าม ค่าครองชีพกลับพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเงินในกระเป๋าแทบไม่มีจ่าย ทุกวันนี้สภาพคล่องเงินหมุนเวียนในตลาดหายไปหมด เพราะคนไม่กล้าที่จะจับจ่ายซื้อของกันแล้ว

จนถึงขณะนี้หากเศรษฐกิจระดับครัวเรือน ก็ยังไม่ดีขึ้นภายในปี 2568 พรรคเพื่อไทยจะยิ่งเผชิญกับแรงเสียดทานจากประชาชนที่เคยสนับสนุนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า กลุ่มเกษตรกรทุกภาคส่วนและคนทำงานนอกระบบ ที่กำลังรู้สึกว่าความหวังที่พวกเขาเคยมอบให้ถูก“เปลี่ยนเป็นความผิดหวัง”เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรทุกประเภทยังตกต่ำต่อเนื่อง รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาให้ชัดเจนได้

หากยังบริหารประเทศในลักษณะ“พ่อคิด ลูกทำ”กลายเป็นแค่“รัฐบาลหุ่นเชิด”นับเวลายิ่งเสื่อมถอยลงไปต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่มีนโยบายอะไรที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องประชาชนได้ ขณะที่ปัญหาวิกฤติความเดือดร้อนต่างๆก็เพิ่มขึ้น ใกล้เข้าสู่การ‘เผาจริง’แล้ว หากจะรอเม็ดเงินก้อนใหญ่จากงบประมาณปี 69 รวมถึงงบ 1.57แสนล้าน ที่จะอัดลงไป หวังกระตุ้นเศรษฐกิจหรือแค่ปูพรมหวังผลแค่ทางการเมืองอย่างเดียว ซึ่งทุกอย่างอาจสายเกินไปไม่ทันการณ์ ความเดือดร้อนยิ่งลุกลามผลกระทบไปทั่ว

และถ้าพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถเร่งปรับครม.ทีมเศรษฐกิจและจัดการโครงสร้างภายในรัฐบาลชุดนี้ให้ทำงานแบบ“มืออาชีพ”ได้ทันเวลาแล้ว ก็ถือว่า หมดปัญญาในการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจและปากท้องได้ ก็ควรพิจารณาตัวเอง อย่าให้คนไทยต้องเดือดร้อนลำบากมากไปกว่านี้เลย หรือจะรอให้คนทนไม่ไหวออกมาขับไล่  

เพราะความล้มเหลวของรัฐบาลเพื่อไทย ในการแก้วิกฤติเศรษฐกิจและปากท้องแล้วจะสูญเสียความนิยมกระทบในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว      

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว
  • ‘ภูมิธรรม’ขอความร่วมมือปชช.งดแชร์ข้อมูลปฏิบัติทางทหาร หวั่นสร้างความสับสนเพิ่ม ‘ภูมิธรรม’ขอความร่วมมือปชช.งดแชร์ข้อมูลปฏิบัติทางทหาร หวั่นสร้างความสับสนเพิ่ม
  • \'หมอทศพร\'ยอมรับรบ.แก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 น้อยไป ทำคนเป็นมะเร็งปอดเยอะ 'หมอทศพร'ยอมรับรบ.แก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 น้อยไป ทำคนเป็นมะเร็งปอดเยอะ
  • มองเกมปรับ ครม. หากเพื่อไทยยึด มท. ชี้ เดิมพันสูง อาจเจอทางตัน มองเกมปรับ ครม. หากเพื่อไทยยึด มท. ชี้ เดิมพันสูง อาจเจอทางตัน
  • เปิดข้อต่อรอง! ‘ภท.’ ขอคุม ‘พลังงาน’ แลกเก้าอี้  ‘มท.1’ ย้ำจุดยืนเซตซีโร่ เจรจาโควตาใหม่ยกคณะ เปิดข้อต่อรอง! ‘ภท.’ ขอคุม ‘พลังงาน’ แลกเก้าอี้ ‘มท.1’ ย้ำจุดยืนเซตซีโร่ เจรจาโควตาใหม่ยกคณะ
  • ‘สมชัย’สวด‘อิ๊งค์’ ชี้พยักเพยิด-หัวเราะ ไม่ให้เกียรติ‘สื่อ’ ‘สมชัย’สวด‘อิ๊งค์’ ชี้พยักเพยิด-หัวเราะ ไม่ให้เกียรติ‘สื่อ’
  •  

Breaking News

โหร‘AI’ไขดวงชะตา! ‘ChatGPT’ที่พึ่ง‘ไทยสายมู’ยุคดิจิทัล

อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’

'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'

นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved