‘โรม’อัดรัฐบาล ยังมองไม่เห็นการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนใน‘แม่น้ำกก’แบบเป็นรูปธรรม แนะเอาจริงสาง‘กองกำลังว้า’ที่ทำเหมืองผิดกฎหมาย ชี้ปม‘ปลาบวม’จากพยาธิของอาจได้ผลกระทบที่ต่างกัน
5 มิ.ย.68 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม กมธ.ฯ ว่า หลักๆ การประชุมในวันนี้จะเป็นเรื่องแม่น้ำกกที่ขณะนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีปัญหา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะมิติด้านความมั่นคง แต่มีเรื่องของความชุมชนสังคม สุขภาพ รวมถึงสิ่งแวดล้อม
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อย่างที่เราทราบว่ามีเรื่องของสารหนูที่ปนเปื้อนอยู่ในแม่น้ำกก โดยคงไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของสารหนูเท่านั้น แต่ยังมีมากกว่านั้น สาเหตุสำคัญคือ กองกำลังว้าที่จีนทุนสีเทามาทำเหมือง ที่มีตั้งแต่เมืองทองและล่าสุดก็มีเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งการทำเหมืองลักษณะนี้ไม่ได้สนใจว่าคนไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร รวมถึงไม่ได้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มว่าจะมีการขยายตัวไปเรื่อยๆ มากขึ้น
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ กมธ.ความมั่งคงฯ ได้ลงพื้นที่ไปแล้วหนึ่งรอบ และมีการพิจารณาถึงแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อยู่ 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1.การแก้ไขปัญหาระยะสั้น โดยเราจะต้องหาวิธีการที่จะทำให้สารหนูไม่ส่งผลกระทบไปมากกว่านี้ เพราะจะเกิดปัญหากับประชาชน โดยมีนักวิชาการบางคนเสนอในเรื่องของการทำฝาย อาจเป็นฝายระยะสั้นก็ได้ ซึ่งจะเป็นวิธีการหนึ่งในการที่จะแก้ปัญหา ทั้งนี้ จากที่เราคุยกันผ่านกลไกจังหวัดก็น่าจะมีความเป็นไปได้และไม่น่าใช้งบประมาณที่สูง แต่ก็มีข้อจำกัดคือหากมีตะกอนเข้าไปจับที่สารหนู จะนำไปบำบัดที่ไหน ข้อมูลที่เรารับทราบคืออาจจะบำบัดที่สระบุรี โดยเราจะต้องมีการคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
2.การแก้ปัญหาระยะยาว ในส่วนนี้ยอมรับว่ามีความท้าทาย คือเราที่ต้องไปแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ นั่นคือกองกำลังว้า ที่หากถามว่ากองกำลังว้าหรือกลุ่มจีนทุนสีเทาเขาทราบหรือไม่ว่ามีผลกระทบต่อคนไทย เขารู้ แต่ที่เขาไม่สนใจเพราะเราต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานโยบายเรื่องต่างประเทศ และความมั่นคงของประเทศไทยนั้น ไม่ได้ทำให้ใครต้องเกรงใจต่อประเทศไทยเลย ซึ่งตนไม่ได้บอกว่าเราต้องมีความขัดกันทางอาวุธ หรือต้องเผชิญหน้าในเชิงอาวุธยุทโธปกรณ์
“แต่ที่ผ่านมาทั้งการทูต การต่างประเทศ ความมั่นคง และอีกหลายรูปแบบ เราไม่ได้ทำให้ประเทศอื่นรู้สึกว่า เขาไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคนไทย จึงทำให้สุดท้ายคนไทยต้องรับภาระเช่นนี้ และจนถึงวันนี้เราก็ยังไม่มีรูปธรรมในเรื่องการแก้ปัญหากองกำลังว้าที่ทำเหมืองผิดกฎหมายเช่นนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า แม้ภาคประชาสังคมจะมีการพูดในเรื่องนี้ไปมาก แต่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งรับผิดชอบในเรื่องนี้ แม้จะเคยมีการสั่งการไปบ้าง แต่การสั่งการของนายประเสริฐไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง วันนี้จึงอยากส่งเสียงของกมธ.ฯว่าเราจำเป็นต้องมีคำตอบในเรื่องนี้ เราจะมีมาตรการจากเบาไปหาหนักอย่างไรในการแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้นปัญหาเรื่องการที่เขาไม่เกรงใจเรา ก็จะส่งผลกระทบแบบนี้ไปเรื่อยๆ วันนี้คือพื้นที่ของว้าแม้เขาจะไม่ใช่รัฐ เป็นแค่กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่ง เขายังทำได้ขนาด กัมพูชาที่เราเห็นก็เช่นกัน เขาไม่เกรงใจเรา ต่อไปพื้นที่อื่นๆ ก็จะเกิดปัญหาในลักษณะนี้ วันนี้ กมธ.จึงตั้งใจที่จะพิจารณาเรื่องนี้เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าปลาที่บวมในแม่น้ำกกเกิดจากพยาธิ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สุดท้ายต้องวัดผลกันที่ทางวิทยาศาสตร์ ตนคงไม่สามารถไปชี้ชัดได้ว่าปลาแต่ละตัวจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ข้อมูลบนวิทยาศาสตร์ที่เรารู้นั้น คือวันนี้น้ำในแม่น้ำกกปนเปื้อนจริงๆ และเกินกว่ามาตรฐานเท่าตัว นี่คือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนปลาที่นายเฉลิมชัยได้ไปอาจจะเป็นปลาที่มีผลกระทบแตกต่างกัน แต่หากเราเอาเบสออนข้อมูลในเรื่องของน้ำนั้น ต้องยอมรับว่ามีปัญหาจริงๆ และต้องตรวจสอบต่อไปว่า ผลกระทบมันจะไปไกลขนาดไหน เพราะผลกระทบอาจจะไม่ได้อยู่ที่แม่น้ำกก แต่รวมไปถึงแม่น้ำสาย และไหลไปถึงแม่น้ำโขง ซึ่งผลกระทบจากกว้างไกลมหาศาล
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี