สว.ลอต3พบกกต.
รับทราบข้อกล่าวหาเอี่ยวคดีฮั้ว
‘สว.สำรอง’หนุน‘อิทธิพร’
ทำงานเข้มแข็งจนครบวาระ
“สว.สำรอง”บุก กกต. ให้กำลังใจ“อิทธิพร”หลังมีข่าวจะลาออกจากตำแหน่งประธานกกต.ปูดมือที่มองไม่เห็นกดดัน โดยขอให้ทำงานอย่างสุจริต ตรงไปตรงมาจนครบวาระ พร้อมขอให้ดำเนินคดีทางวินัยและพักงาน“แสวง” ระบุเจ้าตัวควรลาออกหรือเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ขู่7วันถ้าไม่ขยับ จะส่งต่อข้อมูลให้ดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 5มิถุนายน 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะสมาชิกวุฒิ(สว.)สำรองนำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อเรียกร้องความสุจริตและโปร่งใสในการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ปี 2567 โดยระบุว่า กรณีนี้ มี4 ประเด็น ซึ่งประเด็นแรก มีข่าวว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.จะลาออกก่อนกำหนด จึงมีข้อห่วงใยว่าท่านอาจถูกกดดันด้วยมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ หรือเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของท่านกับใครบางคนที่ทำให้ท่านอึดอัด อยากให้ท่านเข้มแข็งดูแลการตรวจสอบการเลือกสว.ที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรมให้เรียบร้อยสะเด็ดน้ำ โดยไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดันใดๆ ขอให้คำนึงถึงประชา ชน และประเทศชาติเป็นหลัก เหลืออีกนิดเดียว จึงอยากขอเป็นกำลังใจให้ประธาน กกต. รวมทั้ง กกต.ทุกคนได้อยู่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเต็มความสามารถจนครบวาระ อีกทั้งขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลรวมทั้งมือที่มองไม่เห็น
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 2 กรณีที่สว.จำนวน 22 คน ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2568 ขอให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) หยุดปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวนการเลือกสว. และขอให้คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนกลางของ กกต. คณะที่ 26 หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เรียนว่าคณะสว.ดังกล่าว ได้กระทำการละเมิดต่อประมวลจริยธรรม หลายกรรมหลายวาระต่อเนื่องกันในความผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับตนเอง หรือผู้อื่น คุกคามข่มขู่การดำเนินการของฝ่ายข้าราชการประจำ และถือเป็นการใช้อำนาจ สถานะหน้าที่ของตน ก้าวก่ายข้าราชการประจำอันเป็นความผิด ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 185 (1)
ประเด็นที่ 3 ขอให้ทบทวนคำวินิจฉัยของ กกต.ที่ 5/2568 ลงวันที่ 6 ม.ค.2568 กรณียกคำร้องไม่เอาผิดนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ที่ถูกกล่าวหาว่าละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ป้องกัน การนำโพยจัดตั้งเข้ามาในที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และยืนยันขอให้มีการดำเนินการตั้งคณะกรรมการทางคดีวินัยแก่นายแสวง ตามที่ พ.ต.อ.มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการกล่าวหา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา53 รวมทั้งพักงานนายแสวง ระหว่างนี้ และเรียกร้องขอให้นายแสวงได้พิจารณาตัวเอง โดยลาออกหรือเว้นวรรคในการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ กกต.จนกว่าการพิจารณาเรื่องตรวจสอบการเลือก สว.ปี2567 จะแล้วเสร็จ
และประเด็นสุดท้ายขอให้กำลังใจคณะกรรมการชุดสืบสวนไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็ม ความสามารถ ไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล การข่มขู่ หรือคำติฉินนินทา หรือข้อร้องเรียนใดๆ นอกจากนี้ ขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้งคณะ ตลอดจนศาลฎีกาและกระบวนการ ยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ด้วยความโปร่งใสยุติธรรมตามหลัก นิติธรรมและธรรมาภิบาล โดยไม่หวั่นไหว ไม่ยอมรับหรือคล้อยตามการแทรกแซง
ด้าน พ.ต.อ.มนัส นครศรี อดีตผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอ้างว่าเป็นบุคคลที่แจ้งให้นายแสวง ทราบถึงเบาะแสการฮั้วเลือกสว.ในวันเลือกสว.ระดับประเทศ แต่นายแสวง กลับไม่มีการดำเนินการและไม่มีการรายงานให้กกต.ทราบ โดยกล่าวว่า การที่กกต. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนชุดที่ 26 และทำการสืบสวนจนได้พบพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามเบาะแสที่ตนได้เคยแจ้งต่อนายแสวง จึงเห็นว่าถือเป็นความปรากฏต่อกกต.แล้วว่า การที่นายแสวง ไม่แจ้งเบาะแสการฮั้วเลือกสว.ในวันเลือกระดับประเทศให้กกต.ทราบ ถือเป็นกรณีความปรากฏว่านายแสวง กระทำผิดทางวินัยจึงจะยื่นหนังสือดำเนินการทางวินัยกับนายแสวง และมีคำสั่งให้นายแสวง หยุดปฏิบัติหน้าที่เสียก่อน โดยขอให้ดำเนินการภายใน 7 วัน หากไม่ดำเนินการตนจะนำข้อมูลนี้ให้กับผู้ที่มาขอเพื่อไปดำเนินการเอาผิดกกต.ตามมาตรา 157 ของกฎหมายอาญา
ด้าน นายอัครวัฒน์พงษ์ธนาชลิตกุล หนึ่งในคณะสว.สำรอง ตั้งขอสังเกตว่าเหตุใดนายแสวง ถึงหายไปในช่วงนี้ นายแสวง กำลังทำอะไรอยู่เงียบหายไปจากวงจรแต่พวกเราทราบ แอบส่งหนังสือสกัดเรื่องนั้นเรื่องนี้จริงหรือไม่ อยากบอกว่าสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่ขณะนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าเห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติบ้านเมืองเห็นแก่ประชาชน ขอให้ยุติการทำหน้าที่เลขาธิการกกต.ที่จะมายุ่งกับการสอบฮั้วเลือกสว. ให้เจ้าหน้าที่เขาดำเนินการไปอย่างตรงไปตรงมา ประชาชนให้กำลังใจท่าน เป็นผนังที่สำคัญที่ป้องกันให้ท่านไม่ต้องรับโทษ ฉะนั้นนายแสวง ต้องหยุด
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายณฐพร โตประยูร และคณะ ยื่นขอคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 36/2568 ลงวันที่ 9 เม.ย.2568 ที่สั่งไม่รับคำร้อง ไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีร้องขอให้เอาผิด กกต.เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปล่อยให้มีการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา โดยนายณฐพร ขอให้ทบทวนคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว รวมทั้งขอให้มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องต่อเนื่องและเอกสารประกอบ มีลักษณะเป็นการขออุทธรณ์คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ไม่มีบทบัญญัติให้บุคคลมีสิทธิอุทธรณ์คำวินิจฉัยหรือคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ นายณฐพรจึงไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 นายณฐพรจึงไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี