ขอเจรจาไทย-พร้อมปิดกลบคูเลต
ทหารเขมรถอนกำลัง
ถอยกลับไปจุดที่เคยอยู่ปี2567
จัดทหาร2ฝ่ายคุยสัปดาห์ละครั้ง
แม่ทัพ2ฮึ่มตัดไฟทันทีถ้าปะทะ
‘อนุทิน’สั่งผวจ.ติดเขมรดูแลเข้ม
มท.1 บินลงอุบลฯเกาะติดสถานการณ์ไทย-เขมร ให้กำลังใจทหาร กร้าวแม้แต่มิลเดียวก็จะไม่ยอมเสีย! ปลุกคนไทยทุกคนรวมพลังเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว ชี้การเมืองเป็นเรื่องสุดท้าย วันนี้มีแต่พวกไม่มีพรรค ทุกอย่างเรียบร้อยค่อยไปฟัดกันใหม่ ขันน๊อต7ผวจ.ติดชายแดนเขมรดูแลปชช.ให้ดี พร้อมหนุนฝ่ายทหารความมั่นคง ถ้าต้องอพยพ ต้องทำศูนย์พักพิงให้เหมือนโรงแรม3ดาว ห้องน้ำสะอาด-อาหารอร่อย ห้ามผู้ว่าฯออกนอกพื้นที่จนกว่าสถานการณ์สู่ปกติ ย้ำมท.เนวหลังดูแลทั้งปชช.และครอบครัวทหาร เพื่อให้ปฎิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ ตอกหน้า“ฮุนเซน”จี้ไทยรับผิดชอบปิดด่าน ย้อนถามแล้ว’อธิปไตยไทย’ใครจะรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ พร้อมปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังตรึงเครียด จากกรณีที่เขมรเคลื่อนกำลังพล พร้อมอาวุธหนักประชิดชายแดน
“มท.1”บินด่วนอุบลฯเกาะติดชายแดน
โดยจุดแรกนายอนุทินและคณะไปที่ศูนย์พัฒนาเขตพื้นที่ชายแดน บ้านทุ่งสมเด็จ ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อมอบสิ่งของให้ทหารและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. กองอาสารักษาดินแดน หรือ อส.และหน่วยงานฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จากนั้นเดินทางไปตรวจหลุมหลบภัยโรงเรียนบ้านแปดอุ้ม และหลุมหลบภัยวัดบ้านค้อ ให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่สำหรับ การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการลงมาติดตามสถานการณ์ก่อนเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชายแดน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์
ในวันที่ 11 มิถุนายน ที่จ.อุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความมั่นใจ สำหรับแนวทางดูแลประชาชน และเป็นแนวหลังสนับสนุนการทำงานของกองทัพ
ปลุกคนไทย!แม้แต่มิลเดียวก็ไม่ยอมเสีย
เมื่อเดินทางถึงศูนย์พัฒนาเขตพื้นที่ชายแดน บ้านทุ่งสมเด็จ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี นายอนุทินขึ้นกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า จะเห็นได้ว่ามีสส.ในจ.อุบลราชธานี และจังหวัดใกล้เคียงของพรรคภูมิใจไทย และสส.จากพรรคอื่นมาร่วมลงพื้นที่กับเราด้วย แสดงให้เห็นว่า วันนี้พรรคไม่มี มีแต่พวก มีแต่คนไทยเท่านั้น วันนี้การเมืองเป็นเรื่องสุดท้าย เรื่องทุกข์สุขของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด วันนี้การเมืองก็ต้องผนึกกำลังป้องกันบ้านเมือง ป้องกันประเทศไทย ป้องกันประชาชนให้ปลอดภัยจากอันตรายทุกสิ่ง ทุกอย่างเรียบร้อยค่อยไปฟัดกันใหม่ วันนี้ขอกอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยความรักกันก่อนเพื่อประชาชน เรามาที่นี่ไม่มีเรื่องอื่นเลย มาด้วยหัวใจ ต้องมาให้เห็นกับตาว่าทุกคนยังมีจิตใจเข้มแข็งมีกำลังใจ มีความมั่นคงเชื่อมั่นว่าทหารของเราจะปกป้องดูแลอธิปไตยของไทยได้เต็มที่ เราต้องรวมกำลังใจส่งไปยังทหารหาญของเรา ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณชายแดน รับรองว่าจะไม่ให้รุกรานเข้ามา อย่าว่าแต่ตารางนิ้วเดียวเลย มิลเดียวก็เข้ามาไม่ได้
พร้อมตรึงแนวหลังดูแลครอบครัวทหาร
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ตนเชื่อมั่นในเจตนารมย์ของผู้บังคับบัญชาทหาร ตนคุยกับผู้บังคับบัญชาของทหารระดับสูงแล้ว ทำความเข้าใจ ยืนยันความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยที่จะให้ความร่วมมือตรึงแนวหลังดูแลประชาชน โดยเฉพาะครอบครัวของทหารหาญที่คอยตรึงกำลังป้องกันประเทศอยู่แนวหน้า เพื่อไม่ให้เขาวิตกกังวล จะได้ดูแลรักษาบ้านเมืองได้เต็มที่ ขณะเดียวกันน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ส่งความห่วงใยมามอบให้ประชาชนชาวอุบลราชธานี และสั่งการให้ตนมาพบประชาชนในพื้นที่ วันนี้เต็มที่ทั้งใจ เต็มที่ทั้งภารกิจที่ต้องทำให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจที่ดี
“ผมถามชุด ชรบ.ในพื้นที่ว่ากลัวหรือไม่ ซึ่งเขาตอบมาว่ากลัว ผมก็ตกใจ แต่เว้นไปสัก2วินาที เขาตอบมาว่ากลัวที่ไหนล่ะ มันสะท้อนจิตใจของประชาชนคนไทยทุกคน คนไทยเราพอเริ่มมีภัย เริ่มมีการรุกรานเมื่อไหร่ ผมยังไม่เคยเห็นคนไทยบอกว่ากลัวเลย เพราะคำว่ากล้าหาญมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว โดยเฉพาะความกล้าหาญในการรักษาอธิปไตย ต้องขอชื่นชมทุกฝ่าย”นายอนุทินกล่าว
สั่งผวจ.ทำศูนย์อพยพฯเป็นบ้านหลังที่2
และว่า วันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับชายแดนประเทศที่เรากำลังมีปัญหามาครบหมด เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกจังหวัดพร้อม อุบลราชธานีไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว คนไทยทุกคนพร้อมตรึงไว้ให้ให้มั่นใจว่าแนวหลังพร้อม มีความปลอดภัย ขอให้มั่นใจ ตนจะมอบอำนาจเต็มให้ผู้ว่าฯในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในการดูแลให้เกิดความมั่นใจ ทั้งความปลอดภัย คุณภาพชีวิต หากจำเป็นที่ต้องออกมายังที่พักพิงชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ก็จะไม่รู้สึกแตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวันปกติ
นายอนุทินยังยืนยันว่า หากต้องไปถึงจุดที่ต้องอพยพ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย จะดูแลเคหะสถานของประชาชนเหมือนบ้านของเราเอง ไม่ต้องกังวล ขอให้ชีวิตปลอดภัยไว้ก่อน นอกจากนี้ตนสั่งการผู้ว่าฯว่าศูนย์พักพิงชั่วคราว ต้องไม่ใช่เพียงที่ซุกหัวนอน แต่ต้องเป็นบ้านหลังที่2 มีความสะดวก มาตรฐานถูกสุขอนามัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคจะต้องมีมาตรฐาน สมกับเป็นศักดิ์ศรีของคนไทยในยามที่สถานการณ์ไม่ปกติ ขณะเดียวกันประชาชนมีอะไรก็บอกสส.ในพื้นที่ของตัวเองได้เลย เพราะมีอยู่เต็มที่ เที่ยวนี้จะได้ใช้งานผู้แทนฯ ใช้กันจนไม่มีคำว่าเหนื่อย สถานการณ์แบบนี้จะพิสูจน์ความไว้วางใจของประชาชนที่ได้เลือกมา
กร้าวไม่ยอมให้ไทยสูญเสีย
“ท่านนายกฯฝากบอกผมมา บอกประชาชนด้วยว่านายกฯเป็นห่วง จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนดังกล่าวถือว่าเป็นผู้เสียสละ เพราะความอดทนอดกลั้น ไม่ออกมาประท้วงว่ากล่าวรัฐบาล ถือว่าทำให้ขวัญกำลังใจคนทำงาน และประชาชนทั่วประเทศมั่นใจว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเกินไปกว่าที่เราจะควบคุมได้ นายกฯทราบดีถึงความอดทน อดกลั้น เสียสละ จึงสั่งให้ผมมาดูว่ามีอะไรขาด เราจะเติมเต็ม วันนี้ไม่มีใครที่จะคิดว่าเราต้องยอม หากประเทศไทยต้องสูญเสียอะไร เราไม่มีทางยอม ถ้ายอมแล้วประชาชนเดือดร้อน ยอมแล้ว ดินแดนเราเสียหายไป ยอมแล้วศักดิ์ศรีความเป็นคนไทยหายไป ตรงนี้เราเลยจุดนั้นมาแล้ว เราต้องต่อสู้พิทักษ์รักษาบ้านเมืองของเราเต็มความสามารถ เป็นหน้าที่ของเราทุกคน ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีใครคิดต่าง 1มิลก็เข้ามาไม่ได้ ทหารฝ่ายทหารก็บอกว่าไม่มีวันยอม เรื่องนี้สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด” นายอนุทิน กล่าว
สั่งผวจ.ชายแดนห้ามออกนอกพื้นที่
นายอนุทินกล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราไม่เชื่อเรื่องของการสู้รบ หรือศึกสงคราม เรายังหวังว่าความสัมพันธ์อันดีของ2ประเทศจะได้กลับมา แต่ไม่ใช่กลับมาเพราะเราไปยอมหรือเสียเปรียบ เราจะไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านั้น ต้องเข้าใจกันด้วยความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย แถลงการณ์ต่างๆจากแต่ละประเทศก็ยังเชื่อว่าความสัมพันธ์ของ2ประเทศตั้งแต่ในอดีตจะทำความเข้าใจให้เกิดขึ้น ในสายตาของตน ตนเชื่อว่าเราจะหาทางออกได้ เราจะไม่ทิ้งกันแน่นอน ผู้ว่าฯในพื้นที่ติดชายแดนที่เกี่ยวข้องจะไม่ได้รับการอนุมัติจากปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ออกนอกพื้นที่ ต้องอยู่ในจังหวัดของตัวเองจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ตนจะไม่เรียกประชุมในกทม.เป็นอันขาด จะใช้ประชุมระบบออนไลน์แทน
ย้ำคนไทยรักกันอย่าเตะตัดขากันเอง
“การปกป้องรักษาบ้านเมืองเป็นหน้าที่ของทุกคน การให้ความร่วมมือกับทางการก็เป็นการช่วยรักษาบ้านเมืองอย่างหนึ่ง แปลว่าประชาชนสมัครสมานสามัคคีในยามมีศึกสงคราม แสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีอะไรน่ากลัวกว่าความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวของประชาชน เราต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งเตะตัดขากันเอง ช่วงนี้เราต้องรักกัน เชื่อเถอะว่าการเมืองต้องสามัคคี แม้กระทั่งในรัฐบาล ถ้าเป็นเรื่องปกป้องบ้านเมือง ทุกคนเห็นไปในทางเดียวกันหมด เราต้องเชื่อมั่นการตัดสินใจของผู้นำรัฐบาล “ นายอนุทิน กล่าว
ยันมท.เป็นแนวหลังดูแลปชช.
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีว่า การลงพื้นที่วันนี้ ผู้สูงอายุจะกังวล แต่วัยทำงานที่อายุน้อยลงมา ขวัญกำลังใจดี ไม่กลัวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ยิ่งไม่กลัวใหญ่เลย ลงพื้นที่วันนี้เห็นว่าจ.อุบลราชธานีเตรียมความพร้อมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ ตนมาย้ำว่า ถ้าจะอพยพมาเพื่อความปลอดภัย ก็ต้องไม่ให้เขารู้สึกว่าห่างบ้าน เราต้องดูแลเรื่องมาตรฐานสุขอนามัย ต้องทำให้เขาออกมาแล้วไม่ต้องกังวลอะไร ส่วนบ้านเรือนเคหะสถาน หากต้องออกมากระทรวงมหาดไทยก็มี อส. ร่วมกับ ชรบ. ดูแลเรื่องความปลอดภัยและทรัพย์สินให้ค่อนข้างสมบูรณ์ มาแล้วเราเห็นขวัญกำลังใจของประชาชน และคนที่ดูแลประชาชนเต็มที่ เราก็ไม่กังวล และทหารก็บอกว่าไม่น่าถึงจุดนั้น ขณะที่การรับข้อมูลข่าวสาร ทางจังหวัด และอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ต้องลงพื้นที่ตลอดเวลา ตะเวนไปหลายตำบล ไม่ได้มีจุดที่เสี่ยงเยอะ ฉะนั้น เรื่องการให้ข้อมูลข่าวสาร ก็มีมาตรฐานอยู่แล้ว
นายอนุทินยังกล่าวถึงมาตรการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป็นเรื่องการใช้นโยบายรักษาสถานการณ์ เพื่อทำให้เกิดความปกติเร็วที่สุด สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มอบอำนาจการตัดสินใจให้ฝ่ายทหาร ดังนั้น กระทรวงมหาดไทย เป็นเรื่องการสนับสนุนแนวหลังดูแลประชาชน แนวหน้าเป็นเรื่องของทหาร แต่แนวหลังเรื่องการดูแลประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องของทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พวกเรา กระทรวงมหาดไทยก็ต้องดูแลให้ดี และเต็มที่เพื่อที่เราจะทหารจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะอันตรายหรือไม่ ถือว่าเป็นข้อสั่งการข้อสำคัญที่ตนเองได้มอบให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ปฏิบัติ
ตอกฮุนเซนใครจะรับผิดชอบอธิปไตยไทย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกมาระบุให้ไทยรับผิดชอบเรื่องการปิดด่าน นายอนุทินย้อนถามกลับว่า แล้วอธิปไตยของไทยใครรับผิดชอบ ถ้าเราต้องรักษาดูแลรับผิดชอบอธิปไตยของประเทศของเราแล้ว อะไรที่เป็นเรื่องของเรา เราก็จะรับผิดชอบเองอยู่แล้ว
ส่วนมาตรการเหล่านี้จะกดดันให้กัมพูชา กลับมาสู่โต๊ะเจรจาได้หรือไม่ นายอนุทินมองว่า รัฐบาลมีแนวทางมีวิธีการเจรจาอยู่ เราแยกหน้าที่กันทำงาน ตอนนี้กระทรวงมหาดไทยรับหน้าที่ทำให้มั่นใจว่าแนวหลังที่ต้องมีความพร้อม ให้ความมั่นใจว่าเราพร้อมปฏิบัติ
ขันน๊อต7ผวจ.ชายแดนติดเขมร
นายอนุทินยังกล่าวถึงการลงพื้นที่เพื่อเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนวันที่ 11 มิถุนายนว่า มีแนวทางลักษณะเดียวกัน เพราะเรามีแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัดเชื่อมกันมีระยะทางยาว ดังนั้น ต้องใช้หลักเดียวกันต้องพร้อมในการจัดการแต่ละด่าน ด่านที่สัมพันธ์ทางด้านการค้า ด่านผ่อนปรนก็มีมาตรการ เราก็ต้องเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะใช้มาตรการใดก็ตาม ประโยชน์ และความปลอดภัยของคนไทยต้องสำคัญเป็นอันดับแรก เราจะไม่คำนึงถึงประโยชน์ของคนอื่น
ผู้สื่อข่าวถามถึงการสนับสนุนงบประมาณซ่อมแซมหลุมหลบภัยเพราะใช้มานานค่อนข้างเสื่อม นายอนุทินกล่าวว่า ทหารประเมินว่าเราเตรียมความพร้อมเอาไว้ ส่วนจะทำใหม่หรือไม่อย่างไร ถ้าใช้งบฯไม่มากทำได้อยู่แล้ว และคนที่จะมาใช้ในหลุมหลบภัย ไม่ได้ให้อยู่เป็นชั่วโมง แต่มาอยู่แค่ช่วงที่จำเป็น อย่างที่นายอำเภอบอกว่า 5 นาทีก็นานเกินไปแล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องมาใช้หลุมหลบภัยตรงนี้จริงต้องมั่นใจว่าเขาจะไม่สามารถมาทำร้ายคนของเราในหลุมหลบภัยเด็ดขาด มาถึงขนาดแล้ว เชื่อว่าทหาร อส. ตำรวจ ก็ต้องมาดูแลเพื่อความปลอดภัย แผนอพยพประชาชนออกไปต้องดำเนินการเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้ห่างจากแนวรบเยอะ โดยจุดแนวรบนั้น ซีลหมด ไม่มีคน แม้กระทั่งตนก็ไปไม่ได้ ฉะนั้น เรื่องความปลอดภัยทหาร ยืนยันว่า โอกาสที่จะมาถึงตรงนี้ เรียกว่าแทบไม่มีเลย แต่เราก็ไม่ประมาท
ส่วนสิ่งของบริจาคเพื่อสนับสนุนทหารแนวหน้านั้น ไม่น่ามีปัญหา เพราะมาทั้งใจ และงบประมาณ ที่ตนมาวันนี้เพื่อมาบอกทหาร ที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง มีญาติพ่อแม่พี่น้องที่เขาเป็นห่วงกังวล ซึ่งหลายคนก็อยู่ในมือฝ่ายปกครอง เราก็ต้องดูแลเขาให้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนแนวรบอย่างไม่กังวล มีการแบ่งเขตขีดเส้นกันชัดเจน รับไม้ส่งไม้ มีแนวหน้า ส่วนหน้า ส่วนหลัง
มั่นใจไม่เอาปท.แลกสัมพันธ์ส่วนตัว
นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ความสัมพันธ์ของตระกูลชินวัตร กับผู้นำกัมพูชา จะแก้ต่างให้นายกฯอย่างไรหรือไม่ว่า ตนมั่นใจ ไม่มีผู้นำประเทศคนไหน ที่จะเห็นความสัมพันธ์ส่วนตัวมากไปกว่าชาติบ้านเมือง ตนมั่นใจน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกฯ จะไม่เอาประโยชน์ประเทศไทย ไปแลกกับความสัมพันธ์กับใครก็ตาม ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง คนอย่างระดับนายกฯ แม้แต่ตนหากนับญาติพี่น้อง มีญาติคนกัมพูชาเยอะแยะไปหมด แต่ว่าเมื่อถึงเวลาแบบนี้ประเทศของเราประชาชนคนไทยมีความสำคัญกว่า แบบไม่ต้องเทียบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อวิจารณ์ยังลามไปถึงความสัมพันธ์ของพ่อนายกฯ นายอนุทินกล่าวว่า พ่อนายกฯ ก็เป็นอดีตนายกฯ ก็เคยพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าเมื่อมีข้อพิพาท ท่านก็ส่งยุทโธปกรณ์เครื่องบิน กดดันประเทศที่มีข้อพิพาท ท่านก็พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าเมื่อถึงเวลาความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่มีทางเหนือกว่าอธิปไตยของชาติบ้านเมือง คนที่มาถึงระดับนี้แล้ว ขอให้เลิกกังวลว่าจะเอาประเทศไทยไปแลกมิตรภาพไม่มี
มท.1ตากฝนกินข้าวกล่องกับชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานพิ่มเติมว่า ระหว่างที่นายอนุทิน ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ได้นั่งตากฝนตั้งวงกินข้าวกล่องกับชาวบ้านช่วงกลางวัน ที่วัดบ้านค้อ ตำบลโดมประดิษฐ์ หลังจากพูดคุยสอบถามความรู้สึกต่อสถานการณ์ จะให้ความมั่นใจเพื่อไม่ให้เกิดความกลัว นอกจากนี้ยังตรวจดูความพร้อมของบังเกอร์หลบภัย และเข้าไปนั่งในหลุมหลบภัยด้วย
ร่วมซ้อมแผนหลบภัยกับนร.
จากนั้นนายอนุทินด้เดินทางไปโรงเรียนบ้านแปดอุ้ม ร่วมการซ้อมเสมือนจริงของนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เมื่อเปิดเสียงสัญญาณเตือนภัยเด็กๆจะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย พร้อมครูและชรบ. ที่คอยดูแลความเรียบร้อย ซึ่งนายอนุทินได้เข้าไปนั่งในหลุมหลบภัยกับเด็กๆด้วย ซึ่งโรงเรียนนี้มีบังเกอร์เดิมอยู่แล้ว 2 จุด และขนทรายเข้ามาเพิ่ม เพื่อทำเป็นบังเกอร์ ทั้งนี้ นายอนุทิน สอบถามนักเรียน ว่ากลัวหรือไม่ เด็กๆ ตอบอย่างพร้อมเพรียงว่าไม่กลัว จากนั้นนายอนุทิน ย้ำกับเด็กๆว่าไม่ต้องกลัวมีคุณครูและเจ้าหน้าที่คอยช่วย ซึ่งสถานการณ์จะไม่รุนแรงก่อนที่นายอนุทินจะร่วมร้องเต้นเพลงไก่ย่างกับเพลงฮิปโป กับเด็กๆอย่างสนุกสนาน
แจกค่าขนมคนละ200-ขนลุกเด็กสวัสดีคุณครู
นายอนุทิน ยังแจกสิ่งของและให้ค่าขนมเด็ก 185 คน คนละ 200 บาท จากนั้นเข้าไปตรวจเยี่ยมนักเรียนตามห้องเรียนต่างๆซึ่งนักเรียนบอกทำความเคารพคุณครู และนักเรียนในห้องก็พูดพร้อมเพรียงกันว่าสวัสดีครับ/ สวัสดีค่ะคุณครู ทำให้นายอนุทินที่ได้ยินถึงกับหัวเราะและหันมายิ้มกับสื่อ และบอกว่าเด็กๆอวยพรดี เด็กยังรู้อวยพรดีเดี๋ยวเป็นจริงนะ โอ้ย ขนลุกเลย ท่ามกลางกระแสข่าวจะไปนั่งรมว.ศึกษาธิการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงจะรับหรือไม่รับ แต่นายอนุทิน ไม่ได้ตอบนายอนุทิน บอกกับเด็กๆให้ตั้งใจเรียน โตขึ้นไปจะได้ช่วยกันดูแลประเทศ
ย้ำมั่นใจทหารตรึงเหตุไว้ได้ตามแนวชายแดน
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์สื่ออีกครั้งว่าเราไม่ประมาท สถานการณ์ความตึงเครียดทางการทหารน่าจะตรึงสถานการณ์ไว้ได้ตามแนวชายแดน มั่นใจว่าเข้ามาไม่ถึงจุดโรงเรียน เป็นไปไม่ได้ไม่มีใครยอม แต่การซักซ้อมเด็กนักเรียนเพื่อให้ตื่นตัวกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ต้องให้รับรู้รับทราบเอาไว้ ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายยิ่งเร็วก็ยิ่งดี ทั้งการเจรจาเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเด็กๆต้องไม่เป็นอะไรถ้าเด็กเป็นอะไรแม้แต่คนเดียว อธิบายใครก็ไม่ได้ ชีวิตลูกๆหลานๆต้องริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมแมวขีดข่วนก็ไม่ได้ ตนให้ความสนใจตรงนี้ นอกจากนี้ นายอนุทินยังย้ำกับผอโรงเรียนว่าหากขาดเหลืออะไรให้ประสานทางนายอำเภอหรือส่วนราชการได้เลย เพราะตนกำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการด้วย
ถกวงเล็ก7ผวจ.ย้ำทำศูนย์อพยพเป็นรร.3ดาว
จากนั้นนายอนุทินประชุมวงเล็กกับผู้ว่า 7 จังหวัด ที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา ฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง และส่วนราชการ ที่อบต.โดมประดิษฐ์ โดยย้ำว่าต้องทำศูนย์อพยพให้เป็นโรงแรม 3 ดาว ทำให้ที่อยู่เป็นเหมือนบ้าน และส่วนตัวอยากเน้นย้ำเรื่องสุขอนามัย ห้องน้ำต้องสะอาด รวมถึงเรื่องอาหาร ที่ต้องเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ไม่จำเจซ้ำซากทำอาหารให้เหมือนที่ตัวเองกิน ยกตัวอย่างมื้อกลางวัน เป็นคะน้าปลาเค็มไข่ดาวมื้อเย็นก็ต้องเป็นหมูทอดกระเทียม
นายอนุทินยังเน้นย้ำว่าสถานการณ์นี้ ต้องให้ความสำคัญเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ขอกำชับ ผู้ว่าราชการจังหวัดให้อยู่ในพื้นที่ไม่ต้องเดินทางเข้าไปปฏิบัติราชการในกรุงเทพฯ เพื่อดูแลประชาชนอย่างดี และอย่าอ้างว่าไม่มีงบประมาณ โดยจะให้กรมการปกครองส่วนท้องถิ่นประสานติดต่อ หากจำเป็น ผู้ว่าฯมีอำนาจประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติและอนุมัติงบฯในกรอบ20 ล้านบาทได้
ทหารแจงเปิด-ปิดด่านเป็นการยกระดับเบาไปหนัก
หลังพล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงนามคำสั่งเปิด-ปิด ด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว พร้อมมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 1 โดยผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา และกองทัพภาคที่ 2 โดยผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไขหรือ เงื่อนเวลาที่จําเป็นเหมาะสมในการผ่านแดนบริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-เขมร
แหล่งข่าวหน่วยงานความมั่นคงระบุว่า สำหรับมาตรการ เปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา นั้นเนื่องจาก 1.การกำหนดมาตรการต่างๆที่ยกระดับตามแนวชายแดนครั้งนี้ เป็นไปตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามนโยบายรัฐบาล และกำกับดูแลทางนโยบายโดยกระทรวงกลาโหม 2. การปฏิบัติปัจจุบันอยู่ในขั้นเพิ่มความเข้มงวดในการผ่านจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา (ขั้นที่ 1 และ 2) ยังไม่ได้ปิดจุดผ่านแดน เว้นช่องทางธรรมชาติที่ปิดไปแล้ว ช่วงที่ยกระดับการปราบปรามขบวนการยาเสพติด และแก๊ง call center ในเวลาที่ผ่านมา
3. สาเหตุที่ไทยต้องกำหนดมาตรการนี้เนื่องจากมีการเพิ่มเติมกำลังของทหารเขมรตามแนวชายแดนและดัดแปลงที่มั่นทางการทหาร ซึ่งอาจเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั้งไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดน 4.รัฐบาลยังห่วงใยผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนตามแนวชายแดนจึงกำหนดข้อยกเว้นภารกิจจำเป็นต่างๆไว้ด้วย
ด่านช่องสะงำเงียบปรับเวลาเปิด3วัน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ด่านช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งปกติวันอาทิตย์จะเปิดตลาดนัดบริเวณตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ ที่อยู่ลึกเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 2.5 กิโลเมตร แต่วันนี้ไม่พบชาวกัมพูชามารอหน้าด่านเหมือนปกติ เนื่องจากชาวเขมรทราบว่ามีการประกาศเวลาเปิด-ปิด ตามมาตรการจากฝั่งไทย และชาวเขมรวิตกกังวลสถานการณ์ชายแดน ทำให้การเดินทางเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าด้านตลาดนัดเมืองใหม่ช่องสะงำลดลงตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
บริเวณหน้าประตูเหล็กพบครอบครัวชาวเขมรเดินทางมารอเวลาด่านเปิด มีอาการตกใจไม่ทราบข่าวถึงมาตรการ ประกาศเวลาเปิด-ปิด ทำให้ต้องประสานหาที่พักฝั่งไทย เพื่อรอให้ด่านผ่านแดนเปิดให้บริการในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน โดยชาวกัมพูชาเล่าว่า พาลูกสาววัย 21 ปี เข้ารับการรักษาอาการหลอดเลือดสมองอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อลูกสาวมีอาการดีขึ้นจึงพากันเดินทางกลับประเทศ ไม่ทราบว่าด่านปิด โชคดีตนเดินทางผ่านเข้า-ออกด้วย Passport ทำให้ไม่มีปัญหา ทางฝั่งไทยให้ความเข้าใจและดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ตนรู้สึกหายตกใจ
จากเดิมจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ได้เปิด-ปิด ทุกวัน เวลา 06.00 – 22.00 น. ปรับเป็น ให้เปิดเฉพาะวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 15.00 น. โดยมีเงื่อนไขการผ่านเข้าออกเดิม คือ คนสามารถผ่านเข้าออกได้โดยใช้ Passport และ Border Pass สินค้า เข้าออกได้ ตามระเบียบศุลกากร ยานพาหนะ ผ่านได้ตามระเบียบ ปรับเปลี่ยนเป็นคนผ่านเข้าออกได้โดยใช้ Passport และ Border Pass จำกัดการส่งออกสินค้ายุทธภัณฑ์ตามกฎหมาย งดการส่งออกสินค้าเพื่อการก่อสร้าง เช่นปูนซีเมนต์ ยานพาหนะ ผ่านได้ตามระเบียบ และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้เป็นไปตามระเบียบและหลักสากล นอกจากนั้นยังมีคำสั่งให้ปิดจุดผ่อนปรนฯ เมื่อมีการปะทะ บริเวณพื้นที่ชายแดน
ปิดช่องจอมกกล.สุรนารีคุมเข้ม
เช่นเดียวกับ บริเวณหน้าด่านช่องจอม ในบ้านด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ สังเกตเห็นประตูเข้า-ออกด่านช่องจอมล็อกกุญแจ และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรนารี เฝ้าระวังเพื่อไม่ให้กระทบความปลอดภัย และชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และให้ปิดจุดผ่านแดนเมื่อมีการปะทะบริเวณตามแนวชายแดนในเวลา 10.00 น. ขณะที่ทหารของกัมพูชา นำแผงเหล็กมาปิดประตูทางฝั่งของกัมพูชา พบว่าทหารกัมพูชาได้เฝ้าระวังเช่นกัน ทั้งนี้ ด่านช่องจอม จะเปิดให้ข้ามแดนเฉพาะวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เวลา 08.00-15.00 น. และงดการส่งออกสินค้าเพื่อการก่อสร้าง เช่น ปูนซีเมนต์
‘เพิ่มกำลัง-ปะทะ’ตัดไฟฟ้า9จุดทันที
แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่2ระบุว่า บรรยากาศชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องการเข้มงวดปิดเปิดด่านวันแรกวานนี้ ได้รับแจ้งว่า ทางประชาชนกัมพูชาไม่อยากให้ไทยใช้มาตรการเข้มงวดในลักษณะนี้ เพราะส่งผลการค้าขายชายแดนต้องดำเนินการเร่งรีบ ด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลา ต้องรีบเข้ารีบออก มิฉะนั้น หากถึงเวลาปิดด่านจะต้องนอนค้างอยู่ฝั่งประเทศไทย จึงทำให้การค้าขายชายแดนของกัมพูชาสะดุด เช่นเดียวกับฝั่งไทย พ่อค้าแม่ค้าขายสินค้าต้องเร่งรีบในการขายของทั้งหมด แต่ยินดีที่ให้ทางทหารมีมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องประเทศชาติ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ รอประเมินสถานการณ์นับจากนี้ หากทหารกัมพูชามีการเติมกำลัง ทางแม่ทัพภาคที่2สั่งการให้ใช้มาตรการเพิ่มเติม เรื่องการตัดไฟฟ้า 9จุด อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์ปฏิบัติกากองทัพบก จำนวน 5จุดและศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ จำนวน 4จุด ดังนี้ 1.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย 2.บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.ปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย 3.บ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว-อ.มาลัย จ.บันเตียเมียนเจย 4.บ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว - อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง 5.บ้านสวนส้ม อ.สอยดาว จ.จันทบุรี-บ้านโอลั๊ว อ.ก๊อมเรียง จ.พระตะบอง 6.บ้านซับตารี อ.สอยดาว จ.จันทบุรี-อ.พนมปรึก จ.พระตะบอง 7.บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี-อ.ก็อมเรียง จ.พระตะบอง 8.บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด-บ้านหาดทรายยาว จ.เกาะกง 9.อ.กาบเชิง (ช่องจอม) จ.สุรินทร์-บ้านโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี