ประสาน‘เขมร’เปิด-ปิดด่านให้เวลาตรงกัน
‘อิงค์’สั่งแม่ทัพ2
อ้างเพื่อประโยชน์การค้า
ย้ำทหารรักษาสันติภาพ
คปท.ฉะยับไม่รู้เรื่องรบ
ก็อย่าไปให้รกสนามรบ
“ภูมิธรรม”บอกไม่เป็นไร เขมรดื้อตาใสตั้งกก.ฟ้องศาลโลกยุติพิพาทดินแดน ย้ำถกเจบีซีเคลียร์ปมช่องบก
เท่านั้น ตอบ “สนธิ” หลังจี้เปลี่ยนตัวหัวหน้าทีมเจบีซี บอกไม่ใช่เรื่องใครไม่ชอบใคร เน้นรักษาประโยชน์ชาติ นายกฯลุยพื้นที่สุรินทร์ ตรวจ “กาบเชิง-ช่องจอม” ติดใจเวลา เปิดปิดด่านไม่ตรงกัน สั่งฝ่ายความมั่นคงไปดูว่าทบทวนได้หรือไม่ อ้างยึดผลประโยชน์ปชช.ได้ค้าขายเท่ากัน ด้านคปท.ฉะลงพื้นที่เพื่อสั่งมทภ.2ให้เปิด-ปิดด่านตรงกับเขมร อ้างกระทบการค้า งงจะรบกันเรื่องแผ่นดิน แต่ไปคุยเรื่องการค้า ชี้ถ้าไม่รู้เรื่องการรบ อย่าไปให้รกสนามรบเลย
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ที่ท่าอากาศยาน ทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6 ) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีไทยประกาศไม่รับเขตอำนาจศาลโลก แต่กัมพูชาเดินหน้าตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทยกัมพูชาขึ้นสู่ศาลโลกว่า ไม่เป็นไร ต่างคนต่างทำหน้าที่ เขาจะไปฟ้องหรือไปทำอะไร เป็นหน้าที่ของเรา ซึ่งไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก ไม่เป็นอะไรก็ว่าไปตามกระบวนการ
ไม่มีปัญหาเขมรตั้งกก.ฟ้องศาลโลก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำให้มีปัญหาคาใจกันหรือไม่ ในการประชุมคณะกรรมาธิการ เขตแดน ร่วมไทย - กัมพูชา (เจบีซี) วันที่ 14 มิถุนายน เพราะเรื่องยังไม่จบ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ อะไรก็ตามยังไม่จบในทีเดียว ต้องใช้เวลาคุยกัน เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน อันนี้เราคุยกันแล้วว่าเฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ เราต้องการเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น เคลียร์เป็นส่วนๆ ซึ่งไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นข้อตกลงร่วมกัน
ถามว่า ท่าทีเขมรขณะนี้ทำให้เราต้องคงมาตรการเรื่องกำหนดเวลาเปิด-ปิดชายแดน ไปอีกนานแค่ไหน นายภูมิธรรมกล่าวว่า เท่าที่ได้สั่งการไป ผู้บัญชาการทหารบกและแม่ทัพภาค 2 รับรู้แล้ว ซึ่งเราก็ต้องดำเนินการตามมาตรการและสภาพพื้นที่ ขณะนี้เรายังไม่ได้ยกระดับมาตรการใดๆ ความจริงเรายังไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดเวลาและจำกัดคนเท่านั้น ส่วนจุดหนึ่งที่มีการเผชิญหน้ากันก่อนหน้านี้ เราก็ปรับกำลัง ส่วนพื้นที่อื่นยังไม่มีอะไร จากนั้นสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น เพราะเราให้ทหารสองฝ่ายคุยกัน จัดกิจกรรมลาดตระเวนร่วมกัน คิดว่าบรรยากาศโดยรวมน่าจะดีขึ้น
มองเขาพระวิหารเป็นบทเรียนได้
ถามอีกว่า แม้ว่าเราจะประกาศไม่รับเขตอำนาจศาลโลก ฝ่ายความมั่นคงประเมินหรือว่าจะมีผลกระทบด้านอื่น เหมือนกรณีเขาพระวิหารหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาพระวิหารก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ที่อาจเป็นบทเรียนบางส่วนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราจะไม่พูดถึงตรงนั้น แต่เรื่องที่เราจะเจรจาเรา ทุกอย่างเตรียมการไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้
ปัดตอบเปลี่ยนตัวหน.ทีมJBC
ถามถึงกรณีกลุ่มนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซีวันที่ 14 มิถุนายน เพราะเคยอยู่ในรายชื่อการเจรจากัมพูชาเมื่อหลายปีก่อน รัฐบาลจะรับไว้หรือพิจารณาอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ผู้ที่อยู่กับปัญหา และอยู่ในพื้นที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ใครจะเหมาะสม ก็ต้องให้ส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณา รัฐบาลจะฟังข้อเท็จจริงและดูเหตุผล เวลานี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่เรื่องใครไม่ชอบใคร และใครจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด
ยันเตรียมพร้อมรับมือวิกฤติปท.
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การฟ้องศาลโลกฝ่ายเดียว ผลจะเป็นอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า พูดยาก มีหลายเงื่อนไข ตามหลักการ ถ้าฟ้องฝั่งเดียวก็ฟ้องไป คนไม่ยอมรับก็ไม่ได้เข้า แต่จะมีเงื่อนไขอื่น เช่นเงื่อนไขกฎหมาย ให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รายงาน
ถามว่า เตรียมรับมือเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไว้แล้วหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า “เตรียมสิครับ ประเทศวิกฤติอย่างนี้ไม่เตรียมได้อย่างไร”
นายกฯจี้คุยเขมรขยับเวลาเปิดด่านให้ตรงกัน
เวลา 10:25 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางลงพื้นที่จ.สุรินทร์ มีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ต้อนรับ ก่อนเดินทางไปโรงพยาบาลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง เป็นประธานประชุมติดตามการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และมาตรการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัด มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย
จากนั้นนายกฯรับฟังรายงานจากผู้ว่าฯสุรินทร์ ถึงสภาพลักษณะภูมิศาสตร์ของจังหวัด และสถานการณ์ชายแดนว่า จ.สุรินทร์มีด่านถาวร 1 แห่งคือ ด่านช่องจอม และช่องทางธรรมชาติ 54 แห่ง
ก่อนหน้านี้ด่านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08:00-22:00 น. หลังมีมาตรการควบคุมชายแดนเปลี่ยนเวลาเปิด - ปิด เป็นวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เวลา 08:00 - 15:00 น. ซึ่งเขมรประกาศเลื่อนการเปิด - ปิดด่านเช่นกันโดยเปิดเวลา 09:00 น. และปิดเวลา 16:00 น. ทำให้มีเวลาเปิด - ปิด ตรงกันเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ทำให้นายกฯสอบถามว่า ในพื้นที่สามารถประสานได้หรือไม่ ให้เปิดเวลาตรงกัน ต้องให้หน่วยความมั่นคงดูว่าเปิดให้เท่ากันได้หรือไม่ ด้านแม่ทัพภาคที่ 2 จึงกล่าวตอบว่า หน่วยงานความมั่นคงจะลองประสานกองทัพฝ่ายกัมพูชาดู พร้อมยอมรับว่าอาจมีนัยยะบางอย่าง เหมือนมีลักษณะของการเมืองเล็กน้อย เพื่อชิงความได้เปรียบ หลังจากนี้ ฝ่ายความมั่นคง ผู้ว่าฯ ในพื้นที่จะหารือกันต่อไป
ชี้เพื่อประโยชน์ปชช.ค้าขายได้เท่ากัน
นายกฯกล่าวต่อว่า ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชน เปิด - ปิด ตรงกันจะได้ค้าขายได้เท่ากัน อันนี้จะดีกว่า ขอให้ลองดู คงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีปัญหา
นายกฯยังกล่าวขอบคุณผู้ว่าฯ 5 จังหวัด รายงานความคืบหน้าสถานการณ์จริง บริเวณชายแดนไทย-เขมร และพูดถึงเรื่องหลุมหลบภัย ขอให้แจ้งมายังกระทรวงมหาดไทยว่าต้องการซ่อมแซมแบบไหน เพราะชีวิตเด็กนักเรียน ต้องให้ความรู้เมื่อไหร่ที่ต้องใช้หลุมหลบภัย และอยากให้บรรจุอยู่ในการเรียนการสอนทุกปีไม่จำเป็นต้องเฉพาะช่วงที่มีสถานการณ์ เพื่อให้เด็กทราบเหมือนญี่ปุ่นว่าสถานการณ์ไหนควรใช้
เน้นสันติภาพเพราะเห็นใจจนท.หน้างาน
นอกจากนี้ ยังขอบคุณแม่ทัพภาค 2 ที่อยู่หน้างานตลอด ทราบถึงแรงกดดันมากๆ เพราะตนติดต่อกับกระทรวงกลาโหมและมหาดไทย รวมถึงผู้นำฝ่ายกัมพูชาได้ทราบและเห็นใจมากๆว่าอยู่หน้างานจริงไม่เหมือนกับตอนอยู่ข้างหลัง บางทีเกิดกระแสมากมาย คนหน้างานคือคนที่เห็นเหตุการณ์และต้องปรับตามสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด ตนถึงเน้นเรื่องสันติภาพความสงบสุข และทราบข้อมูลจากหน้างานจึงไม่อยากให้เกิดกระแสตีว่าให้เกิดความรุนแรงให้ลุย เพราะต้องคิดถึงชีวิตของคนหน้างานว่ามีความกดดันสูง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตนพยายามสื่อสารถึงความสงบสุข เมื่อผู้นำคุยกันระหว่างนายกฯกัมพูชา ได้ย้ำเรื่องนี้ และล่าสุดที่คุยกันก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และตนยืนยันเรื่องการรักษาอธิปไตยเอาไว้
ย้ำต้องสื่อสารให้ตรงกันป้องกันเข้าใจผิด
นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องความสงบได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม และพลเอกณัฐพล รมช.กลาโหม ซึ่งรายงานเสมอว่า มีกระบวนการหรือข้อความแบบไหนที่ภายในคุยกันไว้แล้ว ยังไม่สามารถสื่อสารได้ เพราะการคุยกันระหว่างประเทศต้องเคารพกติกา และข้อตกลงระหว่างประเทศ เราต้องบอกกันตลอดเพื่อให้การสื่อสารตรงกัน ไม่เข้าใจกันผิด เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะเมื่อพูดกันไปมากๆ ทำให้เข้าใจผิดและเกิดเรื่องใหญ่
นอกจากนี้ ยังย้ำว่า รัฐบาลให้การสนับสนุนประชาชนเจ้าหน้าที่เต็มที่ แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอะไรที่เกิดความเร่งด่วนจำเป็น ให้แต่ละกระทรวงรายงานตรงมายังกระทรวง เพราะทั้งสองรองนายกฯก็ติดต่อตรงกับตนอยู่แล้ว ยืนยันพร้อมสนับสนุนเต็มที่
“ขอให้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เยอะๆว่าทำอะไรอยู่บ้าง ให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน และไม่ให้ปล่อยเฟคนิวส์ อาจโดนไอโอบ้างอะไรบ้าง ไม่รู้มาจากไหน ก็มีการปล่อยข้อมูลที่เกิดความเข้าใจผิดจะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมได้”นายกฯกำชับ และย้ำว่า จากนี้ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้นำหรือกองทัพเป้าหมายเดียวกันคือ การรักษาสันติภาพเอาไว้ ส่วนเรื่องรายละเอียดไปตามหัวข้อ แต่เรื่องที่จะดีลกันจะไม่เอามารวมกัน พูดคุยกันทีละข้อ เคลียร์กันแต่ละเรื่องไป
ให้กำลังใจทหาร-ถาม“ทำไมเงียบจัง”
เวลา 12.20 น. นางสาวแพทองธารเดินทางต่อมาที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ มีผู้บังคับการฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ให้การต้อนรับ ซึ่งนายกฯมอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจให้กำลังพล และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับนายภูมิธรรม นายอนุทิน พลเอกณัฐพล แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี หลังรับประทานอาหารกลางวัน นายกฯเดินไปพูดคุยทักทาย พร้อมให้กำลังใจกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ โดยสอบถามทหารว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนทำหน้าที่กันเต็มที่ ขอบคุณมากๆ ก่อนพูดติดตลกว่า “ทำไมทุกคนดูเงียบกันจัง”
ย้ำบิ๊กเล็กทบทวนเวลาเปิด-ปิดด่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายกฯยังได้พูดคุยกับพลเอกณัฐพล สอบถามเรื่องเวลาการเปิด - ปิดด่านว่าขณะนี้ช่วงเวลาเหมาะสมแล้วหรือไม่ ต้องมีอะไรปรับเปลี่ยนหรือไม่ ก่อนถ่ายภาพร่วมกัน และเดินทางต่อมาที่จุดด่านแดนถาวรช่องจอม รับฟังบรรยายสถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เขมร หลังมีมาตรการการจำกัดเวลาเปิด - ปิด ด่านพรมแดนในจังหวัดชายแดน ที่หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 สำนักงานประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1
นอกจากนี้ นายกฯดูพื้นที่ด่านพรมแดนช่องจอม พร้อมรับฟังรายงาน และสอบถามสถานการณ์ข้ามแดน จากพ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์ นายชินวัฒน์ จันเกษม นายด่านศุลกากรช่องจอม และแม่ทัพภาค 2
ทัก“หนู”ผูกผ้าขาวม้ากันเป็นทีม
ต่อมาเวลา 13.40 น.นายกฯลงพื้นที่หมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย ทันทีที่นายกฯเดินทางมาถึงมีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯรับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทินว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนมอบสิ่งของอุปโภค - บริโภคเพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่
ดูชาวบ้านสร้างบังเกอร์เองร้องโธ่ทำไมแจ้งมท.
จากนั้น นายกฯเยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ มีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าฯสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนาคอยตอบคำถาม ซึ่งนายกฯถามว่า ทำมานานหรือยัง เมื่อชาวบ้านบอกว่า เมื่อวาน วันนี้จะทำให้เสร็จ นายกฯบอกว่า ทำเร็วเหมือนกัน วันนี้มาก็อยากทำให้เสร็จ ขอให้กำลังใจ อย่าลืมกินข้าวด้วย เดี๋ยวไม่มีแรง เป็นลม จากนั้นนายกฯได้เดินดูหลุมหลบภัย พร้อมถามว่าเข้าทางไหน แบบสี่เหลี่ยม กับวงกลม แบบไหนดีกว่ากัน มียางรถยนต์หรือไม่ ผู้ว่าฯสุรินทร์ชี้แจงว่า เป็นหลุมชั่วคราว หลุมสี่เหลี่ยมเป็นแบบของราชการ แต่ที่ทำวงกลม ขอบริจาคมา ซึ่งยังไม่ได้ใช้งบประมาณ ส่วนยางรถยนต์ไม่นิยมใช้ เนื่องจากติดไฟง่าย แต่เราหาไม่ได้ ขอบริจาคมา และชาวบ้านทำกันเอง นายกฯจึงบอกผู้ว่าฯว่า แจ้งใคร ทำไมไม่แจ้งมาทางกระทรวง แจ้งมหาดไทยไปเลย โถ่ ต้องทำให้มันดีๆหรือเปล่า ซึ่งผู้ว่าฯบอกว่า แบบมาตรฐานก็มี ของตอนปี 2554 ใช้งบราชการ นายกฯจึงถามต่อว่า ที่บอกว่าอยากได้เพิ่มอยากได้ตรงไหน ผู้ว่าฯบอกว่าสำรวจไว้แล้ว นายกฯ จึงบอกว่า ”ผู้ว่าฯ มีความลับป่ะเนี่ย“ ทำให้ผู้ว่าฯ ไปอธิบายต่อว่า จริง ๆ ไม่ได้ต่างกัน เพราะอย่างไรก็ปลอดภัยกว่าอยู่ในบ้าน เนื่องจากเป็นคอนกรีต
‘พิชิต’ฉะอิ๊งค์อย่าไปให้รกสนามรบ
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุ หัวจะปวด นายกฯลงพื้นที่สุรินทร์ เพื่อบอกแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าให้ เปิด-ปิด ด่านให้ตรงกัน กลัวกระทบการค้า ที่ทหารปิดด่านก็เพื่อกดดันทางการค้า ทางเศรษฐกิจนี่ละครับท่านนายกฯ เขาปิดด่าน กัมพูชาถึงขอเจรจา โดยไม่ต้องรบแล้ว นายกฯจึงได้เคลมชัยชนะ แล้วนี่ลงพื้นที่ไปกับไปบอกว่ากระทบการค้า แล้วจะเป็นการกดดันได้อย่างไร หรือทหารต้องรบแทนละแบบนี้ กัมพูชาจะเอาแผ่นดินไทยอยู่แล้ว เขาจะรบกันเรื่องแผ่นดินอยู่แล้ว แต่นี่ไปคุยเรื่องการค้า
“กลับมาเถิดนายกฯถ้าไม่รู้เรื่องการรบ ก็อย่าไปรกสนามรบเขาเลย”นายพิชิตกล่าว
อนุโลมนร.เขมรข้ามแดนก่อนเปิดปิดด่าน
บรรยากาศบริเวณสะพานมิตรภาพไทยกัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 ร่วมกับพ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อมเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศฯ ฝ่ายไทยร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดประตูด่านพรมแดน บริเวณประตูเล็กข้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา ทั้งฝั่งไทยและเขมร อนุโลมให้เด็กนักเรียนเขมรที่อาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่ค้าขายอยู่ในตลาดโรงเกลือฝั่งไทย เดินทางไปเรียนหนังสือในโรงเรียนฝั่งเขมร และเด็กนักเรียนเขมรฝั่งเขมรแต่เรียนหนังสือในโรงเรียนฝั่งไทยเดินทางข้ามด่านพรมแดนมาเรียนหนังสือได้ตามปกติ หลังมีการปรับเวลาเปิดปิดด่านทำให้นักเรียนข้ามพรมแดนไปเรียนหนังสือไม่ทัน เมื่อมีการอนุโลมให้นักเรียนข้ามไปเรียนได้ นักเรียนเขมรต่างดีใจกันมาก
กต.ย้ำกก.เจบีซียึดทวิภาคี-ปกป้องอธิปไตย
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า การจะเจรจากับฝ่ายกัมพูชาในเวทีเจบีซี ได้มอบ 3 นโยบายกับคณะผู้แทนการเจรจาครั้งนี้ ได้แก่ 1.อยากให้คณะผู้แทน โดยคณะ กมธ.เจบีซี โน้มน้าวกัมพูชาให้ตระหนักว่าได้แก้ไขและลดมาตรการแทรกแซงในพื้นที่ไปแล้วระดับหนึ่ง อยากให้ขยายผลให้ กมธ.ทั้ง 2 ประเทศในการเจรจาและลดความตึงเครียดไปได้ อยากเห็นการอยู่ร่วมกันในพื้นที่โดยสันติยั่งยืน โดยมีกลไกเจรจาทั้งเจบีซี อาร์บีซีและจีบีซี ทั้ง 3 กลไกมีประสิทธิภาพและอยากเห็นการต่อยอด ขยายผลหลังทหารลดมาตรการเข้มงวด เพื่อให้พื้นที่สงบและสันติสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้นำ 2 ชาติได้พูดคุยกันมาตลอด
2.การเจรจาวันที่ 14 มิถุนายน เพื่อให้มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดน ให้สองฝ่ายเข้าใจชัดเจนร่วมกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องเขตแดนอย่างยั่งยืนว่าเส้นเขตแดนอยู่ตรงไหน และ3.ขอให้ประธานคณะพูดคุยเจบีซีของไทยยึดไว้คือ การเจรจาต้องยืนหยัดในอธิปไตยของประเทศ ไม่ยอมเสียดินแดนเด็ดขาด และยึดกลไกเจรจาแก้ปัญหาระหว่างกันภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติและนานาชาติ โดยกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ กลไกทวิภาคี ทั้งนี้ จะยังยืนยันไม่รับอำนาจศาลโลกตั้งแต่ปี 2503 และไม่รับเด็ดขาด และการแก้ปัญหาระหว่างกันใช้กรอบหารือทวิภาคี เพราะมีประสิทธิภาพเหมาะสมมากที่สุด
และ4.ตั้งแต่เกิดปัญหาชายแดน นายกฯสั่งกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ บูรณาการท่าทีแก้ปัญหาอย่างตั้งแต่ต้นในกรอบทหารก็สอดรับ ทำให้มาตรการทางการทูตมีประสิทธิภาพ กต.ส่งเสริมให้การเจรจาของฝ่ายทหารบรรลุผล ดังนั้น คิดว่ากลไกที่ถูกต้องคือ ทวิภาคี ที่ลดความตึงเครียดและการเผชิญหน้าได้
ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก
รมว.ต่างประเทศกล่าวถึงท่าทีไทยต่อกรณีเขมรจะส่งเรื่องไปศาลโลกว่า ไทยยืนยันกลไกที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ กลไกแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ซึ่งมีทั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC), คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะที่ไทยไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ 2503 จนถึงปัจจุบัน กลไกที่ดีที่สุดคือการเจรจาทวิภาคี ไม่ใช่การเอาไปที่ศาลโลก และยังไม่มีความประสงค์ให้ประเทศอื่น ๆ หรือองค์กรอื่นใด เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้งนี้ ภายหลังเจรจาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ โฆษก กต.จะแถลงข้อมูลรายละเอียดผลการเจรจา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี