วันศุกร์ ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ถกลับปมร้อน‘ไทย-กัมพูชา’ ‘โรม’ชี้ช่อง‘ตัดไฟ’ก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อไทย

ถกลับปมร้อน‘ไทย-กัมพูชา’ ‘โรม’ชี้ช่อง‘ตัดไฟ’ก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อไทย

วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 11.23 น.
Tag : กองทัพบก การเมืองวันนี้ ช่องบก ชายแดนไทยกัมพูชา ตัดไฟ ทหารไทย แนวหน้าออนไลน์ ปิดด่าน พรรคประชาชน รังสิมันต์โรม ฮุนเซน
  •  

"กมธ.มั่นคงฯ"ถกลับปมร้อน"ไทย-กัมพูชา" ด้าน"โรม"ชี้ช่อง"ตัดไฟ"ก่อนประชุม JBC สร้างแต้มต่อไทย พ่วงสางปัญหา"แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว บี้"นายกฯ"ประกาศให้ชัด"ความสัมพันธ์ส่วนตัว"ไม่มีวันใหญ่กว่า"ความสำคัญของประเทศ" หวั่นประชาชนไม่เชื่อมั่นรัฐบาล หากยังจัดลำดับความสำคัญไม่ได้

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระประชุม กมธ.ฯ วันนี้ที่จะมีการพูดคุยประเด็นความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ว่า จะเป็นการประชุมลับ สืบเนื่องมาจากที่เราเคยลงพื้นที่ช่องจอม เราได้เห็นสภาพความเป็นจริง ว่าสถานการณ์ไทย - กัมพูชา เป็นสถานการณ์ที่เราควรเตรียมพร้อม ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์ และทุกรูปแบบเอาไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้จะไม่มีการบันทึกการประชุม ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ให้เลขานุการและที่ปรึกษาเข้าร่วม อยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกับ กมธ.อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา หวังว่าข้อมูลตรงนี้ จะเป็นประโยชน์ในการที่เราจะร่วมมือกัน ระหว่างผู้ปฏิบัติ รัฐบาล สภาฯ


"ในวิกฤตินี้เรามีความจำเป็นต้องรวมพลัง ในการที่จะแก้ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าวิกฤตนี้ลุกลามบานปลาย และคิดว่าประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อนก่อน ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จากการลงพื้นที่ที่ จ.สุรินทร์ ประชาชนเตรียมทำบังเกอร์ ดังนั้น สถานการณ์ตามแนวชายแดนตึงเครียดจริงๆ" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้มีการเชิญนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และนักวิชาการบางคนที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งตอนนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรับปากว่าจะเข้ามาชี้แจง ดังนั้น จึงมองว่าวันนี้จะเป็นการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ทางสภาฯ กับทางฝ่ายบริหารรวมถึงผู้ปฏิบัติ จะได้เห็นความร่วมไม้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหานี้ พร้อมยืนยันว่าการทำสงครามการขัดกันด้วยอาวุธ ไม่จำเป็นต้องเป็นทางเลือก และยืนยันว่าทางออกที่จะพูดคุยกันแบบทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ยังเป็นทางออกที่เป็นไปได้ และเชื่อว่าเป็นทางออกที่จะสร้างบาดแผลให้กับทั้ง 2 ชาติน้อยที่สุด และการมองไปข้างหน้าที่ทำให้ 2 ประเทศ เห็นถึงความร่วมไม้ร่วมมือกันโดยเฉพาะการค้าชายแดน ในเรื่องของเศรษฐกิจยังมีความเป็นไปได้แต่ถ้าเราไปเลือกวิธีการอื่น ตนคิดว่าอนาคตที่จะมีความสัมพันธ์ร่วมมือเชิงบวกจะยิ่งยากเข้าไปเรื่อยๆ เพราะสุดท้ายมีผู้แพ้และผู้ชนะ มีผู้ที่ได้และเสีย สุดท้ายประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีใครได้อะไรเลย

เมื่อถามว่า ประเด็นที่จะถามต่อหน่วยงานที่เข้ามาชี้แจงมีประเด็นอะไรบ้าง เป็นประเด็นที่จะนำไปพูดคุยในโต๊ะเจรจา JBC ด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เกี่ยวพันกับเรื่องที่จะนำไปพูดคุย เราต้องเข้าใจว่าสุดท้ายกัมพูชาต้องการอะไรนี่คือคำถามที่ยังไม่มีใครได้คำตอบ เป็นคำถามสำคัญ ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น กัมพูชาต้องการอะไร ใช่ 3 ประสาท 1 ช่องบกจริงหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องพิจารณากันดีๆ ส่วนที่จะร้องไปศาลโลกจะเป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการจริงๆ ใช่หรือไม่ รวมถึงต้องเตรียมการเรื่องความมั่นคง เพราะมีภัยคุกคาม เช่น การจัดวางกองทัพมากน้อยแค่ไหน ส่วนนี้เราก็ต้องทราบ และยุทธศาสตร์ของเรา ที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งคืออะไร วันนี้ต้องคุยกันบนพื้นฐานของการมียุทธศาสตร์ และกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหมทำอะไร รวมถึงแนวทางการเจรจาวันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะเป็นอย่างไร

"ภาพที่ออกมาวันนี้ การประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ดูเหมือนทางกัมพูชาจะไม่ค่อยอยากประชุมเท่าไหร่ เขาไม่รู้สึกถึงความสำคัญขนาดนั้น แสดงว่าเกิดจากแต้มต่อเราน้อยไปหรือไม่ ดังนั้น ถ้าเราอยากให้เครื่องไม้เครื่องมือในการเจรจาได้ผล เราต้องสร้างแต้มต่อในการเจรจาของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด คือการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ถ้าเราไม่มีแต้มต่อตรงนี้ สุดท้ายหากความขัดแย้งลุกลามบานปลาย ทุกฝ่ายมองไม่เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ มองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการพูดคุย และใช้วิธีการขัดกันทางทหาร สุดท้ายประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่เคลื่อนไหวได้ยาก จะมีผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนจะถึงวันที่ 14 มิ.ย.มีการปรับกำลังทหาร แล้วเราต้องใช้ไพ่ใดในการเจรจา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องความมั่นคงทางทหารมีหลายส่วน ตนทราบดีว่าทางกัมพูชาได้เตรียมการเรื่องกำลังทหารมาโดยตลอด ตั้งแต่มีประเด็นเรื่องเขาพระวิหาร ไม่ใช่แค่กำลังพล อาวุธ แต่รวมไปถึงการส่งกำลังบำรุงบริเวณชายแดนชาย ทางกัมพูชามั่นใจมากขึ้น แต่ในส่วนของไทยที่ถือความได้เปรียบมาตลอดคือเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน เราอาจจะได้ดุลการค้าเขา แต่เราต้องยอมรับว่ามีหลายภาคส่วนที่กัมพูชาเขามีความจำเป็น มีเศรษฐกิจที่อาจจะเทาหน่อย เช่น กาสิโน ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงแต่ธุรกิจนี้ได้ใช้ประโยชน์จากคนไทยที่ไปทำงาน ไฟฟ้า และอินเตอร์เน็ตจากไทย วันนี้มีข่าวออกมาว่าถ้าไทยตัดไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบกับกัมพูชา แต่ธุรกิจเหล่านี้ส่งผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ตามแนวชายแดน นี่ถือเป็นไพ่ที่สำคัญที่จะใช้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ตัวที่ 1 คือแก้ปัญหาภายในประเทศ ปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ตัวที่ 2 เป็นการทำลายโครงสร้างแก๊งค์อาชญากรรมข้ามชาติ ตัวที่ 3 การสร้างแรงกดดัน และเพิ่มแต้มต่อให้กับการเจรจาของไทย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เราอย่าดูเบา เพราะล่าสุดมีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 30 กว่าคน ดังนั้น เรื่องแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นแต้มต่อให้กับประเทศไทยไปพูดคุยในการแสวงหาพันธมิตรจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ดังนั้น หากใครจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดหลักการสร้างแต้มต่อ ในการเจรจาเราสร้างได้เยอะเลย อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการรักษาพยาบาล การทำงานของแรงงานข้ามชาติ ที่วันนี้เราต้องการการบูรณาการ และเราต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้เป็นประโยชน์ เบื้องต้นรัฐบาลต้องโฟกัสกับเรื่อง ความขัดแย้งระหว่างไทยกัมพูชาก่อน

"สำหรับเรื่องภายในรัฐบาล ไม่จำเป็นก็อย่าเพิ่งพูด มันไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน วันนี้ต้องสร้างความเข้มแข็ง ความเป็นเอกภาพ" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องตัดไฟตัดก่อนประชุม JBC หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ แล้วส่งผลกระทบต่อไทยวันนี้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังมีอยู่ ตนยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ถ้าเราตัดไปก่อนตนคิดว่าเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่สุดท้ายประเทศไทยต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ไม่จบเสียที

เมื่อถามว่า การทำงานทางการทูตต้องทำแบบเชิงรุกมากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ใช่ วันนี้เราต้องคุยกันตรงไปตรงมา สายตาทั่วโลกมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และมองว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ เขาพยายามเอากรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาที่ถูกยิงบริเวณชายแดน เพื่อบอกว่าไทยรังแกเขา ซึ่งไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ทำให้จะต้องทำให้ต่างประเทศเห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ไทยไม่ได้ต้องการเริ่มต้นเรื่องนี้ กัมพูชาต่างหากที่เป็นผู้เริ่มต้น และไทยต้องมองถึงโอกาสและความเป็นไปได้ทางการทูต วันนี้เราคุยกับจีนแต่ทางกัมพูชามั่นใจเพราะได้รับอาวุธจากจีน ดังนั้น ต้องคุยจุดประสงค์กับจีนว่าต้องการอะไร ไม่ได้อาจจะมีเจตนาร้าย แต่จีนไม่ใช่ทุกอย่างของสมการนี้ เราต้องสร้างความเป็นไปได้ ทางการทูตใหม่ๆ เช่น ต้องคุยกับเวียดนาม หรือฝรั่งเศส เพื่อและอีกหลายประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ ประเทศไทยต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้ากัมพูชาได้อาวุธ แล้วประเทศไทยจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ต่อให้เราโดดเดี่ยวเราก็ต้องทำงานเชิงรุก

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราคาดหวังกับนายกฯ อยากเห็นนายกฯ มีบทบาทนำ ตอนนี้มีคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเราและรัฐบาลพนมเปญ แต่ตนคิดว่านายกฯ ต้องใช้โอกาสนี้ประกาศให้ชัดว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวจะไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศชาติ ดังนั้น ถ้านายกฯ ทำเรื่องนี้ดีจะได้รับความนิยมที่ดี ความซึ่งต้องจัดลำดับความสำคัญให้ดี อย่างการไปลงพื้นที่ที่ช่องจอม จ.สุรินทร์ เป็นเรื่องดี แต่ไม่เห็นด้วยกับหัวข้อที่พูดคุยเรื่องการเปิด - ปิดด่านให้ตรงกัน เพราะมองว่าไม่ใช่เวลา มีประเด็นอื่นที่สำคัญอีกมาก และนายกฯ ควรหยิบยกมาพูดคุย และสั่งการไปหน่วยความมั่นคง ซึ่งวันนี้สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือลดความตึงเครียดกับทั้ง 2 ฝั่ง และทุกฝ่ายต้องกลับมาพูดคุยกันแบบทวิภาคี ถ้ากัมพูชายังยืนยันที่จะไปศาลโลก ตนคิดว่าคุยกันลำบาก ดังนั้น การจัดลำดับของรัฐบาล มีความสำคัญมากต่อการไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มียุทธศาสตร์ วันที่ 14 มิ.ย.น่าจะลำบาก

เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่าในกรณีของกัมพูชาอาจเกี่ยวโยงกับคดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ รวมถึงมติของแพทยสภาในวันนี้ (12 มิ.ย.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องคดีจะเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไปพิจารณาจากสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการ แต่สุดท้ายโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล หากพูดเรื่องการเมืองภายในประเทศคือความเชื่อมั่น หากประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่ตรงไปตรงมาชอบด้วยกฎหมายการบริหารของรัฐบาลทุกเรื่องก็จะยาก

"รัฐบาลจะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อว่าความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องภายในครอบครัว ไม่ใหญ่กว่าเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ เรื่องระบบกฎหมายกระบวนการยุติธรรม สำหรับผมมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ดังนั้น รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้ได้ ยังในคดีเรื่องชั้น 14 ก็จะเป็นปมปัญหาต่อไปอย่างแน่นอน คิดว่าอยากให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เพราะบอกเองตอนเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจฟังแพทยสภา เมื่อแพทยสภาออกมาอย่างนี้อยากเห็นท่าทีที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร น่าจะจบแล้วหรือไม่ และกระบวนการที่ทำอยู่ต่อไปอยากให้ระวังให้ดีว่าอาจจะยิ่งทำลายความศรัทธาที่ประชาชนจะมีต่อกระบวนการยุติธรรมและต่อรัฐบาลเอง" นายรังสิมันต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการประชุม กมธ.ฯ มีผู้เข้าร่วมเข้าชี้แจง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม และตัวแทนจากกระทรวงมหาดไทย สมช. ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ส่งผู้แทนมาชี้แจง โดยให้เหตุผลว่าต้องเตรียมข้อมูลเข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แค่เกมการเมือง!  มทภ.2 ไม่หวั่นไหว\'ฮุนเซน\'ปั่นกระแส รัฐบาลไทยคุมทหารไม่ได้ แค่เกมการเมือง! มทภ.2 ไม่หวั่นไหว'ฮุนเซน'ปั่นกระแส รัฐบาลไทยคุมทหารไม่ได้
  • ระทึก!‘สภาหมื่นล้าน’ ประตูเหล็กลานจอดรถร่วงตอนฝนถล่ม ระทึก!‘สภาหมื่นล้าน’ ประตูเหล็กลานจอดรถร่วงตอนฝนถล่ม
  • ปิดดีลอีกสอง! ‘อนุทิน’บินอุดรฯ 15 มิ.ย.เปิดตัว‘2 สส.ไทยสร้างไทย’ ปิดดีลอีกสอง! ‘อนุทิน’บินอุดรฯ 15 มิ.ย.เปิดตัว‘2 สส.ไทยสร้างไทย’
  • \'อนุทิน\' ยกคณะลุยอุบลฯ ปัดอุ่นเครื่องรอเลือกตั้ง ยันทำในฐานะพรรคร่วม-รมต. 'อนุทิน' ยกคณะลุยอุบลฯ ปัดอุ่นเครื่องรอเลือกตั้ง ยันทำในฐานะพรรคร่วม-รมต.
  • รทสช.แตก 2 เสี่ยง!!! \'สุชาติ\'ประกาศตั้งกลุ่ม 18 หักก๊วน\'พีระพันธุ์\'รอวันแยกทาง รทสช.แตก 2 เสี่ยง!!! 'สุชาติ'ประกาศตั้งกลุ่ม 18 หักก๊วน'พีระพันธุ์'รอวันแยกทาง
  • ‘พิพัฒน์’รับลูก‘อนุทิน’ สอบวินัยซื้อตึก‘skyy9’พร้อมตั้ง 7 จุดยืน ‘พิพัฒน์’รับลูก‘อนุทิน’ สอบวินัยซื้อตึก‘skyy9’พร้อมตั้ง 7 จุดยืน
  •  

Breaking News

'พลเอกประยุทธ์' ผู้นำที่แบกความรับผิดชอบทั้งแผ่นดิน กอบกู้วิกฤตโควิด19-เศรษฐกิจไทย

แค่เกมการเมือง! มทภ.2 ไม่หวั่นไหว'ฮุนเซน'ปั่นกระแส รัฐบาลไทยคุมทหารไม่ได้

นั่งสมาธิวันละ 5 นาที ได้ทั้งบุญบารมี ได้ทั้งใจสงบเกิดประโยชน์ให้กับชีวิตคุณ

'กัมพูชา'ยอมเปิดด่านบ้านแหลมแล้ว! เร่งระบายสินค้า หลังรถบรรทุกติดค้างรวม 220 คัน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved