มติขาดลอย"แพทยสภา"ฟัน 3 หมอ ปมชั้น 14 ลั่นทำในสิ่งที่ถูกต้อง รักษาจริยธรรมความถูกต้อง ไม่หวั่นไอ้โม่งข่มขู่ ตอกกลับ"สมศักดิ์" ยันหมอทุกรุ่นได้รับการสอนเหมือนกัน รู้หน้าที่อะไรควรทำ มองหมอรุ่นใหม่ใช้เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษา รักษาคนไข้คู่กับการรักษามาตรฐาน
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 12 มิถุนายน 2568 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร์ คณะกรรมการแพทยสภา ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยับยั้ง หรือ วีโต้มติแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มารักษาตัวต่อที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ ในช่วงต้นการประชุม ได้เปิดโอกาสให้นายสมศักดิ์ชี้แจงหรืออธิบายต่อที่ประชุม ถึงเหตุผลที่ได้ทำการวีโต้มติแพทยสภาดังกล่าว เป็นเวลา 15 นาที จากนั้นคณะกรรมการแพทยสภาได้ดำเนินการประชุมพิจารณาต่อไป โดยการประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานประมาณ 3 ชั่วโมง
ต่อมา เวลา 15.00 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 คณะกรรมการแพทยสภา แถลงผลการประชุม ว่า การประชุมในวันนี้มีคณะกรรมการเข้าร่วม 69 คน แต่มีคณะกรรมการที่มีสิทธิลงคะแนน 68 คน ผลการลงมติปรากฏว่ามากกว่า 2 ใน 3 มีมติ ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน และในการพิจารณารายบุคคลคณะกรรมการดูแล้วในแต่ละคนที่ถูกร้องเรียนนั้น คณะกรรมการเกิน 60 คน ที่มีความเห็นยืนยันตามมติเดิมในการลงโทษแพทย์แต่ละราย แต่ขอยังไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งทราบว่าทุกคนก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร รอให้แพทยสภาได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการส่งถึงเจ้าตัวก่อน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแพทย์ที่ถูกลงโทษพักใช้ใบอนุญาตสองคนนั้น ระยะเวลาในการพักใช้นั้นไม่เท่ากัน เพราะฐานความผิดแตกต่างกัน โดยในวันที่ 13 มิ.ย.ก็สามารถมีคำสั่งให้ออกจากแพทยสภาส่งถึงผู้ที่ถูกลงโทษได้ ส่วนจะมีผลเลยหรือไม่ก็ต้องมีกระบวนการ เช่น กรณีที่เราให้พักใช้ใบอนุญาต ทางผู้ถูกลงโทษอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสะสางงานที่ยังคั่งค้างอยู่ อาจจะมีคนไข้ที่นัดหมายเข้ารับการรักษาอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ตรงนี้นายกแพทยสภาจะเป็นผู้กำหนดตรงนี้ และสื่อสารให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีเหตุผลที่นายสมศักดิ์ ส่งวีโต้เข้ามานั้น ว่า กระบวนการการประชุมของคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้ ตนคิดว่าเรารับฟังความคิดเห็นอย่างชัดเจน สภานายกพิเศษก็ได้ให้ความเห็นในการวีโต้ ส่วนคณะกรรมการทุกคนก็ได้พิจารณา รวมไปถึงเอกสารที่มีการส่งวีโต้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว โดยนำมาเปรียบเทียบกับมติแพทยสภาว่าเป็นอย่างไรพร้อมทำหมดวิเคราะห์ ดังนั้น เมื่อเห็นข้อมูลเหล่านี้และการใช้ดุลยพินิจของตัวท่านเองจึงมีมติออกมาตามนี้ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าการประชุมในวันนี้เป็นกระบวนการที่โปร่งใสชัดเจน ทุกคนสามารถใช้ดุลยพินิจได้ภายใต้หลักวิชาการในข้อมูลหลักฐานที่เป็นจริงและเหตุผล
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีข้อกล่าวหาว่ามีแชทไลน์กลุ่มของแพทยสภาหลุดนั้น ขอย้ำว่า ไลน์กลุ่มนั้นไม่ใช่ไลน์อย่างเป็นทางการของแพทยสภา หากสังเกตจะพบว่ามีการลบป้ายตอนบน ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการของแพทยสภา และขออนุญาตออกชื่อ เนื่องจากไลน์กลุ่มดังกล่าวมีการพูดถึง นายทักษิณ ชินวัตร แล้วมีกรรมการแพทยสภาส่งสติ๊กเกอร์คำว่า "Yes" ลงไป ซึ่งตนเชื่อว่าทุกคนที่ใช้บริการไลน์ย่อมเคยเกิดเหตุการณ์ในการตอบกลับข้อความว่า "YES" หรืออาจจะเป็นข้อความอื่นเพื่อแสดงออกว่าได้รับข้อความนี้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นด้วยกับสิ่งนั้น ดังนั้น ขอย้ำว่า 1.นี่ไม่ใช่ไลน์กลุ่มอย่างเป็นทางการของแพทยสภา แต่เป็นแพทยสมาคม 2.การตอบกลับข้อความก็ไม่ได้เป็นการแสดงความคิดเห็น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ไม่ได้กระทบต่อความน่าเชื่อถือของแพทยสภา
"สิ่งสำคัญผมพูดไปตั้งแต่การพิจารณาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ว่าการพิจารณาวาระนี้ แพทยสภาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครหรือผู้ป่วยเป็นใคร เราพิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ได้นำคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดแนบเข้าไปกับการวีโต้ด้วย แพทยสภามีความกังวลหรือไม่นั้น ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ในการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนครั้งละ 1 - 6 ชม.มีเพียง 3 ครั้ง หลังจากที่ได้รับเอกสารเพิ่มเติมเมื่อเดือน เม.ย.และวันนี้เราได้มีการพิจารณาซ้ำอีก จึงคิดว่าเรามีการทำงานและการพิจารณาเยอะพอสมควร จึงแตกต่างจากที่ท่านวีโต้เรื่องจริยธรรมการแพทย์ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับหลายๆ เรื่องหลายวิชาชีพ วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกัน แล้วจะเอามาอ้างให้เทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม
เมื่อถามอีกว่า กังวลกับกระแสที่มีข้อเรียกร้องให้เปิดรายชื่อว่ากรรมการแต่ละคนโหวตอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน หลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ลงนามส่งมาถึงแพทยสภา จะเห็นว่าสาระหลัก ต้องการให้แพทยสภายึดมั่น ยึดหลักความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ โดยสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาตระหนักและจะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว และตนขอเป็นตัวแทนกรรมการแพทยสภาทุกคน กราบขอบพระคุณแพทย์ และประชาชนทั้งหลาย ที่แสดงออกอย่างชัดเจนให้แพทยสภา ดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ แล้ววันนี้พวกเรากรรมการแพทยสภาก็ได้ทำสิ่งนั้นแล้ว
"เพราะฉะนั้นสิ่งที่ให้มานั้นสำหรับตนมองว่าไม่ใช่แรงกดดัน แต่คือกำลังใจเพราะเป็นสิ่งที่เราก็อยากทำ และความเห็นของผมคือชอบแล้วด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นที่ส่งมานั้นผมไม่ถือว่าเป็นแรงกดดัน แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ให้เราทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำ แบบนี้ถึงจะเรียกว่ากดดัน หรือถ้าว่าไปแล้ว ในบางกรณีเข้าเกณฑ์ข่มขู่ด้วยซ้ำ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามเพิ่มเติมว่า หากแพทย์ที่ถูกลงโทษไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง มติของแพทยสภาที่ให้ลงโทษจะมีผล หรือต้องรอให้กระบวนการทางศาลเสร็จสิ้นก่อน ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การฟ้องร้องการต่อศาลสามารถทำได้ เราต้องเดินตามแนวทางของตุลาการ ซึ่งก็สามารถชี้แจงได้ นี่คือธรรมาภิบาลของประเทศนี้ หากเห็นว่าไม่ถูกก็สามารถไปร้องได้
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้เรากำลังพิจารณาว่าจะพิจารณาจริยธรรมแห่งวิชาชีพของแพทย์เพิ่มเติม
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ระบุเหตุผลในการวีโต้ก็เพื่อแพทย์รุ่นใหม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทหน้าที่เหมือนกัน และตนก็อยากจะย้ำวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสั่งสอนไว้ แล้วตนคิดว่า แพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ก็ใช้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา ก็ได้เห็นว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย ไม่ใช่แค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คือการรักษามาตรฐานของการรักษา
นอกจากนี้ รายงานข่าวจากคณะกรรมการแพทยสภา ว่าในการประชุมแพทยสภา มีคนลาประชุม 1 คน ขณะที่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (รพ.ตำรวจ) ไม่สามารถลงคะแนนได้ คะแนนเต็ม 68 คน
โดยผลการลงมติในคดีแรก "หมอผู้หญิง" ลงคะแนนยืนมติเดิม 67 คน และไม่ออกเสียง 1 คน
ส่วนคนที่สอง เป็นอดีต นพ.ใหญ่ รพ.ตำรวจ คะแนนเต็ม 68 เสียง ยืนมติเดิมแพทยสภา 64 เสียง เห็นด้วยกับการวีโต้ 2 เสียง ไม่ออกเสียง 2 คน
สำหรับคนที่สาม มติพักใบอนุญาต 6 เดือน คะแนนเต็ม 68 คน ยืนมติเดิม 65 เสียง เห็นด้วยกับสภานายกพิเศษ (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) วีโต้ 1 เสียง และไม่ออกเสียง 2 คน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี