‘เพื่อไทย’ปิดทาง‘ปรับ ครม.’แบบเซตซีโร่ ชี้เขี่ย‘ภูมิใจไทย’พ้นรัฐบาลได้เก้าอี้เพิ่ม-เรียกเชื่อมั่นประชาชน ลดขัดแย้ง เดินหน้านโยบายได้เต็มที่ เชื่อประคองรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำรอดครบเทอม
18 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมสส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่17 มิ.ย. มีการหารือถึงการปรับครม. สส.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องการให้พรรคเอาตำแหน่งรมว.มหาดไทย คืนมาจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจากที่ได้หารือกับผู้บริหารพรรคและสส. ต่างก็เห็นด้วยในแนวทางนี้ ล่าสุดนายอนุทิน ก็ได้ประกาศแยกทางจากรัฐบาลแล้ว เท่ากับว่าไม่ต้องมีการเซตซีโร่ ปรับครม. ทั้งหมดแล้ว สุดท้ายแม้ไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ร่วมรัฐบาล เท่ากับว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะได้เก้าอี้ในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยคืนมาถึง 8 เก้าอี้ เช่น รมว.มหาดไทย รมว.ศึกษาธิการรมว.แรงงาน รมว.การอุดมศึกษาฯ และรัฐมนตรีช่วยอีก 4 เก้าอี้ รวมถึงรองประธานสภา
รายงานข่าว ระบุว่า ตรงนี้จะทำให้ สส.ของพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างเต็มที่ เพราะ สส.ของพรรคที่ต่อสู้กันมาก็ควรได้มีโอกาสเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงสามารถเกลี่ยให้พรรคที่จะเข้ามาช่วยเติมเสียงให้รัฐบาลได้ ซึ่งการแยกทางกับพรรคภูมิใจไทยถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะที่ผ่านมาการทำงานของพรรคภูมิใจไทยมีความขัดแย้งกับเพื่อไทยมาโดยตลอด เช่น นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ รวมถึงนโยบายการปราบปราบยาเสพติดที่กระทรวงมหาดไทยเหมือนจะเกียร์ว่าง ไม่ทำอย่างจริงจัง รวมถึงมีการเล่นเกมใต้ดินในรูปแบบต่างๆ
รายงานข่าว แจ้งว่า หากรัฐบาลไม่มีพรรคภูมิใจไทยจะทำให้ภาพลักษณ์ของเราดีขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สามารถทำตามนโยบายต่างๆได้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาประชาชนจะเห็นภาพความขัดแย้งในรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ สส.ของเราก็มีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีมากขึ้น ส่งผลดีที่สามารถให้เราทำตามแนวทาง ตามนโยบายที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงได้ แม้เสียงรัฐบาลจะเหลือประมาณ 260เสียง ก็เชื่อว่าจะสามารถประคับประคองกันไปได้
ส่วนที่มีการเสนอกระทรวงสาธารณสุขหรือกระทรวงพาณิชย์เพื่อแลกนั้น สส. ในพรรคเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นกระทรวงใหญ่ เชื่อมโยงกับประชาชนในเรื่องปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ ถือเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรค หากปล่อยให้ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เท่ากับไปเพิ่มกำลังฐานเสียงให้กับเขาที่จะใช้ในการเลือกตั้งได้ ดังนั้นการปรับ ครม. ครั้งนี้ พรรคต้องมองไปที่การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นปัจจัยในการพิจารณาด้วย เพราะจะส่งผลถึงคะแนน ความนิยมของพรรคในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตามการไม่มีพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะต้องเจอกับนิติสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจะต้องเตรียมรับมือกับคดีความทางการเมืองที่จะต้องมีมากขึ้น เพราะเขามีเครือข่ายอยู่ในองค์กรต่างๆ ส่วนงานสภา พรรคเพื่อไทยก็ต้องจัดระเบียบให้ดี กำชับกับสส. ให้ความสำคัญ กับกฎหมายที่จะเข้าพิจารณา เช่น กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กฎหมายงบประมาณฯ รวมถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“วันนี้ต้องกล้า การให้เวลากับพรรคภูมิใจไทย 48 ชั่วโมงนั้นถือว่ามากเกินไปแล้ว เพราะภูมิใจไทยก็ยืนยันมาอย่างชัดเจนด้วยคำพูดของหัวหน้าพรรคว่าหากไม่ได้กระทรวงมหาดไทยก็จะไม่ร่วมรัฐบาล จึงถือว่าหมดเวลาแล้วสำหรับพรรคภูมิใจไทยกับรัฐบาลนี้และไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอากระทรวงใดๆไปแลก” แหล่งข่าวระบุ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี