ม็อบยกระดับปิดล้อมทำเนียบ
เผด็จศึก‘อิ๊งค์’
สังเวยคลิปเสียงหงอ‘ฮุนเซน’
คปท.รุกหนักจี้นายกฯไขก๊อกนัดชุมนุมใหญ่21-24มิ.ย.นี้ สุดจะทนลมปาก“อิ๊งค์”คปท.ยกระดับชุมนุมใหญ่ 21 มิถุนายน ปิดล้อมทำเนียบฯเผด็จศึกลูกเทวดา สังเวยคลิปฉาวคุย“ฮุนเซน” ขณะที่กมธ.ทหาร ยื่นถอดถอนผู้นำพ้นเก้าอี้นายกฯ“ศรีสุวรรณ”ตามซ้ำผิดจริยธรรม
เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 19มิ.ย.2568 ที่สะพานชมัยมรุเชฐ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)และพล.ต.นายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ร่วมกันแถลงจุดยืนของการชุมนุมในครั้งนี้ นายพิชิต กล่าวว่า หมดเวลารัฐบาลของ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ผ่านมาไทยแสดงจุดยืนด้วยการปกป้องชาติประชาชนของไทย แต่ท่าทีของรัฐบาลรวมถึงเสียงการสนทนาชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีของไทยไม่จริงใจในการรักษาชาติ คปท.แถลงจุดยืนกดดัน นายกฯอิ๊งค์ ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมขอโทษประเทศชาติ
โดยเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ 21 มิ.ย.นี้ ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล พวกตนในนามของ คปท.ขอเรียกร้องให้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลและเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีกล่าวขอโทษประเทศไทยและรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยเร่งด่วน รวมถึง วันเสาร์ที่ 21มิ.ย.จะชุมนุมใหญ่ยาวต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 24มิ.ย.68 จะให้ผู้ชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลทุกประตูเข้าออกเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง
‘ศรีสุวรรณ’จริยธรรมอิ๊ง
ที่สำนักงานใหญ่ ปปช.จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กรณีคลิปสนทนากับ นายฮุนเซน ซึ่งเป็นศัตรูของชาติ ถือเป็นการทำลายเกียรติยศ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในแผ่นดิน ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีการเผยแพร่คลิปการสนทนาในสื่อมวลชนและโลกออนไลน์กันอย่างแพร่หลายอยู่ในขณะนี้ ซึ่งแสดงถึงความอ่อนหัดของนายกรัฐมนตรีของไทย ที่โทรศัพท์ไปเจรจาความเมืองกับเสือเฒ่าแห่งกัมพูชา ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างมาก และยังเผยต่อศัตรูของชาติโดยผลักใสผู้นำกองทัพว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามตน ทั้งๆ ที่นายกมนตรีเป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยตำแหน่งอยู่แล้ว ควรที่จะต้องเคารพในศักดิ์ศรีและเชื่อมั่นในเกียรติยศของเหล่าทหารกล้าที่ปกปักรักษาแผ่นดินมาแต่โบราณกาล พฤติการณ์ในแต่ละถ้อยคำที่สนทนากับนายฮุนเซนสะท้อนให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตนเองเป็นที่ตั้ง นำความลับในการบริหารราชการแผ่นดินไปเอื้อประโยชน์ให้กับศัตรูของชาติ อันถือได้ว่าเป็นปรปักษ์ต่อแผ่นดิน อันอาจทำให้อำนาจอธิปไตยของชาติเสื่อมเสียไปได้ อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 มาตรา 120 ประกอบมาตรา 128 อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรโดยชัดแจ้ง
กระทบความมั่นคง
นอกจากนี้ ยังอาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 219 ให้ใช้บังคับไว้ในหลาย ๆ ข้อ เช่น ข้อ 6 ข้อ 7 ข้อ 8 ข้อ 11 ข้อ 17 ข้อ 19 และข้อ 26 ประกอบข้อ 27 อันเกี่ยวกับการไม่ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ การไม่ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเอง หรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่กระทําการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม กระทําการอันก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงจำต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการไต่สวนและมีความเห็นเพื่อนำไปสู่การเอาผิดนายกรัฐมนตรีที่มีพฤติการณ์ในการใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามครรลองของกฎหมายต่อไป
ราษฎรรักชาติแถลงใหญ่
มีรายงานข่าวว่า“กลุ่มราษฎรรักชาติ”เตรียมนัดรวมพลจัดแถลงข่าวครั้งใหญ่ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน2568 เวลา 10.00น.ที่โรงแรมมณเฑียร พระราม3 โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบด้วยการ ลาออกจากตำแหน่งในทันที
การรวมตัวครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังสถานการณ์ทางการเมืองร้อนระอุจากกรณีคลิปเสียงที่หลุดออกมา ซึ่งมีเนื้อหาที่ถูกมองว่า กระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ ทั้งยังสร้างแรงสั่นสะเทือนในพรรคร่วมรัฐบาล แกนนำผู้ร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ประกอบด้วยบุคคลหลากหลายภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว อดีตทหาร และผู้มีบทบาทในการเมืองไทย อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม, ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นพ.เหรียญทอง แน่นหนา, นายประสาร มฤคพิทักษ์, นางสาวรสนา โตสิตระกูล, นายสมชาย แสวงการ, พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์, นายนันทิวัฒน์ สามารถ, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์, ดร.ไชยันต์ ไชยพรและนางสาวอัญชะลี ไพรีรัก เป็นต้น การแถลงข่าวครั้งนี้คาดว่าจะมีการ เรียกร้องอย่างเป็นทางการให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคประกาศถอนตัว เพื่อไม่เป็นการต่ออำนาจให้กับรัฐบาลที่กำลังเผชิญวิกฤตศรัทธาจากสังคม
ยื่นถอดถอนนายกฯ
ที่รัฐสภา พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่หน่วยงานไหนบ้างว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงรายชื่อ เมื่อครบแล้วจะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ทันที
เมื่อถามถึงผลกระทบหลังจากนี้ หากนายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกหรือยุบสภา พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นการตัดสินใจของฝ่ายรัฐบาล แต่ในความรู้สึกของประชาชนคนไทย ข้าราชการ ทหาร มองว่านายกรัฐมนตรีไม่มีความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว โดยเฉพาะกรณีที่บอกว่าแม่ทัพภาคที่สองไม่ได้เป็นพวกเรา กลายเป็นว่านายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาเป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งตรงนี้คงไปไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงเรียกร้องให้ลาออกแทนที่จะยุบสภา หรือวิธีการอื่นหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เราเรียกร้องให้ลาออก พร้อมทั้งดำเนินการตามกฎหมาย ตามบทบาทหน้าที่ที่สามารถทำได้
การเมืองไม่ถึงทางตัน
เมื่อถามย้ำว่าหากไม่ลาออก การเมืองจะไปสู่ทางตันหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนมั่นใจว่าคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดิน มาถึงขนาดนี้แล้ว คิดว่ารัฐบาลคงมีหนทางในการตัดสินใจที่เป็นทางออกและเป็นผลดีต่อประเทศไทย เมื่อถามถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกฯที่มีอยู่ มองว่าหากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เหมาะสมหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา และเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ถามว่าการมีสุญญากาศแบบนี้ จะทำให้การแก้ไขปัญหากัมพูดยากขึ้นหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า สิ่งทุกอย่างเปิดมาแล้วว่าปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากต่อไปคงมีความชัดเจนมากขึ้นในการแก้ปัญหาร่วมกัน ตนคิดว่าเป็นผลดี เมื่อถามว่า วุฒิสภาจะเดินหน้าขอเปิดประชุมอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.153 เพื่อหารือปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า จากการประชุมของวิปวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 68) เรามีมติร่วมกันว่าถ้าสถานการณ์ยังไม่มีอะไร เราอาจจะรออีกสักเดือนหนึ่ง แต่หากมีสถานการณ์อะไรที่เพิ่มมากขึ้น อาจต้องไปถึงตรงนั้นให้ไวที่สุด เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา
วุฒิสภาไว้ใจทหาร
เมื่อถามว่าในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนยังไว้วางใจให้รัฐบาลแก้ไขปัญหานี้หรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวยืนยันว่า เราไว้ใจและเชื่อมั่นฝ่ายทหาร ที่จะปกป้องรักษาอธิปไตยและดินแดน ย้ำว่ายังไว้ใจและมั่นใจอยู่ ถามย้ำว่าแต่ในการสั่งการยังต้องออกจากผู้นำรัฐบาล พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพี่น้องประชาชน หรือสื่อมวลชนทุกท่านคงจะเห็นและตัดสินใจได้
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากเกิดทางตัน แล้วนำไปสู่รัฐประหาร พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เรื่องรัฐประหาร เราอย่าเอามาเป็นกังวล เพราะตนคิดว่าฝ่ายรัฐบาลน่าจะมีทางออกที่ดี คงไม่ไปถึงขนาดนั้น และตนมองว่าไม่ว่าจะเป็นทหารยุคไหนสมัยไหน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หรือไม่ใช่เรื่องความเสียหายของประเทศชาติจริงๆ ไม่มีใครอยากจะทำ เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ฉะนั้น ถ้าไม่ถึงกับความเสียหายของประเทศชาติไม่มีใครอยากทำ เมื่อถามกรณีคลิปเสียงนี้ เทียบกับเหตุการณ์ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรมสุดซอย ถือว่าร้ายแรงกว่าหรือไม่ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า กรณีนี้ ตนมองว่ามันชัดเจน
รบ.อิ๊งค์ทำเสียหายมาก
เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้ยังมองว่าไม่ใช่ความเสียหายใช่หรือไม่ ทำให้กลุ่ม สว.ที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องโห ก่อนที่พล.อ.สวัสดิ์จะกล่าวว่า ตนคิดว่าเสียหายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเกียรติภูมิของไทย และประชาชนคนไทยเห็นว่าทั้งมีการอ่อนข้ออ่อนน้อมทุกอย่าง “ในคลิปไม่มีการรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติเลย มีแต่ฝ่ายตรงข้ามอยากได้อะไร ซึ่งผมคิดว่าทุกคนฟังแล้วคงใช้วิจารณได้ว่ารุนแรงขนาดไหน เราเป็นคนไทย รู้สึกว่าเราเอ๊ะ ทำไมเราอ่อนด้อยขนาดนั้น เป็นความรู้สึกที่ไม่ดี” พล.อ.สวัสดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า สถานการณ์แบบนี้ มองว่านายกฯคนต่อไปควรมีคุณสมบัติอย่างไร ที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์นี้ พล.อ.สวัสดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งคุณลักษณะของผู้นำที่มาเข้ามา ตนคิดว่าทุกคนมีในใจอยู่แล้วว่าควรเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆต้องมีความรักชาติ รักแผ่นดินเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ดี หลังการแถลงข่าว กลุ่ม สว.บางส่วนได้ลงมาเซ็นรายชื่อ บริเวณด้านหลังจุดแถลงข่าว เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ถอดถอนนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รายชื่อครบเกินกว่า 1ใน3 จำนวน 67คน มากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี