วันที่ 23 มิถุนายน 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเผยแพร่บทความหัวข้อ "3 หลักการ 7 ข้อเสนอ เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่ยุบสภา ไม่ลาออก" มีเนื้อหาดังนี้
ณ เวลานี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แต่ปรับคณะรัฐมนตรี ให้นักการเมือง “รักชาติจนน้ำลายไหล” ได้มีโอกาสแย่งและต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และอาจมีการ “ขโมย” ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆเข้ามา (ไม่ว่า “ถาวร” แบบทำให้พรรคอื่นต้องแตกแยก หรือ ไม่ว่า “ชั่วคราว” แบบยั่วยวนแลกเปลี่ยนกับคะแนนเป็นรายคนและเป็นครั้งคราว)
อำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร หรือการลาออก เป็นอำนาจการตัดสินใจโดยแท้ของนายกรัฐมนตรี ในเมื่อนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ยุบสภา ไม่ลาออก เราควรทำอย่างไร ภายใต้สถานการณ์การเมืองเช่นนี้?
ผมเสนอว่า ต้องยึดหลักการพื้นฐาน เป็นเบื้องต้นไว้ก่อน ดังต่อไปนี้
1. รักษากติกาประชาธิปไตย
2. ต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ ทั้งแบบดั้งเดิมที่ใช้กองทัพยึดอำนาจ ทั้งแบบร่วมสมัยที่ใช้ศาลหรือองค์กรอิสระเข้าจัดการผ่านกลไกทางรัฐธรรมนูญ
3. รักษาสันติภาพ ใช้มาตรการเจรจา ไม่ตกอยู่ภายใต้ความคิดแบบคลั่งชาติสุดโต่ง
หากยึดหลักการพื้นฐานดังกล่าวไว้ ก็สรุปเป็นข้อเสนอได้ ดังนี้
1. ยึดหลักการรัฐบาลพลเรือนจากการเลือกตั้งต้องอยู่เหนือกองทัพ การแก้ไขปัญหาชายแดนและปัญหาความมั่นคงของประเทศ ต้องให้รัฐบาลพลเรือนรับผิดชอบ มีอำนาจตัดสินใจ มีอำนาจสั่งการกองทัพ ห้ามมิให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพหรือผู้บัญชาการภาค ริเริ่มตัดสินใจใช้อำนาจใดๆได้เอง ตามลำพัง โดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่รับรู้รับทราบ
2. นายกรัฐมนตรีต้องแสดงภาวะผู้นำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยว่า สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาได้ โดยไม่ต้องโอนอำนาจเบ็ดเสร็จให้กองทัพ พร้อมกับทำให้ประชาชนมั่นใจว่า การดำเนินการต่างๆเป็นไปโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน มิใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล และยึดมั่นแนวทางสันติภาพ ผ่านการเจรจาระดับทวิภาคี
3. ใช้กลไกตามระบบรัฐสภาในการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การตั้งกระทู้ถาม การตรวจสอบผ่านคณะกรรมาธิการ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยนายกรัฐมนตรีต้องให้ความร่วมมือกับกลไกดังกล่าว
4. คัดค้านการใช้กระบวนการนิติสงครามที่มีเป้าประสงค์ให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือสร้างสุญญากาศทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น การตีความขยายความคำว่า “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์“ ออกไปอย่างกว้างขวาง เพื่อสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่ว่าจะเป็น การใช้ช่องทางตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อหวังให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกันหลายคน
5. คัดค้านความพยายามสร้างสุญญากาศทางการเมืองของคนบางกลุ่มบางพวก ที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง หรือให้คณะรัฐมนตรีสิ้นสภาพ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือเพื่อเปิดทางพิสดาร บิดผันรัฐธรรมนูญ นำ “นายกรัฐมนตรี” แบบพิเศษ มาตามมาตรา 5 วรรคสอง
6. คุ้มครองเสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพสื่อมวลชน
7. เพื่อฟื้นฟูความชอบธรรมทางการเมือง เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์การเมืองในประเทศ (โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภา) และเพื่อป้องกันมิให้ “นักสร้างสุญญากาศ” ทำสำเร็จ นายกรัฐมนตรีควรแถลง “เส้นทางเวลา” ไปสู่การยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ เช่น ประกาศว่า ภายหลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีประกาศใช้ และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องชายแดนกับกัมพูชาได้เข้าที่เข้าทางระดับหนึ่งแล้ว จะยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน ภายในสิ้นปี 2568
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี