สะเทือนสายเขียว!! 'สมศักดิ์'ยันอนาคตกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแน่นอน ชี้ขอหรือต่อใบอนุญาตต้องทำกฎกระทรวงเพิ่ม มอง พ.ร.บ.ควบคุมฯ เสร็จในรัฐบาลนี้เป็นความฝัน ปัดกวาดล้างกัญชาเป็นเกมการเมืองบี้'ภูมิใจไทย' อ้างเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการนำกัญชาให้กลับไปเป็นยาเสพติด ว่า อนาคตควรกลับไปเป็นยาเสพติด เพราะวันนี้ยังมีอะไรที่พะรุงพะรังอยู่กับการดำเนินการที่ผ่านมาในอดีต เช่น กรณีมีการประกาศเป็นสมุนไพรควบคุม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ซึ่งมีการประกาศให้ตั้งร้านจำหน่ายกัญชาหรือการเก็บเกี่ยว และส่วนต่างๆ แต่ไม่เคยพูดถึงการดำเนินการทางการแพทย์ กระทั่งนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ตน และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประชุมพูดคุยกันโดยมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.2568 ว่ากัญชาต้องเพื่อการแพทย์เท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นก็ได้รับฟังความเห็นของประชาชน ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. -10 มิ.ย.2568 ซึ่งประชาชนให้การยอมรับในแนวทางนี้ และเมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ตนก็ได้ลงนามประกาศให้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น คนที่จะซื้อกัญชาต้องมีใบสั่งจากแพทย์ รวมถึงใบรับรองแพทย์ว่ามีการเจ็บไข้ได้ป่วยประการใด และในเรื่องของใบอนุญาตผู้ประกอบการรายใหม่ ที่จะมีการขอหรือมีการต่อใบอนุญาตนั้น ตนจะต้องทำกฎกระทรวงขึ้นใหม่อีกฉบับหนึ่ง รวมถึงมีข้อกำหนดว่าต้องมีแพทย์ประจำร้าน หรือหากมีการตรวจทุกเดือน แล้วมีความผิดไม่ปฏิบัติตาม 2 ครั้ง เราจะมีการยึดใบประกาศ และใบอนุญาต แต่การทำจะไม่ง่ายเหมือนการออกประกาศ โดยจะเป็นอำนาจของรัฐมนตรี ที่ต้องฟังความเห็นของประชาชน และที่ผ่านมาใช้เวลา 45 วัน ตั้งแต่นายกฯ มีข้อสั่งการ ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว
ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยต้องการผลักดัน ร่างพ.ร.บ.ควบคุมกัญชา จะทันในสมัยรัฐบาลนี้หรือไม่ นายสมศักดิ์ มองว่า ฝันไป เป็นเรื่องของความฝัน ถ้าดูจะพบว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลพวงมาจากประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งมีการนำกฎหมายฉบับนี้เข้าพิจารณา และเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติดเมื่อช่วงพ.ย.2564 มาตรา 29 ชี้ให้เห็นว่ายาเสพติดประเภท 5 หลุดออกจากกฎหมายไปสองประเภท คือกระท่อม และกัญชา และให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศเอง โดยฟังความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ซึ่งขณะนั้นมีรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งเป็นประธาน
ฉะนั้นเมื่อยาเสพติดประเภท 5 ไม่มีกัญชา อาจจะต้องทำกฏหมายให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ตามความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ส.ดังกล่าว แต่กลับไม่ได้ดำเนินการให้เสร็จสิ้น และมีร้านค้าเกิดขึ้นเป็นหมื่นร้าน เพราะขณะนั้นกฎหมายไม่ได้ทำประกาศ อีกทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองทางการแพทย์ ก็ไม่ชัดเจน แต่กลับมีประกาศให้ซื้อขาย และทำการปลูก ซึ่งเป็นเจตนารมย์คำพูดทางการเมืองที่ปากกับใจไม่ตรงกันที่บอกจะให้เป็นทางการแพทย์ แต่กลับไม่มีการเขียนไว้ในการควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ชี้แจงกับทางรัฐบาล และได้มีการมอบหมายให้ตนดำเนินการภายใน 45 วัน
สำหรับการกวาดล้างกัญชาในขณะที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลมีการถูกโยงว่าเป็นเกมการเมืองไล่บี้ภูมิใจไทย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งเราได้รับการร้องเรียนเข้ามามากมาย โดยเฉพาะในสมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งเรามีความพยายามจะทำให้กัญชาเป็นยาเสพติด และวันนี้ทำได้ในการเป็นสมุนไพรควบคุมเข้มข้นใช้ในทางการแพทย์ แต่ในอนาคต ก็คือยาเสพติด
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกต ว่ากระทรวงสาธารณสุขในยุค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรมว.สาธารณสุข จนมาถึงปัจจุบัน ไม่มีการแก้ไขเรื่องกัญชา เพราะอาจจะเกรงใจพรรคภูมิใจไทยที่ยังร่วมรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นมีหลากหลาย และค่อนข้างไม่ตรงกัน โดยในรัฐบาลนายเศรษฐา ต้องการให้นำกลับมาเป็นยาเสพติด หากมีการดำเนินการ และไม่มีใครคัดค้านในช่วงนั้นอีกเพียงแค่สัปดาห์เดียว ก็จะนำกลับมาเป็นยาเสพติดเนื่องจากตนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ส. ซึ่งมีรองนายกฯ เป็นประธาน แต่กลับมีปัญหาทางด้านการบ้านการเมืองจึงไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงตัดสินใจเอาตามแนวทางการควบคุมในการใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี