เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา และที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้เผยแพร่บทความเรื่อง"ถ้าไม่เปลี่ยนวัฒนธรรมพลเมือง ประเทศไทยจะไม่มีวันเปลี่ยน" โดยมีเนื้อหาดังนี้
ผมได้รับเชิญไปเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง การพัฒนาธรรมาภิบาลในสังคมไทย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2568 ที่มหาวิทยาลัยบูรพา ผมได้มีโอกาสวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และเราจะมีจุดเปลี่ยนให้ประเทศเราดีขึ้นได้อย่างไร
“เราเปลี่ยนรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมาแล้วกว่าสามสิบคน เรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ มีรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จถึง 13 ครั้ง แต่เรายังไม่สามารถเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้นจริง เพราะเรายังไม่เคยเปลี่ยนคนไทยให้เป็น พลเมืองที่มีวินัย มีหิริโอตตัปปะ และมีจิตสาธารณะ ”
ประเทศไทยวนเวียนอยู่กับวัฏจักรของความหวังและความผิดหวังทางการเมืองมานานแม้จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2475 เกือบจะครบร้อยปีแล้ว แต่มาตรวัดความเจริญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความยุติธรรม ความเท่าเทียม หรือคุณภาพของผู้นำ กลับไม่พัฒนาตาม
คำถามสำคัญที่เราต้องกล้าถามคือ : เรากำลังพยายามแก้ไขโครงสร้างของประเทศโดยไม่เคยเปลี่ยน “เนื้อใน” ของพลเมืองเลยหรือไม่?
หัวใจของปัญหา คือ วัฒนธรรมคนไทยไม่เอื้อต่อประชาธิปไตย
เรามีกฎหมาย แต่ไม่มีใครเคารพ
เรามีค่านิยมสังคมชอบเอาตัวรอด
เราส่งลูกหลานไปโรงเรียน แต่ไม่เคยสอนให้รักส่วนรวม
สิ่งที่เราขาดซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญ คือ “วัฒนธรรมพลเมือง” ไม่ใช่ความรู้ทางการเมือง แต่คือจิตสำนึกของคน คนธรรมดาทุกคนที่พร้อมจะทำสิ่งถูกต้องแม้ไม่มีใครเห็น และพร้อมที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวม แม้ไม่มีผลตอบแทน
คำตอบใหม่ หิริโอตตัปปะ วินัย และจิตสาธารณะ
การเปลี่ยนประเทศ ไม่สามารถเกิดจากการแก้รัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่ง หรือ เกิดจากการเลือกตั้งหรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารระดับสูง ถ้าเราอยากได้ผู้นำที่ดีมีความซื่อตรง มีประเทศที่มั่นคง ต้องเปลี่ยนจากข้างในของพวกเราทุกคน ต้องปลูกฝังคุณธรรมร่วมทั้งชาติโดยเฉพาะ
- หิริโอตตัปปะ ความละอาย และเกรงกลัวต่อการทำบาป ทำความผิด แม้ไม่มีใครจับได้
- วินัย ความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม ไม่ทำตามใจตนโดยละเลยผลกระทบ
- จิตสาธารณะ ความเต็มใจที่จะร่วมมือช่วยเหลือ และเสียสละเพื่อส่วนรวม
หากคนไทยส่วนใหญ่มีทั้งสามสิ่งนี้เราจะไม่ต้องพึ่งกฎหมายที่สลับซับซ้อน หรือ ผู้นำที่แข็งกร้าว แต่ประเทศไทยจะเปลี่ยนได้ด้วยพลังของพลเมืองอย่างแท้จริง
ถึงเวลา “ปลูกฝัง ไม่ใช่แค่ปฏิรูป”
เราต้องเริ่มต้นจากโรงเรียน ครอบครัว วัดและชุมชน ไม่ใช่แค่จากรัฐสภา หรือ กระทรวงใหญ่ๆ ต้องให้เด็กไทยได้เรียนรู้การเป็นพลเมืองดีไม่ใช่แค่เรียนแต่ความรู้ต้องให้ผู้นำประเทศมีจิตสำนึก ไม่ใช่แค่มีอำนาจ และต้องให้ประชาชนรู้สึกว่า “ประเทศไทยเป็นของเรา” ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเหมือนประเทศญี่ปุ่น เยอรมัน สิงคโปร์จีน หรือเกาหลีแต่เราต้อง “เป็นตัวของตัวเองที่มีคุณธรรม” ถ้าเรามีพลเมืองดีเราจะมีนักการเมืองที่ดีมีข้าราชการที่ซื่อตรง และมีชาติที่มั่นคงโดยไม่ต้องมีปฏิวัติอีกเลย
เปลี่ยนประเทศ เริ่มได้จากการเปลี่ยนตัวเรา
เปลี่ยนวัฒนธรรมพลเมือง เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้
วัฒนธรรมพลเมือง ไม่ใช่ความดีงาม เชิงศีลธรรมส่วนบุคคล แต่หมายถึงระบบพฤติกรรม ความเชื่อและโครงสร้างที่ทำให้“คนธรรมดา” ตระหนักว่าตนเองคือ “เจ้าของประเทศ” และพร้อมที่จะ “รับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน”
การปลูกฝังวัฒนธรรมพลเมือง ต้องทำทั้งในระดับ
- จิตใจ - หิริโอตตัปปะ
- พฤติกรรม - มีวินัย จิตสาธารณะ
- โครงสร้าง - นโยบายและสถาบันที่ส่งเสริม
กลไกสำคัญ เริ่มต้นจากโรงเรียน ขยายสู่ระบบราชการและการเมือง
การเปลี่ยนแปลงต้องไม่เริ่มจากกฎหมาย แต่เริ่มจากเด็ก โดยจัดตั้งโครงการ “ วัฒนธรรมพลเมืองไทย ” โดยเลือกชุมชนต้นแบบ ให้มี
- หลักสูตร “ พลเมืองคุณภาพ ” สำหรับโรงเรียน
- โครงการ “ หิริโอตตัปปะ ” ในห้องเรียน
- การประเมินจิตสาธารณะผู้ที่จะเข้ารับราชการ
- การเปิดเผยพฤติกรรมจริยธรรมของนักการเมือง
ปัจจัยสู่ความสำเร็จ - ไม่ใช่แค่รัฐ แต่ต้องเป็น “ ชาติ”
- ภาคประชาชน ต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง
- ครูต้องเป็น “ผู้ปลูกจิตสำนึก” ไม่ใช่แค่สอนเนื้อหา
- พระภิกษุต้องกลับมาทำหน้าที่ฝึกหิริโอตตัปปะให้แก่ประชาชน
- สื่อมวลชนต้องเป็น “กระจกสะท้อนจริยธรรม” ของสังคม
- ผู้นำทางเศรฐกิจต้องมีจิตสาธารณะมากกว่าผลประโยชน์
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
1. ตั้ง “สภาวัฒนธรรมพลเมืองแห่งชาติ” เป็นองค์กรอิสระ
2. บรรจุหัวข้อ “จิตสาธารณะ” และ “วินัยพลเมือง” ในระบบการประเมินบุคลากรของรัฐ
3. พัฒนาแบบทดสอบ “หิริโอตตัปปะ ทางพฤติกรรม” ในระบบการศึกษา
4. ใช้“จังหวัดต้นแบบ” เป็นสนามการเรียนรู้ร่วมรัฐ-ประชาชน
5. ประเมินผล ด้วยดัชนีความไว้ใจ ระดับความร่วมมือในชุมชน และอัตราการทุจริต
ไม่ใช่โครงสร้างทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงประเทศ แต่คือ “คนธรรมดาที่มีวัฒนธรรมพลเมือง” ที่จะทำให้ประเทศเปลี่ยนได้จริง
ถ้าไม่เปลี่ยนวัฒนธรรมพลเมืองวันนี้ประเทศไทยจะไม่มีวันเปลี่ยน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี