การเมืองสัปดาห์นี้ไม่มีเรื่องไหนร้อนไปกว่ากรณี “อุ๊งอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีไว้ก่อน เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา เนื่องจากกรณี “คลิปหลุด” เสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งมีบางคำพูดกระทบกระเทือนจิตใจคนไทย อย่างการเรียกแม่ทัพนายกองซึ่งกำลังปกป้องประเทศชาติอยู่ที่ชายแดนว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม นำมาสู่การที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ล่ารายชื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะถอดถอนจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร
แต่ก่อนจะเดินมาถึงจุดนี้ รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก็ส่อเค้า “ไม่แข็งแกร่ง” จากสัญญาณ “รอยร้าว” ระหว่างพรรคเพื่อไทยซึ่งมีที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) มากที่สุดในซีกรัฐบาล กับพรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคซึ่งมีที่นั่ง สส. เป็นอันดับ 2 ในซีกรัฐบาล และเป็นอันดับ 3 จากจำนวน สส. ทั้งหมดในสภาที่มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 อันเนื่องมาจากพรรคเพื่อไทยต้องการ “กระทรวงมหาดไทย” ที่อยู่ในกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย และเมื่อไม่สามารถเจรจากันได้ ประกอบกับเกิดกรณีคลิปเสียงหลุดขึ้น ก็ทำให้พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจ “แยกทาง” จากการร่วมรัฐบาล ย้ายมาเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว
รายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” วันที่ 1 ก.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดใจหลังนำลูกพรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ว่า เวลานี้งานในพรรคมีมากขึ้น เพราะต้องลงพื้นที่พบปะประชาชนให้มากขึ้นในทุกภาคของประเทศ เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับตัวแทนของพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคต
ส่วนรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดที่เพิ่งมีการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 1 ก.ค. 2568 (ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะถูกศาล รธน. สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ) โดยเป็น ครม. ที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทย ตนได้เห็นแล้วซึ่งก็รู้จักกันหมด อาทิ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ตนเคยเป็นก่อนจะลาออกเมื่อพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ซึ่งล่าสุด ครม. ใหม่ ได้ให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย ย้ายจากตำแหน่ง รมว.กลาโหม มาเป็น รมว.มหาดไทย แทนนั้น จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะทราบตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมรัฐบาลแล้วว่าหากพรรคเพื่อไทยได้กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ก็จะให้นายภูมิธรรมเป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งเท่าที่ทราบ นายภูมิธรรมเคยเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย มาก่อน จึงไม่จำเป็นต้องมาทำความคุ้นเคยกับงาน แต่เรื่องนโยบายก็ต้องเป็นเรื่องของนายภูมิธรรม ส่วนที่มีการพูดกันว่านายภูมิธรรมจะเข้าไปโละการแต่งตั้งข้าราชการในกระทรวงฯ อย่างแน่นอน เรื่องนี้ตนเห็นว่าต้องดูฝีมือและความตั้งใจของคน อย่างช่วงที่ตนยังเป็น รมว.มหาดไทย ตนแต่งตั้งหรือให้ความเห็นชอบผู้บริหารในกระทรวงฯ
โดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนคัดเลือกจากผู้ที่มีความพร้อมในทุกมิติ พร้อมที่จะทำงานให้กระทรวงมหาดไทยได้ ซึ่งก็เป็นที่ค่อนข้างประจักษ์ชัดในหมู่แวดวงข้าราชการว่าตนเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ที่ตนแต่งตั้ง แต่นายภูมิธรรมจะมองอย่างไรก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของตนแล้ว แต่ถามว่าแล้วจะย้ายไปไหนอีก เพราะตำแหน่งปลัดกระทรวงคือข้าราชการซี 11 เป็นระดับสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ตำแหน่งระดับอธิบดี ที่ยังสามารถย้ายไปเป็นรองปลัด เป็นผู้ว่าฯ หรือผู้ตรวจฯ ได้
หรือหากจะย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดินกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอนจากเจ้าตัวด้วย แต่เรื่องนี้ตนก็ไม่กล้าไปฟันธงว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบันจะถูกย้ายหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของรัฐมนตรีท่านใหม่ไป ส่วนตนหมดหน้าที่ไปแล้ว ส่วนคำถามว่ารายชื่อ ครม. ล่าสุด มีติดใจในตำแหน่งใดบ้างหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าตนไม่ได้เป็นคนแต่งตั้ง แต่มีหน้าที่ตรวจสอบและให้กำลังใจว่าคนเรากว่าจะมาถึงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งทั้งประเทศมีเพียง 36 คน ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมืองและประชาชน เพราะนั่นคือสิ่งที่จะช่วยป้องกันอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
ทั้งนี้ หากถามในฐานะคนนอก ตนก็ยังสงสัยอยู่ว่า รัฐบาลในช่วงที่ยังมีพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วยก็เป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งอยู่แล้ว อาจถือว่าเข้มแข็งที่สุดในรอบ 20-30 ปีมานี้เลยด้วยซ้ำเพราะมีเสียงสนับสนุนถึง 320 เสียง แต่ขณะนี้ไม่มีใครทราบว่ารัฐบาลมีกี่เสียง ก็เดาๆ กันไปว่าน่าจะเกินกึ่งหนึ่ง แต่ฟันธงได้เลยว่ารัฐบาลมีความเข้มแข็งไม่เท่าเดิม ดูจากการใช้เวลาวางตัวบุคคลเพื่อตั้ง ครม. และตนก็เคยพูดแล้วว่าหากไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วยรัฐบาลก็คงบริหารประเทศไม่สะดวกราบรื่น ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลอาจอยู่ได้ไม่นาน ตนก็ไม่อยากพูดคำนั้น
“อย่างไรก็ตาม ในความเป็นประชาชนเราก็อยากให้รัฐบาลมีความมั่นคง ส่วนของตัวผมเองที่มาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เราก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ ตรงไหนไม่ดีก็ต้องบอกว่าไม่ดี ตรงไหนที่ดูแล้วมีสิ่งไม่ชอบมาพากลเราก็ต้องนำออกมาตีแผ่ ไปหาหลักฐานอะไรต่างๆ ออกมา ตรงไหนที่ดูแล้วมันมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความมีเกียรติภูมิของประเทศ นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่เราถอนตัวออกมา”
เมื่อกล่าวถึง น.ส.แพทองธาร ซึ่งมี่เรื่องร้องเรียนอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ โดยความสัมพันธ์ส่วนตัวก็มีความปรารถนาดีต่อกัน แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยออกมาจากการร่วมรัฐบาล ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร อีก เพราะด้วยบทบาทหน้าที่การงานก็ไม่รู้จะคุยกันด้วยเรื่องอะไรแล้ว รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ก็ไม่ได้ติดต่อมาเช่นกัน
อนึ่ง ตอนที่พรรคภูมิใจไทยยังอยู่ร่วมรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาเจรจากับตนว่า นอกจากขอให้ตนย้ายจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ไปเป็น รมว.สาธารณสุข ยังบอกให้ย้ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 คน จากพรรคภูมิใจไทยออกไปด้วย นั่นคือความตั้งใจที่พรรคเพื่อไทยอยากคุมกระทรวงมหาดไทยเพียงพรรคเดียว แต่จากรายชื่อ ครม. ล่าสุด มีตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์มาเป็น รมช.มหาดไทย ก็แสดงว่าทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้
ส่วนที่มีข้อสังเกตว่า เมื่อตนไม่ยอมทำตามคำขอของพรรคเพื่อไทย ในการย้ายไปดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข นโยบายกัญชาที่พรรคภูมิใจไทยเคยผลักดันไว้ก็ถูกจัดการทันที ประเด็นนี้ตนย้อนถามกลับว่าถูกจัดการอย่างไร อยากให้ลองนำประกาศฉบับเก่าและใหม่มาเทียบกันดูเพราะจะเห็นว่าเหมือนกันเป๊ะ ไม่มีอะไรแตกต่างกันยกเว้นหัวข้อ ตนก็มองว่าบางทีก็มีการเอาใจนาย
แต่ตนก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นฝีมือของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขคนปัจจุบัน แต่คงมีทีมงานเสนอเข้ามา เพียงแต่ช่วงหลังๆ นายสมศักดิ์อาจไม่มีเวลาไปดูในรายละเอียด เพราะเอกสารที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศออกมาก็ไม่ได้แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาการควบคุมกัญชาคือการออกกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการแก้ไขที่ชัดเจนที่สุด และพรรคภูมิใจไทยก็เคยเสนอกฎหมายแล้วแต่ถูกคว่ำ ตนก็เคยพูดในตอนนั้นว่าเป็นเกมการเมือง หักกันให้เกิดความเสียหาย
“พรรคภูมิใจไทยเล่นเกมแบบนี้ไม่เป็น เราทำงานอย่างเดียว เราไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยใส่ร้ายป้ายสีใคร ไม่เคยเล่นเกมทางการเมืองเพื่อให้เกิดความเสียหายทางชื่อเสียง เพราะเราคิดว่าตรงนั้นมันไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน สิ่งที่ประชาชนจะได้รับประโยชน์มากที่สุดคือสิ่งที่พรรคภูมิใจไทยทำมาโดยตลอด ก็คือการทำงานให้กับพวกเขา ไม่ได้ไปเล่นเกมการเมืองอะไร ดูสิตั้งแต่ผมออกมามีกี่ข้อหาที่โดน ไปรับจ้างผู้นำกัมพูชามาถล่มนายกฯ แต่ละคำที่พูดออกมาก็คิดได้อย่างเดียวว่าคนที่พูดคงต้องการเอาใจเจ้านายอย่างเต็มที่ ซึ่งความจริงมันเกิดขึ้นไม่ได้อยู่แล้ว”
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำว่า ประเทศใครใครก็รัก ต่อให้จงเกลียดจงชังกันขนาดไหนตนก็ไม่เอาเรื่องความมั่นคงหรือศักดิ์ศรีของบ้านเมืองไปแลกกับความสะใจเป็นอันขาด อนึ่ง “พรรคภูมิใจไทยเคยจัดทำเอกสารเผยแพร่เรื่องทางออกของประเทศไทย” ซึ่งมีอยู่ 3 ทาง คือ 1.รัฐประหาร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ 2.ยุบสภา แต่เรื่องนี้เห็นว่าปัญหาเกิดจากความบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดิน สภาไม่เกี่ยวอะไรด้วย คำถามว่าแล้วควรยุบสภาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ดุลพินิจของนายกฯ ในฐานะผู้มีอำนาจ
และ 3.นายกฯ ลาออก ซึ่งเป็นทางที่ดีสุด แล้วจัดให้มีการคัดเลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามาเพื่อให้ปัญหาคลี่คลายลงไป อีกทั้งวันนี้ยังมีเรื่องคดีความ ที่เรียกว่านิติสงคราม เรื่ององค์กรอิสระ เรื่องร้องเรียนอะไรต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ ดังนั้นดีที่สุดคือหากสามารถหานายกฯ คนใหม่เข้ามาจัดการปัญหาที่เป็นขอขวดให้เรียบร้อยแล้วค่อยยุบสภาจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็จะมีความสง่างาม
ส่วนคำถามว่า ในบรรดาตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ยังสามารถถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ได้ เนื่องจากเข้าข่ายมีเสียง สส. ในสภา อย่างน้อยร้อยละ 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด มีชื่อของนายอนุทิน จากพรรคภูมิใจไทยอยู่ด้วย แล้วอดีตนายกฯ ทักษิณ จะยอมให้เป็นหรือไม่ ประเด็นนี้ตนไมได้จะเสนอตัวเป็นนายกฯ แต่ทำให้เห็นฉากทัศน์ทางออกของประเทศที่จะเกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ ไม่ใช่ในระยะยาว แต่หาก น.ส.แพทองธาร ไม่ลาออกจากนายกฯ ตนก็หวังว่าจะนำรัฐบาลฝ่าวิกฤตต่างๆ ไปได้ ซึ่งเวลานี้ไม่ได้มีเพียงปัญหาชายแดนกับกัมพูชา แต่เศรษฐกิจก็ยังเรียกว่าดิ่ง
“ยังไม่รวมถึงความเข้มแข็งของประเทศไทยในการที่จะไปยืนเจรจาเวทีการค้ากับประเทศมหาอำนาจหรือเวทีโลกอะไรต่างๆ ตอนนี้สวิตซ์ต่างๆ มันค่อนข้างที่จะสนิมขึ้น ฉะนั้นตรงนี้เราก็ต้องดูว่าถ้าสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ประชาชนก็จะมีอุปสรรคในการทำมาหากิน เศรษฐกิจโงหัวไม่ขึ้น แล้วก็ยังมีเรื่องของปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านอีก ความเชื่อมั่นของต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนหรือทำกิจการอะไรกับประเทศไทย มันมีปัญหาแทบจะทุกมิติของการขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้นตรงนี้ถ้าดีที่สุดก็คือเปิดโอกาสให้มีคณะรัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ”
หมายเหตุ : สามารถรับชมรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ดำเนินรายการโดย บุญระดม จิตรดอน ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี