รุกฆาต! ดันนิรโทษกรรมสุดซอย ส้มแดงดีลลับ ปล่อยผี 'คดีทุจริต-ม.112 คดีอาญาร้ายแรง'
วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะกลายเป็นเวทีใหญ่ที่อุณหภูมิพุ่งถึงจุดเดือด เมื่อวาระสำคัญชุดใหญ่ ว่าด้วยกฎหมายอ่อนไหวทางการเมือง อย่างร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม จะถูกบรรจุเข้าสู่วาระประชุมเป็น "เกมรุกฆาต" ที่ถูกจัดวางโดยมีเดิมพัน คือ อนาคตของรัฐบาล และความชอบธรรมทางสังคม
'ดีลลับ' หรือ 'ดีลเลอะ?'
การเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองบางพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ที่ถูกจับตามองว่า เป็นจุดกระแสวิจารณ์ถึงความเป็นไปได้ของ "ดีลลับ" ระหว่างอดีตคู่แข่งทางการเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ ทั้งการเปิดทางนิรโทษกรรมคดีการเมืองบางกลุ่ม กับการลดแรงเสียดทานจากการแก้กฎหมายอ่อนไหว
การเดินหน้าผลักดันกฎหมายดังกล่าว นับเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกครั้งใหม่ในสังคมไทยที่ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า เป็นการ "สุดซอย" ที่พาประเทศออกจากวังวนความขัดแย้ง แต่อีกฝ่ายมองว่าเป็น "สุดซอย" ที่ข้ามเส้นของหลักนิติธรรม และการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ
เดิมพันที่มากกว่าคะแนนเสียง
แม้ฝ่ายรัฐบาลจะมั่นใจว่ามีเสียงพอจะดันร่างกฎหมายผ่านขั้นต้น แต่แรงต้านจากสังคมทั้งในและนอกสภา ไม่อาจประเมินต่ำไปได้ โดยเฉพาะในเรื่อง ม.112 ที่ยังคงเป็นรอยร้าวลึกระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" ที่มี "พรรคประชาชน" เป็นหัวหอกและหากการเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการ "ปลดล็อกเพื่อตัวเอง" มากกว่าเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ย่อมเสี่ยงต่อการสูญเสียทุนทางสังคมอย่างถาวร
คมดาบของการนิรโทษกรรม
การผลักดันนิรโทษกรรมในช่วงเวลาที่คดีทุจริตหลายคดีกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า กฎหมายนี้จะกลายเป็นเครื่องมือช่วยคนผิดหรือฟื้นความเป็นธรรมให้สังคม
หากกฎหมายนี้ไม่สามารถแยกแยะระหว่าง "นักต่อสู้ทางความคิด" กับ "นักทุจริตมืออาชีพ" ได้อย่างชัดเจน ย่อมทำลายศรัทธาในระบบยุติธรรมทั้งระบบ
9 ก.ค. ไม่ใช่แค่การเปิดสภาอีกวัน แต่คือจุดวัดใจทางการเมืองว่า รัฐบาลจะสามารถ "เดินเกมรุก" ได้โดยไม่ "ฆ่าตัวเอง" หรือไม่ และว่าการเมืองไทยจะก้าวข้ามความขัดแย้ง...หรือเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบของมันอีกครั้ง
หลายฝ่ายเรียกสิ่งนี้ว่า "รุกฆาต" ไม่ใช่แค่ต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยมเท่านั้น แต่รวมถึงความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากที่เฝ้าจับตาว่า กฎหมายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อ "คลายล็อกสังคม" หรือ "ปลดหนี้บุญคุณทางการเมือง"
จุดร่วมที่ไม่เคยเปิดเผย: ปม 112 กับ 'ทักษิณ' และ 'แนวร่วมราษฎร'
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้วาระ 9 ก.ค. กลายเป็นประเด็นร้อน คือ การที่ นายทักษิณ ชินวัตร เพิ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตาม ม.112 จากบทสัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเพิ่งจะมีการสืบพยายโจทย์ไปใอสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน แนวร่วมของขบวนการสามนิ้ว ที่มีทั้งผู้ที่ ถูกจำคุก, อยู่ระหว่างพิจารณาคดี, หรือ หลบหนี ก็ล้วนเป็นผู้ที่อาจได้รับผลโดยตรงหากมีการ แก้ไขกฎหมายอาญา ม.112 หรือมี "กฎหมายนิรโทษกรรม" ที่ครอบคลุมคดีการเมืองและการแสดงออก
นี่จึงกลายเป็นเงื่อนไขอ่อนไหวที่เชื่อมโยงสองขั้วอำนาจเดิม-ใหม่ เข้าด้วยกันแบบไม่เป็นทางการ และทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่า อาจมี "ดีลลับ" เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการ
ความขัดแย้งรอบใหม่ : จุดเดือดจากมุมที่ตรงกันข้าม
แม้ร่างกฎหมายจะถูกผลักดันโดยอ้างหลักสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรม แต่ปฏิกิริยาจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมและชี้ชัดว่า หาก ม.112 ถูกเตะ อาจจุดกระแสต่อต้านอย่างกว้างขวาง ซึ่งเสี่ยงนำประเทศกลับเข้าสู่วงจรขัดแย้งรอบใหม่ ทั้งในแง่สัญลักษณ์และการเคลื่อนไหวบนท้องถนน
นอกจากนี้ ประเด็น "นิรโทษกรรมสุดซอย" หากไม่สามารถแยกแยะระหว่าง "คดีทุจริต" กับ "คดีความคิดเห็นทางการเมือง" กับ "การใส่ร้ายสถาบัน" อย่างชัดเจน ก็อาจเปิดช่องให้ผู้กระทำผิดจริงหลุดรอด และทำลายความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างถาวร
บทบาทของพรรคการเมือง : เส้นแบ่งที่เริ่มเบลอ
เพื่อไทย อยู่ในฐานะผู้ผลักดันหลักในวาระเหล่านี้ ท่ามกลางข้อครหาว่าอาจทำเพื่อช่วยทักษิณ และรักษาความสัมพันธ์กับแนวร่วมใหม่ในสภา
พรรคประชาชน แม้เป็นผู้ผลักดันประเด็น ม.112 มาก่อน แต่กลับไม่ใช่ผู้ริเริ่มวาระ 9 ก.ค. นี้โดยตรง ซึ่งทำให้บางฝ่ายตั้งคำถามถึงจังหวะและแรงจูงใจ
พรรคฝ่ายขวา/อนุรักษ์นิยม เช่น พลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ แสดงท่าทีชัดว่าจะคัดค้านทุกกรณี โดยมองว่าการแก้ไขกฎหมายเหล่านี้คือ "การทำลายชาติ"
วุฒิสภา แน่นอนว่าจะเป็นด่านสำคัญในการพิจารณากฎหมาย หากผ่านสภาผู้แทนราษฎรในขั้นต้น
สรุป : พ.ร.บ. คือหมากที่ถูกวางเพื่อ "ปลดล็อกอดีต" แต่หากหมากนี้ถูกเดินผิด อาจเป็นการเปิดกล่องปริศนาแห่งความขัดแย้งรอบใหม่ ที่คราวนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของอุดมการณ์ แต่คือเรื่องของผลประโยชน์ที่อาจทำลายความศรัทธาของประชาชนต่อระบบการเมืองที่เป็นอยู่ให้ติดลบลงไป รวมถึงสร้างความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ให้ร้าวลึกลงไปกว่าเดิม
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี