‘กมธ.ทหาร สว.’ รอเคาะวันเชิญ ‘นายกฯ’ แจงข้อเท็จจริงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา พ่วง ‘ชายแดนใต้’ เผย ‘สินค้าหนีภาษี-ลักลอบเข้าเมือง’ เป็นปัญหาใหม่ หลังออกมาตราการ ‘ปิดด่าน’
เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 7 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหาร และความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา แถลงถึงกรณีที่ได้มีการเชิญน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม มาชี้แจงสถานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาว่า กมธ.พิจารณาเห็นว่าข้อพิพาทบริเวณแนวชายแดนไทยเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและผลประโยชน์ของประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ ยังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดิน อีกทั้งฝ่ายกัมพูชาได้ดำเนินการทุกวิถีทางอันไร้ความจริงใจและ พยายามที่จะให้ได้เปรียบประเทศไทยในทุกด้าน
นายไชยยงค์ กล่าวว่า ทางกมธ.จึงมีมติเชิญนายกฯ มาแถลงข้อเท็จจริงด้วยตัวเอง ตามประเด็นข้อซักถามดังนี้ 1.ประเด็นจุดยืนและแนวปฏิบัติข้อพิพาทบริเวณพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา จังหวัดจำนวน 12 ข้อเช่นจุดยืนต่อ MOU 43 และ MOU 44 หรือการละเมิด MOU อย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา 2. ประเด็นสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย หรือการปกป้องและดูแลประชาชนชาวไทยทุกกลุ่มในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ส่งสัญญาณแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตัวจริงที่จะรับมือกับปัญหาชายแดนภาคใต้ด้วย 3. ประเด็นความปลอดภัยไซเบอร์และการต่อต้านการฟอกเงิน การขจัดธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือที่ต้องสงสัยเพื่อป้องกันหรือปราบปรามและช่วยเหลือคนไทยให้ปลอดภัยจากการฉ้อโกงออนไลน์และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มทุนต่างชาติ
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาของไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีเรื่องชายแดนความมั่นคง อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเดียว แต่สถานการณ์ที่เกิดใหม่ จากมาตราการปิดแนวชายแดนและการใช้มาตรการต่างๆในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน ทำให้เกิดปัญหาใหม่ มีกระบวนการกองทัพมดมีการนำเข้าและส่งออกสินค้าหนีภาษีของทั้งสองมาค้าขายตามแนวชายแดน ,เกิดช่องทางการหลบหนีการเข้าเมือง นี่คือปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นจากผลกระทบซึ่งรัฐบาลไม่ได้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร
นายไชยยงค์ กล่าวต่อว่า เดิมการเชิญนายกรัฐมนตรี กำหนดไว้วันที่ 16 ก.ค. แต่สถานการณ์การเมืองเปลี่ยน ทำให้วันที่ 9 ก.ค. นี้ จะมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเชิญมาชี้แจงใหม่อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องการเชิญนายกรัฐมนตรี หรือรักษาการนายกรัฐมนตรี หรือ จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริงแทนก็ได้ ส่วนการชะลอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 นั้น เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้ต้องรอให้ผ่านระยะเวลาไปอีกช่วงหนึ่งก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี