ค้านเลื่อนตำแหน่ง2แพทย์ใหญ่รพ.ตร.
‘หมอตุลย์’ร้องผบ.ตร.
เหตุเกี่ยวข้องคดีชั้น14
ชี้ผิดจริยธรรมชัดเจน
‘วิรังรอง’เผยคนร้องอื้อ
‘แพทองธาร’เอื้อเทวดา
“หมอตุลย์”บุก สตช.ยื่นร้อง ผบ.ตร.จี้เบรก เลื่อนตำแหน่ง 2 นพ.ตำรวจเอี่ยวคดี “ทักษิณ” ชี้ผิดจริยธรรม-จ่อโดน ป.ป.ช.สอบผิดจริยธรรมปมชั้น14 ขณะที่“วิรังรอง”เปิดหลักฐาน มีผู้ร้องเรียน“แพทองธาร”เอื้อ“ทักษิณ”หลายคน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะอดีตแกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คัดค้านการเลื่อนตำแหน่ง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ให้ดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.
การคัดค้านครั้งนี้ สืบเนื่องจากนายแพทย์ตำรวจทั้งสองนายขณะนั้น พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ใหญ่ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่มีการส่งตัวกลับเรือนจำ ซึ่งสร้างข้อกังขาในสังคม
คณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ว่าทั้งสองนายแพทย์ตำรวจกระทำผิดจริยธรรมทางการแพทย์ กรณีให้ข้อมูลทางการแพทย์ของนายทักษิณไม่ตรงกับความเป็นจริง ส่งผลให้ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ถูกพักใช้ใบอนุญาต 3 เดือน และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ ถูกพักใช้ 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่ 1 กันยายน 2568 นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ป.ป.ช. ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157
นายแพทย์ตุลย์เน้นย้ำว่า การเลื่อนตำแหน่งบุคคลที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและถูกชี้มูลความผิด จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง จึงเรียกร้องให้ ผบ.ตร. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง, สั่งย้ายนายแพทย์ตำรวจทั้งสองนายออกจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลตำรวจ และให้ชี้แจงกรณีที่ถูกสอบสวนจากแพทยสภาและ ป.ป.ช.
นายแพทย์ตุลย์ยังแสดงความกังวลว่า มีข้อมูลสำคัญที่ถูกปกปิดในโรงพยาบาลตำรวจ เช่น ระบบกล้องวงจรปิดชั้น 14 ที่อ้างว่าเสียหาย และมีบุคลากรจำนวนมากที่ต้องการให้ข้อมูลแต่ไม่กล้า เนื่องจากเกรงอิทธิพลของนายแพทย์ตำรวจทั้งสองนาย
หลังจากยื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์ตุลย์จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้ตรวจสอบและป้องกันไม่ให้มีการเลื่อนตำแหน่งบุคคลที่ถูกสอบสวนและชี้มูลความผิดทางจริยธรรม
ทางด้าน นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า พรบ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 กำหนดบทปฏิบัติในมาตราต่างๆไว้ชัดเจน เพื่อให้เกิดการปฏิรูป “ตำรวจ”กระบวนการยุติธรรมต้น้ำ แต่ดูเหมือนจะไร้การบังคับใช้กฎหมาย จะเป็นด้วยระบบอุปถัมภ์หรืออิทธิพลทางการเมือง จึงทำให้เห็นเพิกเฉยและการเตรียมปูนบำเหน็จกัน ขาดหลักนิติรัฐ นิติธรรม?
ขณะที่ นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า กรณีมีผู้ร้องเรียนว่านายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) กระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ มีพฤติการณ์ช่วยเหลือนายทักษิณ ชินวัตร ให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตรไม่ต้องเข้ารับการจำคุกตามคำพิพากษาของศาลและเป็นการเลือกปฏิบัติ
อยากทราบว่าคำร้องนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยอ่างไร โดยเฉพาะกรณีนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตรหรือไม่ ดิฉันคิดว่าคำวินิจฉัยน่าจะเป็นดังนี้ คือนางแพทองธาร ชินวัตร มิได้เอื้อประโยชน์ เพราะหาก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ป่านนี้คง มีคดีเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 1 คดีแล้ว แต่นี่ไม่มีข่าวเลย
นี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนหลายคน และร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นลูกสาว ของ จำเลยนายทักษิณ ชินวัตร
หนังสือฉบับนี้ ผู้ที่ร้องเรียนถ้าเอ่ยชื่อก็เป็นข่าวใหญ่ได้อีก จึงขอปิดไว้ เพื่อสงวนไว้สำหรับการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี