"จตุพร"แกะรอยพิรุธ"ทักษิณ" ปั่นเรื่องเล่าฟาดฮุนเซนรุนแรง เชื่อผู้นำจิตวิญญาณ 2 ประเทศแสดงละครขยี้ตอบโค้ตบตาประชาชน เอาใจกองเชียร์ฟื้นคะแนนนิยม ถอนรหัสบ่อนแลกใจเป็นหลังฉาก สทร. สะกดฮุนเซนเงียบกริบ หลุดทำพนันออนไลน์ถูก กม.ซุกซ่อนใจต้องการ หนุนนิรโทษกรรมนำ 66/23 เป็นต้นแบบสร้างสันติสุขทุกฝ่าย ชี้เงื่อนไขรัฐบาลชั่วคราวเป็นอาวุธเพื่อไทยใช้กำราบพรรคร่วมฯ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร สทร.สร้างเรื่องเล่าคลิปเสียงหลุดระหว่างนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตรกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิของกัมพูชานั้น เป็นเพียงการแสดงละครการเมืองผลัดกันขยี้เอาคืนและมีการถอนบ่อนกาสิโนเป็นฉากหลังตบตาประชาชน
พร้อมทั้งแกะรอยเรื่องเล่าของทักษิณตอบโต้ฮุนเซนว่า หลังจากคลิปอุ๊งอิ๊ง-ฮุนเซนหลุดเมื่อ 17 มิ.ย. เป็นเวลากว่า 20 วัน ทักษิณ จึงรุกกลับรุนแรงเมื่อ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโนออกจากสภา
นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ก.ค. ทักษิณ ยังเดินสายเล่าเรื่องสร้างโชว์วิสัยทัศน์ชื่นชมลูกสาวตัวเองทำซอฟพาวเวอร์ และให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเนชั่นในหัวข้อผ่าทางตันประเทศไทย แสดงถึงการโหมขยี้ใส่ฝ่ายกัมพูชา แต่ถึงขณะนี้ฮุนเซน ยังเงียบกริบ ซึ่งเป็นพฤติกรรมผิดปกติของนักโพสต์สื่อโซเชียลได้แทบทุกวัน
อีกทั้งมีข้อสงสัยเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า การถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโนเปิดโอกาสให้ทักษิณได้ฟาดกลับฮุนเซนเพื่อเอาใจกองเชียร์คนไทยหรือไม่ ขณะที่ฮุนเซนเงิยบเชียบอยู่คงหายว้าวุ่นใจได้ชั่วคราวกับบ่อนกาสิโนไทยที่จะมาเป็นอุปสรรคสร้างรายได้ของบ่อนชายแดนกัมพูชา
นายจตุพร แกะรอยเรื่องเล่าของทักษิณที่ว่า ฮุนเซนต้องการคุยกับอุ๊งอิ๊ง โดย ผอ.ฮวด ล่ามคนสนิทของฮุนเซนมารอประสานงานอยู่ที่โรงแรมโรสวูด แต่รอนานถึง 3 ชั่วโมงยังไม่ได้ตุย ดังนั้นคณะของนายกฯ ประกอบตัวยนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ขณะนั้น, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ จึงแยกย้ายกันกลับ
อย่างไรก็ตาม ในการนัดหมายนั้น ตามเรื่องเล่าของทักษิณ ทำให้เข้าใจได้ว่าฮุนเซนต้องให้ ผอ.ฮวดมานัดนายกฯ อุ๊งอิ๊ง เพื่อต่อสายคุยกัน แต่ตัวเองไปนอนหลับถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งผิดปกติ จนทักษิณบอกลูกให้กลับ
เรื่องเล่าของทักษิณ ระบุว่า หลังแยกย้ายกันกลับ ฮุนเซนโทรศัพท์เข้าเบอร์ตรงส่วนตัวหาอุ๊งอิ๊ง โดยไม่ผ่านล่าม ผอ.ฮวด ซึ่งขัดกับเสียงในคลิปหลุด เพราะนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ทักทายฮุนเซนก่อนว่าสบายดีหรือเปล่า
"โดยสามัญสำนึกเชื่อว่า ฮุนเซนไม่จิ้มเบอร์ตรงหาอุ๊งอิ๊ง แต่ต้องผ่านล่าม ผอ.ฮวดก่อน ซึ่งวางคนของตัวเองไว้ประสานงานแล้ว ขณะที่อุ๊งอิ๊งก็ไม่ตามคณะ 3 คนที่แยกจากกันมาคุยด้วย จึงถือโอกาสคุยเอง ซึ่งทักษิณมั่นใจว่า เวลา 3 ชั่วโมงฮุนเซนวางแผนเตรียมการบันทึกเสียงสนทนาของอุ๊งอิ๊ง"
นายจตุพร กล่าวว่า ฟังเริ่องเล่าของทักษิณแล้ว ย่อมสงสัยเพราะการชี้แจงของนายกฯ อุ๊งอิ๊งในกรณีคลิปหลุดมีถึง 4 ครั้ง แต่ไม่มีเนื้อหาตรงตามเรื่องเล่าของทักษิณเลย ดังนั้น ถ้าสคลิปตามทักษิณเล่าเรื่องมีอยู่จริง ทำไมอุ๊งอิ๊งไม่อธิบายเรื่องนี้ เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์กดดันให้เบาลงไปอีกแบบ
"แต่เรื่องเล่าของทักษิณเป็นการสร้างเรื่องให้ใหญ่กว่าไปอีก โดยฟาดเต็ม ใช้คำรุนแรงหนักมาก เช่่่น กล่าวหาวางแผนอัดเสียง, ต่อไปใครจะคบกับมัน หรือซัดเรื่องทองยังยกการถ่ายทุกข์ทุกเช้าฝากไว้ที่ส้วมบ้านฮุนเซน ซึ่งเป็นคำแรงและคือการท้าทาย แต่ทางกัมพูชาเงียบกริบ”
อีกทั้งสงสัยเรื่องราวตามเรื่องเล่่าของทักษิณว่า ทำไมต้องรอเวลาตอบโต้ในวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโนออกจากสภา ดังนั้น ทำให้เข้าใจได้ว่า ความบาดหมางขัดแย้งของตระกูลชินวัตรกับฮุนเซน มาจากเรื่องบ่อนกาสิโนและธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาหรือไม่
"ทำไมทักษิณเลือกโต้แรงในวันที่ 9 ก.ค. หรือเป็นเรื่องถอนบ่อนแลกใจให้ฮุนเซนเงียบ แต่สิ่งนี้ทำให้กองทัพ แม่ทัพนายกองเดือดร้อนต้องตรึงกำลังตามแนวชายแดน อีกอย่างไม่สงสัยกับการแสดงออกจัดเต็มของทักษิณ และอย่าเรียกว่าครอบงำ เพราะการอธิบายในแต่ละประเด็นเมื่อ 9 ก.ค. ใหญ่กว่าการครอบงำ ถึงกับ สทช.โทรหา ผอ.ฮวด ให้ไปบอกลูกพี่ว่า ลูกเราเป็นผู้นำสองประเทศ แล้วจะรบกันเหรอ"
นายจตุพร ย้ำว่า เรื่องเล่าของทักษิณ จึงไม่ปกติ และการเลือกวัน สทช.เป็นวันถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโนจึงแปลก แล้วยังฟาดแรงทุกเรื่องเพื่อเอาใจกองเชียร์ไทย ส่วนกัมพูชาเงียบกริบเพราะฮุนเซนเล่นบทกระแทกแรง รุกขยี้ไปก่อนแล้ว ดังนั้น ปัญหาผู้นำ 2 ประเทศ จึงทำให้เข้าใจได้ว่า เป็นแค่การละครที่ผลัดกันแสดงบทตอบโต้ตบตาประชาชน
สิ่งสำคัญ ในวันที่ถอนร่าง พรบ.บ่อนกาสิโนนั้น ทักษิณได้เปิดความต้องการใหม่คือ ยกการพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมายจะทำให้มีรายได้เข้าประเทศถึง 3 แสนล้านต่อปี ซึ่งมากกว่ารายได้จากบ่อนกาสิโน
อย่างไรก็ตาม การพนันออนไลน์ เป็นเครือข่ายสำคัญที่โยงจากบ่อนกาสิโน ดังนั้น การขยับตัวทุกอย่างของทักษิณ จึงมีความน่าสงสัยผิดปกติ และที่ผ่านมาฮุนเซนท้าจะเปิดคลิปเกี่ยวข้องกับสถาบันจะว่าอย่างไงกัน
ส่วนทักษิณ เชื่อว่า นายกฯ อุ๊งอิ๊งจะรอดจาการถูกถอดถอนของศาล รธน. ก็ย่อมคิดได้ หากยังไปไม่ได้ก็เป็นคิวของนายชัยเกษม นิติสิริ ขึ้นเป็นนายกฯ หรือถ้าไปไม่ได้อีก ต้องยุบสภา ดังนั้นจึงไม่มีทางตันของประเทศ แต่ทางรอดจากคดีความของตัวเองกลับไม่พูดถึง
นอกจากนี้ ทักษิณฉายภาพอนาคตจะจับมือกับพรรคประชาชนร่วมรัฐบาลหรือไม่ เพราะพรรคประชาชนเปิดทางโหวตให้นายกฯ ทุกคนที่สัญญาจะทำตามเงื่อนไขนายกฯ ชั่วคราวเพื่อผ่านงบประมาณ 69 และแก้ รธน. แล้วยุบสภา ซึ่งเป็นจริงได้ยากอย่างยิ่ง
เงื่อนไขของพรรคประชาชนเท่ากับเป็นอาวุธของพรรคเพื่อไทยไปขู่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าสร้างปัญหาระหองระแหนขึ้นมา ดังนั้น พรรคใดยึกยักพรรคเพื่อไทยก็ไม่แคร์ เพราะสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ โดยมีพรรคประชาชนคอยสนับสนุน และไม่เอาตำแหน่งรัฐมนตรีสักกระทรวง
“สูตรยุบสภาของพรรคประชาชน ซึ่งทำจริงได้ยาก แต่พรรคเพื่อไทยนำไปเป็นอาวุธข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อย่าสร้างปัญหา ดังนั้น ลีลาการเมืองของทักษิณ จึงหยิบฉวยเงื่อนไขของพรรคประชาชนมาเป็นอาวุธสร้างประโยชน์การเมืองได้หมด จึงเป็นเงื่อนไขทำให้รวมตัวเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำไว้ได้”
ในกรณีภาษีทรัมป์ นายจตุพร กังขาว่า ไทยได้จ้างล็อบบี้ยีสต์จำนวนเงินกว่า 90-200 ล้านหรือไม่ แต่ผลลัพธ์ยังไม่สามารถเลี่ยงภาษี 36% ของสหรัฐได้ และถ้าเจรจาครั้งหน้า ยังจะจ่ายค่าล็อบบี้ยีสต์อีกหรือไม่
พร้อมระบุว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลคุยโวหนักหนาว่า คุยคนรอบข้างของทรัมป์ไว้หมดแล้ว และนายกฯ อ้างว่า ได้เจรจาทางลับล่วงหน้าไว้อีก แต่สุดท้ายไทยต้องเสียภาษีทรัมป์ 36% ตามเดิม ไม่มีลด และยังต้องเจรจาใหม่ภายใต้เส้นตาย 1 ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม แม้ทักษิณ อ้างเป็นลีลาการเจรจาภาษีทรัมป์ แต่ความจริงคงมาจากสหรัฐไม่พอใจกรณีไทยส่งชาวอุยกูร์กลับคืนจีน จนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องถูกขึ้นแบล็คลีสต์ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ รมว.ต่างประเทศไทยไม่มีปัญญาไปร่วมเจรจาภาษีทรัมป์ด้วย
ดังนั้น ไทยคงเหนื่อยอ่อนกับการส่งออกสินค้าชนิดเดียวกันไปตลาดใหญ่สหรัฐ เพราะแค่สู้กับเวียดนามที่ได้เปรียบภาษีกับไทยถึง 20% และมาเลเซียได้เปรียบไทยอยู่ 11% แค่เปรียบเทียบเชิงแข่งขันกันก็ไม่ไหวแล้ว หากรวมปัจจัยค่าแรงงานถูกและนักลงทุนย้ายฐานการผลิตหนีไทย ภาพเศรษฐกิจยับเยินยิ่งไปกันใหญ่
"แต่ละเรื่องราวมีปัญหากันหมด รัฐบาลกลับระรื่น (สร้างเรื่องเล่าตบตาประชาชน) ได้อีก โดยการนำพาของรัฐบาลขณะนี้ทำให้เกียรติภูมิของประเทศเสียหาย ยิ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกประธานธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำพูดถึงกาสิโนถึง 3 ครั้งจนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวหายจากไทย นายกฯ ไทยยังไม่สนใจฟัง หากคิดจะถอยบ่อนตั้งแต่วันนั้น ป่านนี้นักท่องเที่ยวจีนคงเต็มเมืองไทยแล้ว"
นายจตุพร ถามว่า กรณีทักษิณยังมั่นใจกับ สทร. เสือกทุกเรื่องนั้น แล้วเสือกมา 2 ปีของรัฐบาลเพื่อไทยยังไม่เห็นผลเรื่องการเสือกอีกเหรอ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ทักษิณ ยิ่ง สทร. กลับเห็นภาพจะปล่อยให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งอยู่คนเดียวไม่ได้เลย
ส่วนคดีของทักษิณ ในศาลอาญาและศาลฎีกานักการเมืองนั้น ยิ่งไต่สวนก็ไม่เห็นความมั่นใจว่าจะรอด โดยเฉพาะข้อหาครอบงำและต้องยุบพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในการสอบสวนของ กกต. จวนเสร็จแล้ว
"ผมจะเตือนให้คดียุบพรรคเพื่อไทย ถูกดักรอไว้แล้ว คงอยู่ในเดือนสิงหาคมหรือก่อนกันยายนนี้ เมื่อผสมกับเรื่องร้องเรียน ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 ดังนั้นปัญหาคดีของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง และทักษิณ ล้วนเป็นสะท้อนถึงการเป็นรัฐบาล 2 ปีไม่ได้เห็นวี่แววควมสำเร็จเลย”นายจตุพร กล่าว และย้ำว่า ยิ่งจะซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าที่ใกล้หมดสัญญามาทำโครงการ 20 บาทตลอดสายอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ซึ่งบ้านเมืองนี้ใครให้หาประโยชน์ลักษณะแบบนี้กันได้
อีกทั้งกล่าวถึง ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม ซึ่งประธานวิปรัฐบาลบอกจะเอาร่างของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นหลักว่า อย่าเพิ่งถลำไปมีความเห็นอื่นใดในตอนนี้ เพราะต้องรอให้เกิดเป็นจริงขึ้นก่อน อย่างไรก็ตาม ตนสนับสนุนการนิรโทษกรรมโดยเอาต้นแบบจากนโยบาย 66/23 ที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และคณะทำจนประสบความสำเร็จมาแล้วในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ
ประเทศไทยต้องมาก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี