พท.อัด‘ลูกอีช่างฟ้อง-จ้องจับผิด’
เดือดแทน‘นายใหญ่
ยัวะฝ่ายตรงข้าม‘เล่นไม่เลิก’
ป้อง‘แม้ว’ประชุมทีมศก.ไม่ผิด
เบรก‘กธ.’จองรองปธ.สภาฯ
อ้างต้องเป็นโควตาของรทสช.

“เพื่อไทย” เดือดแทนนายใหญ่แม้ว ตอกกลับพวก “ลูกอีช่างฟ้อง” จ้องจับผิด จะกลัวอะไรขนาดนั้น ทั้งโดดขวาง 'กล้าธรรม'จองเก้าอี้รองปธ.สภาฯ อ้างต้อง เป็นโควตาของรทสช.

เมื่อวันที่ 13กรกฎาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแกนนำพรรค พท. นัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ ซึ่งครั้งนี้จะมี ส.ส.ร่วมทานอาหารด้วย ว่า ไม่มีอะไร เพราะตั้งแต่ฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมา และเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรมา เรายังไม่ได้เจอกัน จึงมีแนวคิดที่จะอยากพบปะกัน คงจะมีการรับประทานอาหารร่วมกันเฉยๆ ไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า จะกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่มี โดยในส่วนที่มีการมองว่าเสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. ได้มีการกำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคอยู่แล้วว่าให้สมาชิกช่วยกันเป็นองค์ประชุม เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยถึงโควต้ารองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กันด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ตนยังไม่แน่ใจ แต่คร่าวๆ ที่มีการพูดคุยกันนั้น อาจจะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล และหากดูตามโควต้าแล้วอาจจะเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เนื่องจากเป็นพรรคอันดับสองในพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า ได้มีการทำความเข้าใจกับ ส.ส.ในพรรค พท.แล้วหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า เป็นไปตามโควต้าอยู่แล้วที่พรรคอันดับสองควรจะได้

รัฐบาลเสียงแน่นปึ๊ก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีกระแสข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทย นัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารค่ำร่วมกันในวันที่ 22 ก.ค.นี้ ว่า ปกติ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทำงานใกล้ชิดกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เสียงทุกเสียงของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมีความสำคัญ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอเสนอนับองค์ประชุมตลอดเวลา โดยที่ฝ่ายค้านจะไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลยิ่งต้องกระชับความพร้อมและพูดคุยกันให้มากขึ้น งานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำครั้งนี้ ความพิเศษคือจะมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจากทุกพรรคร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน การที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมีการพูดคุยกันมากขึ้น มองว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่ ส.ส.จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกระชับการทำงานร่วมกันในสภาฯ กระชับความสัมพันธ์ใน ส.ส.รัฐบาลให้เป็นปึกแผ่นและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามว่า ในวันดังกล่าวจะมีการพูดคุยกันเรื่องการเลือกรองประธานสภาคนที่ 2 หรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า ผู้ที่มีหน้าที่ในการพูดคุย ในประเด็นเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ได้ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว คงไม่ได้จำกัดหรือเฉพาะเจาะจงว่าจะเลือกไปคุยกันในวันนั้น การเลือก ส.ส.ไปทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่ 2 มีความสำคัญ และเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ล่าช้าออกไป คาดว่าจะได้เห็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ในระยะอันใกล้นี้ กลุ่มคนที่หวังจะน็อกรัฐบาลด้วยการเสนอนับองค์ประชุมทุกครั้งที่มีโอกาส น่าเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เชื่อว่าเวลาที่เหลือของสภา ส.ส.ยังสามารถทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนได้อีกมาก

ยังไม่เกิดสุญญากาศ

นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ว่า ขณะนี้ถือว่าความเชื่อมั่นของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แตกต่างจากรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ หลังจากที่มีปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้เสียงไม่มีเสถียรภาพเท่ากับรัฐบาลชุดก่อน นอกจากนี้มีหลายประเด็นรุมเร้า ทั้งปัญหาเพื่อนบ้าน รวมถึงปัญหาในบ้านอย่างเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญรุมเร้า ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลน้อยลง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าต้องอาศัยเวลาสักนิด เมื่อสถานการณ์นิ่งขึ้น รัฐบาลได้ตั้งใจทำงานโดยไม่ตื่นตระหนก ก็จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาได้ขณะนี้มีหลายปัจจัยทั้งที่คุมได้ เช่น เรื่องของความนิยมหรือปัจจัยในสภาฯ รวมถึงปัจจัยที่คุณไม่ได้ เช่น เรื่องคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือจากองค์กรอิสระต่างๆ ทำให้รัฐบาลไทยเปราะบางไม่เหมือนประเทศอื่น ซึ่งก็ต้องให้กำลังใจกัน เพราะถ้ารัฐบาลเป็นอะไรไปก็จะทำประเทศเสียประโยชน์ ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องเกิดสุญญากาศ ควรมีรัฐบาลที่ฟูลพาวเวอร์เพื่อแก้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรคของประเทศต่อไป

นายสุทิน กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่2 ที่มีกระแสข่าวว่าจะเป็นโควตาของ สส.อีสานของพรรคพท.ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเลยว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นโควตาของ สส.อีสานจริงหรือไม่ ขณะที่ สส.อีสานก็ยังไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวต้องแล้วแต่นโยบายของผู้บริหารพรรคว่ามีมุมมองอย่างไร จะพิจารณาตามความเหมาะสมหรือตามโควตา หากคิดแบบโควตาก็ต้องเป็น สส.อีสาน แต่ถ้าคิดแบบตัวบุคคลก็คงพิจารณาตามความรู้ ความสามารถและความเหมาะสม

เพื่อไทยเดือดแทนทักษิณ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การนัดกินข้าวพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่22กรกฎาคมนี้ เป็นการนัดสังสรรค์พบปะกันธรรมดา ไม่มีนัยยะพิเศษทางการเมืองที่ต้องมาพูดคุยกันซีเรียส เรื่องการเมืองอาจนำมาคุยกันบ้าง แต่คงเป็นแค่การปรับทุกข์ไม่ได้หารือเป็นทางการ อย่างเรื่ององค์ประชุมสภาฯ ก็ได้กำชับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ขอความร่วมมือไปแล้วว่า ถ้ายังอยากเป็นรัฐบาลต่อ สัมพันธ์ภาพต้องแน่นแฟ้น มีสส.และรัฐมนตรีมาประชุสภาทุกวันพุธ วันพฤหัสฯอย่างเต็มที่ ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบ ถึงจะไปต่อได้ และไม่ใช่แค่มาประชุม แต่ต้องอยู่ร่วมในห้องประชุมด้วย ห้ามออกไปไหน ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังกำชับทุกพรรคอย่างจริงจังแล้ว รับประกันได้หรือไม่ จะไม่เกิดปัญหาเรื่ององค์ประชุม จนต้องสั่งปิดประชุม หนีสภาล่ม เหมือน2สัปดาห์ที่ผ่านมา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ได้พยายามเต็มที่ดีที่สุด แต่ไม่รับประกัน หวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่

ไม่ห่วงอุบัติเหตุทางการเมือง

นายวิสุทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุการเมืองกับรัฐบาลนั้น มั่นใจไม่มีอุบัติเหตุการเมืองเกิดขึ้น ทุกคนมั่นใจรัฐบาลไปต่อได้ ทุกวันนี้ประชาชนลำบาก อยากให้รัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหาทั้งราคาพืชผลการเกษตร ปัญหาปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจโลกลำบากอยู่แล้ว อย่าให้มีอุบัติเหตุการเมืองอีกเลย

เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมามีบทบาทส่งสัญญาณทางการเมือง และร่วมประชุมกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลก เกรงจะถูกดำเนินคดีเรื่องครอบงำพรรคและรัฐบาลอีกหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า การเชิญไปให้คำแนะนำในเวทีสาธารณะ ไม่ใช่การครอบงำ เป็นการพูดถึงสถานการณ์ภาพรวม นายทักษิณไม่เคยสั่งการสส. หรือข้าราชการ อย่างในพรรคเพื่อไทย นายทักษิณไม่เคยสั่งตนหรือสส.ให้ทำอะไร นายทักษิณระวังตัวในทางปฏิบัติและคำพูดอยู่แล้ว ส่วนการไปประชุมกับทีมไทยแลนด์เพราะได้รับเชิญไปให้คำแนะนำ ในฐานะผู้มีประสบการณ์แก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อนำคำแนะนำไปปรับใช้ ไม่ใช่เรื่องที่จะมาจ้องจับผิด จะพูดหรือทำอะไรก็ฟ้องหมด ทำทุกอย่างเป็นนิติสงครามให้ประเทศเดินต่อไม่ได้

“จะกลัวอะไรนายทักษิณขนาดนั้น พวกลูกอีช่างฟ้องต้องหมดได้แล้ว น่าเบื่อน่ารำคาญ ไม่อยากคบเพื่อนแบบนี้ แต่คดีฮั้วเลือก สว. หลักฐานชัดเจน ทำไมไม่ไปฟ้องบ้าง” นายวิสุทธิ์กล่าว

กธ.ดันAIเสริมการเมือง

ที่โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยท์ สเปซ พัทยา จ.ชลบุรี นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ส.ส.ชัยภูมิ ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม แถลงผลการสัมมนาสมาชิกพรรคกล้าธรรม ภายใต้งานชื่อ

“คนกล้าลงมือทำ Dare to do“ ว่า การสัมมนาครั้งนี้เป็นการตอกย้ำ ว่าพรรคกล้าธรรมกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ก็มีจำนวนกว่าแสนรายชื่อแล้ว และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคที่กำลังเติบโตอย่างพรรคกล้าธรรม ก็จำเป็นที่ต้องหาผู้เชี่ยวชาญในหลายๆด้าน มาคอยให้คำแนะนำกับสมาชิกพรรค โดยเฉพาะผู้ที่จะลง ส.ส.ในครั้งต่อไป รวมถึงทีมงานว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค โดยหัวข้อที่จัดสัมมนา คือเรื่องของการใช้เอไอ เช่น chat gpt หรือ Google เข้ามาช่วยในการทำงานของ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคอนเทนต์ การเขียนข่าว ให้มีความปัง หรือข้อมูลต่างๆให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย และใช้เทคโนโลยีในการหาข้อมูลให้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังเน้นในเรื่องของการจัดอบรม เทรนออนไลน์ เลือกการสื่อสาร ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งหลายแพลตฟอร์มก็มีประโยชน์ หากใช้ให้ดีก็จะเป็นเหมือนอาวุธประดับตัวส.ส.และพรรค เพราะขณะนี้ประชาชนให้ความสนใจบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก และยังมีในเรื่องของการค้นหา DNA ผ่านกิจกรรมของพรรคกล้าธรรม แล้วนำความฝัน และบทบาทมากำหนดเป็น DNA ของพรรค

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการประเมินผลต่อไป พร้อมต่อยอดในการใช้เอไอ เพราะทุกวันนี้มองว่าเอไอก็สำคัญในการช่วยงานส.ส. เป็นอย่างมาก และหวังว่าสมาชิกจะนำสิ่งที่ได้จากการอบรมนี้มาใช้และจะมีการติดตามผลเป็นระยะ

พร้อมจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้จะเป็นการการันตีว่าพรรคกล้าธรรมพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายอัครแสนคีรี กล่าวว่า พรรคเราพร้อม เพราะ ส.ส.ในปัจจุบัน มีคุณภาพและใส่ใจความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งบางครั้งอาจจะสวนกระแส แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งรอบหน้า ในส่วนพรรคกล้าธรรมโดยเฉพาะ ส.ส.เขตของพรรค เชื่อว่าจะสามารถเข้ามาสภาได้ 90-100% ส่วนเป้าที่จะต้องทำเพิ่มนั้น ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม รวมถึงกรรมการบริหารพรรคทุกคน จะให้ความสำคัญ และดูข้อมูลเป็นรายเขต ว่าต้องทำเพิ่มเติมในจุดใดบ้าง ซึ่งพรรคกล้าธรรม มีศักยภาพ อยากให้ดูในการเลือกตั้งซ่อมทุกครั้งที่ผ่านมา ว่าฝีมือของประธานที่ปรึกษาพรรคเป็นอย่างไรบ้าง

‘ชวน’จี้กกต.ยึดก.ม.ฟันคนผิดคดีสำคัญ

นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา
เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ทำหนังสือไปถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กำลังใจในการทำหน้าที่โดยยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ท่ามกลางเสียวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า กกต. ทำหน้าที่ล้มเหลว ไม่เข้มแข็ง ไม่เคยเห็นกกต.ชุดไหนล้มเหลวเหมือนชุดนี้ จับโกงจับซื้อเสียงไม่ได้เลย จับได้เขตเดียวเขต 8 นครศรีธรรมราช คนกล่าวหาว่ามีทุจริตคอร์รัปชั่นเรียกเงินหรือไม่ และกำลังจะมีการพิจารณาเรื่องสำคัญๆ อย่างฮั้วสว.ตนเลยทำหนังสือให้กำลังใจประธานกกต.ว่า ขอให้มีความกล้าหาญในการตัดสิน สิ่งที่ผิดก็ให้ผิด สิ่งที่ถูกก็ให้ถูก โดยยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก เพราะกกต.เป็นส่วนสำคัญยิ่งด่านแรกในการคัดนักการเมืองเข้ามาทำงาน ตนเชื่อว่าในองค์กรอิสระต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กกต. ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ

ที่ทุกฝ่ายจับตาการทำหน้าที่สำคัญในขณะนี้ ผู้ที่ทำหน้าที่ในองค์กรอิสระเหล่านั้นมีคนดีอยู่มากกว่าคนที่มีปัญหา ซึ่งคนดีเหล่านี้สามารถทำหน้าที่ให้บ้านเมืองเรารอดพ้นจากวิบัติภัยอันตรายได้ แต่ถ้าคนเหล่านี้ขาดความรับผิดชอบ ก็ไม่รู้จะพึ่งใคร จะต้องหาองค์กรใหม่มาคุมคนเหล่านี้หรือ มันเป็นไปไม่ได้ ท่านสมัครไปเป็นองค์กรอิสระไม่ได้มีใครบังคับ ท่านได้รับเกียรติแล้วท่านต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญในเรื่องความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นหากไม่ปฏิบัติหาผลประโยชน์ ยอมให้มีการวิ่งเต้นก็ไม่ควรอยู่ ควรลาออกไปเพื่อให้หน่วยงานดีขึ้น

การเมืองสุจริต-ตั้งขรก.ก็สุจริตด้วย

“ปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้เริ่มจากการเมือง ถ้าการเมืองเริ่มจากความซื่อสัตย์สุจริต ก็ตั้งข้าราชการสุจริต ถ้าการเมืองมาจากการซื้อเสียง การโกงมาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ก็ตั้งข้าราชการโกงมาตั้งลูกน้องโกง การรีดไถก็เกิดทั่วเมือง เมื่อต้องจ่ายเงินแลกตำแหน่ง ก็ต้องหาเงิน สถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ มีปัญหาในเรื่องสมาธิในการทำงานที่ไม่ปกติ จากสารพัดปัญหาที่รุมเร้าทำให้สับสน แต่เพราะมีการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง มีการทำสิ่งผิดจนมีการร้องเรียนกัน เมื่อมีมูลก็ต้องสอบ บ้านเมืองก็แก้ปัญหาได้ไม่เต็มที่เพราะมัวแต่แก้ปัญหาความเลวร้ายที่สร้างมาโดยนักการเมือง มีวิธีแก้เดียวคือทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้คนที่คิดทำไม่ดีได้เลิกคิด ดังนั้นถ้าสิ่งที่ต้องตัดสินลงโทษรุนแรงถึงขั้นต้องยุบ ต้องสั่งให้หมดสมาชิกภาพก็ต้องทำ เพื่อเปลี่ยนแปลงให้คนใหม่เข้ามา ไม่ใช่ว่าคนใหม่เข้ามาจะดีกว่าเดิมแต่คนใหม่ที่เข้ามาจะได้กลัวว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์”นายชวน กล่าว

ลั่นชั้น14ถ้าทำตามก.ม.ไม่มีปัญหา

นายชวน กล่าวว่า กลไกการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระต่างๆจึงมีความสำคัญ หากผิดต้องตัดสิน ไม่ใช่ให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าไปวิ่งเต้นได้อย่าไปประมาทนักวิ่ง บางคนศาลตัดสินจำคุก 3 ปี บางคนเลือกปฏิบัติ ต้องทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ตนพูดตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ว่ารัฐบาลมีสิทธิ์เลือกได้ระหว่างหลักนิติธรรมกฎหมนบ้านเมือง หรือเลือกพวก ตั้งแต่ตอนนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่น่าเสียดายที่เลือกพรรคพวก ปล่อยข้อยกเว้นให้นายทักษิณ ไม่ปฏิบัติมาตรฐานเสมอกันกับคนทั้งประเทศ ในที่สุดประเทศก็ต้องมาวนเวียนกับเรื่องเหล่านี้ เพราะนายทักษิณ ประกาศก่อนกลับมาแล้วว่าจะไม่ติดคุก ตอนนั้นตนได้ทำหนังสือถึงแพทย์สภาขอให้ปกป้องหมอตัวเล็กๆ เพราะเกรงจะถูกบังคับให้เซ็นรับรองบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง แต่สุดท้ายปัญหาก็ย้อนกลับมาจริง รัฐบาลจึงประสบปัญหาทุกวันนี้จนไม่มีสมาธิทำงาน แค่เรื่องชั้น 14ได้ลามไปหมดทุกเรื่องทุกวงการ ไปจนถึงศาลฎีกาฯ ถึงแพทย์สภา จะไม่มีปัญหาเลยถ้าคนคนหนึ่งทำตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นที่ไม่ยึดหลักนิติธรรมดังนั้นต้องทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ คนจะได้กลัว ไม่ทำผิดกฎหมาย บ้านเมืองจึงจะเดินต่อไปได้