'ศบ.ทก.'ลั่นไทยไม่เพิกเฉย เตรียมประท้วง หากตรวจสอบพบกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ ผิดอนุสัญญาออตตาวา ปี 42 ทำ 3 ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน ขอประชาชนเชื่อมั่น หากพบรุกล้ำอธิปไตย พร้อมตอบโต้ทันที เผยผลหารือร่วม เหตุหญิงกัมพูชาทำวุ่นปราสาทตาเมือนธม คัดกรองเข้มนักท่องเที่ยว หากเกิดเหตุให้ชุดประสานปราสาทดำเนินการ ห้ามเรียกกำลังเพิ่ม หวังลดการเผชิญหน้า
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.
โดยพล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวชี้แจงกรณีสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในฐานะผอ.ศบ.ทก ได้ลงพื้น จ.อุบลราชธานี โดยเดินทางไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ จากการเหยียบกับระเบิดขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยทหารทั้ง 3 นาย อยู่ในสภาวะขวัญ และกำลังใจที่ดีเยี่ยม ปัจจุบันได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน และทันท่วงทีจนอาการทหารทั้ง 3 นายอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สำหรับพลทหารที่เหยียบกับระเบิดจนทำให้ขาด้านซ้ายขาดนั้น ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้มีมาตรการในการช่วยเหลือด้านสวัสดิการให้กับกำลังพลอย่างเต็มที่ โดยมีการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้นจากพลทหารเป็นสิบเอก หลังจากรักษาตัวเสร็จด้วยเหตุสูญเสียจากการรบ
นอกจากนี้ยังได้รับบำเหน็จเดือนละ 15,600 บาท หากรวมเงินรายเดือนจากหน่วยงานต่างๆ คาดว่าจะได้รับเงินจำนวนถึง 29,800 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังได้รับเงินก้อนจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านบาทเศษ ซึ่งทางราชการ ได้เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ที่กำลังพลได้ปฏิบัติช่วยเหลือทางราชการ มองเห็นการบรรจุทายาททดแทน ซึ่งทางพี่สาวของกำลังพลดังกล่าวประสงค์ที่จะรับราชการ ก็จะมีการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นกันนอกจากนี้รายทหารดังกล่าว ยังได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้น 2 ประเภท 1 และบัตรทหารผ่านศึกชั้นที่ 3 ที่จะมีสิทธิลดค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าเดินทางตลอดชีวิตของกำลังพล
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันหน่วยทุ่นระเบิด กองทัพบก ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานนำมาวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียดซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน เพื่อให้ได้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการวางทุ่นระเบิด ว่าจะเป็นการวางทุ่นระเบิดขึ้นมาใหม่หรือเป็นของเดิม ซึ่งหากเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ ถือว่าเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ และเก็บสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพราะไทยและกัมพูชา เป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาดังกล่าวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 พร้อมเน้นย้ำว่าทางรัฐบาลไทย ถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นทุ่นระเบิดที่มีการวางใหม่ ฝ่ายไทยจะไม่เพิกเฉย
"หากมีการพบว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยของไทยทางเราจะมีการดำเนินการโต้ตอบอย่างชัดเจน พร้อมขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจถึงสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นทางฝ่ายไทยได้ยึดมั่นในการใช้ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นหลักการที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด ในการยึดถือปฏิบัติตามหลักสากลโดยข้อมูลต่างๆเหล่านี้จะนำไปสู่การปฏิบัติของฝ่ายไทยต่อไป"
ส่วนกรณีที่หญิงชาวกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทย ที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ทางฝ่ายไทย และกัมพูชาได้ประชุมหารือเมื่อวันที่ 16 ก.ค.เพื่อร่วมกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ซ้ำซ้อนอีก โดยทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปว่า หากมีปัญหาจากนักท่องเที่ยวเกิดขึ้น ขอให้ชุดประสานงานประสาทที่มีอยู่ฝ่ายละ 7 คนดำเนินการแก้ไข ซึ่งหากเหตุเกิดจากนักท่องเที่ยวฝ่ายใดก็ให้ชุดประสานของประเทศนั้นๆ เป็นผู้ดำเนินการแก้ปัญหา โดยไม่ต้องเรียกกำลังพลชุดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเผชิญหน้าจากทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม ได้ขอให้ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการคัดกรองนักท่องเที่ยวของแต่ละฝ่ายก่อนขึ้นมาท่องเที่ยวบริเวณปราสาทอย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งก็น่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวขึ้นมาได้
ด้านนางมาระตี แถลงว่า สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยที่ประชุมศบ.ทก.ได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า สถานการณ์จุดผ่านแดนต่างๆในภาพรวมยังคงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขอย้ำฝ่ายไทยยังคงมาตรการเดิมคือไม่ปิดด่าน แต่เพิ่มมาตรการควบคุมการผ่านแดนให้เข้มข้น เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยอนุโลมการผ่านแดนตามหลักมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม และตามที่ได้รายงานมาโดยตลอด และเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาประสานเวลาเปิด-ปิดด่าน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่มีความจำเป็นที่จะผ่านแดน และเพื่อประโยชน์ของการส่งเสริมความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกัน ฝ่ายกัมพูชาความจริงใจที่จะจัดการกับเรื่องนี้ตามที่ได้มีการประกาศยกระดับมาตรการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่สื่อต่างประเทศเองบางแห่งก็ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความจริงจังของมาตรการเหล่านี้ การดำเนินการดังกล่าวได้ผลต่อเมื่อจะมีการประสานงานในเรื่องของการบริหารจุดผ่านแดนกับฝ่ายไทย
นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับในด้านที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบของมาตรการควบคุมการผ่านแดนต่อห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจและผู้ประกอบการจากต่างประเทศด้วย โดยขอให้ฝ่ายกัมพูชาตระหนักถึงมิติดังกล่าวด้วย ว่าในบริบทของความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน มองว่าภูมิภาคของเรามีความสงบและเป็นสถานที่น่าลงทุนการปิดด่านโดยไม่มีเหตุผลและการระงับการนำเข้าสินค้าอาจจะกระทบต่อการค้าต่อระดับภูมิภาคและโลก อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความเสียใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ที่ทำให้มีโทษที่ได้รับบาด 3 นาย ขอให้ทหารไทยทุกท่านที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวโดยเร็ว และในระหว่างที่กองทัพบกกำลังเร่งตรวจสอบว่าเป็นทุ่นระเบิดของเก่าหรือของใหม่ หรือมีรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวข้องกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ และเมื่อรับทราบผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานในพื้นที่แล้วจะดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชาต่างเป็นภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ตั้งแต่ปี 1999 และปี 2000 ซึ่งในข้อบทแรกของอนุสัญญาดังกล่าวชัดเจนว่า ห้ามใช้ ห้ามผลิต ภาคีมีหน้าที่ที่ต้องทำลายคลังทุ่นระเบิดที่มีอยู่ โดยฝ่ายกัมพูชาเองเป็นเจ้าภาพ การประชุมทบทวนอนุสัญญา ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 25 -29 พ.ย.2567
ดังนั้น หากการตรวจสอบแล้วพบหลักฐานที่เป็นที่ประจักษ์ นอกเหนือจากจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับรัฐรัฐภาคี ที่สำคัญก็จะถือว่า ขัดต่อพันธกรณีขิงอนุสัญญา ซึ่งฝ่ายไทยจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงโดยตรงต่อกัมพูชาในกรอบทวิภาคี หรือมาตรการอื่นๆตามความเหมาะสม โดยเฉพาะหากพบว่า เป็นการละเมิด MOU 2543 และละเมิดอธิปไตยของไทยด้วย
ทั้งนี้ ไทยเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไทยมีพันธกรณี ขอตอกย้ำฝ่ายไทยยังยืนยันจุดยืนที่จะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความตึงเครียดในเวลานี้ ผ่านกลไกที่มีอยู่ โดยเฉพาะ JBC RBC และ GBC ซึ่งในกรอบของ JBC ทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสืออย่างเป็นทางการ ไปถึงฝ่ายกัมพูชา เพื่อเชิญเข้าร่วมการประชุม JBC สมัยพิเศษ ที่ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนก.ย.ที่กทม.ตามที่ได้ตกลงกันไว้แล้ว ฝ่ายไทยหวังเป็นอย่างยิ่งฝ่ายกัมพูชาจัตอบรับเข้าร่วมประชุม JBC เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียด รวมทั้งพร้อมจะใช้กรอบทวิภาคีอื่นๆเพื่อส่งเสริมความมั่นคงของ 2 ประเทศสุดท้าย ขอย้ำว่าไทยจะใช้ช่องทางทางการในการสื่อสารกับกัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี