รัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธวางทุ่นระเบิดช่องบก ร่อนหนังสือถึงรัฐบาลไทยย้ำ“ฮุนเซน-ฮุน มาเนต” รักสันติภาพ ด้านทบ.นัดหารือบัวแก้วนำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชา ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กัมพูชาได้ทำหนังสือถึงทางการไทย เรื่อง“การปฏิเสธต่อการนำเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทยสามนายได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก)”สำนักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สำนักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง ได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทยสามนายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณ พิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าวมีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่
ในการนี้สำนักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้
1. สำนักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่
2. กัมพูชา เป็นประเทศที่เคยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดตกค้าง จากสงคราม ด้วยเหตุนี้กัมพูชาจึงขอประณามและคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการใช้ การผลิต และ การเก็บรักษาทุ่นระเบิด และขอแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิด จากสงคราม ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด หรือกับเชื้อชาติใดก็ตาม
3. กัมพูชา ภายใต้การบริหารที่มีวิสัยทัศน์ของ สมเด็จเดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี และ บิดาแห่งสันติภาพสำหรับชนชาติเขมรทั้งมวล และ สมเด็จธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรี ได้ยึดมั่น สันติภาพ เป็นคุณค่าสูงสุด และมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการบรรลุวิสัยทัศน์ของโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด เพื่อให้มั่นใจว่าคนรุ่นหลังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี รวมทั้ง ปราศจากการคุกคามจากทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดจากสงคราม
4. กัมพูชา เป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามการใช้ทุ่นระเบิดต่อบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) และได้ปฏิบัติตามพันธกรณีของตน รวมถึงบรรทัดฐานและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาอย่างเคร่งครัด กัมพูชาได้รับการยอมรับและประเมินค่าสูงจากรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ว่าเป็นหนึ่งในรัฐภาคี ที่มีความมุ่งมั่นสูงและประสบความสำเร็จในการกวาดล้างและทำลายทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคลทุกชนิด ที่มีอยู่และที่ค้นพบ
นอกจากนี้ กัมพูชาได้ทำหน้าที่เป็นประธานและเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐภาคี ครั้งที่ 11 ของอนุสัญญาออตตาวา และการประชุมทบทวนครั้งที่ 5 ของอนุสัญญาออตตาวา ปี 2567 หรือ การประชุมสุดยอดเสียมราฐ-นครวัด ว่าด้วยโลกที่ปราศจากทุ่นระเบิด ซึ่งการประชุม ทั้งสองครั้งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
5. เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดนี้ กัมพูชายึดมั่นในความโปร่งใส ความรับผิดชอบสูง และการเคารพพันธกรณีระหว่างประเทศ ในบริบทนี้ กัมพูชา คาดหวังว่าในการ สันนิษฐาน หรือ การกล่าวหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ จะต้องผ่านการตรวจสอบที่ชัดเจน มีหลักฐานเพียงพอ มีความเป็นจริง หลีกเลี่ยงการคาดเดา หรือการกล่าวหาที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีมูล ความจริงที่ชัดเจน กัมพูชายังคงยึดมันในหลักมนุษยธรรมและการเคารพซึ่งกันและกัน
ขณะเดียวกัน กัมพูชายังคงปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจร่วมปี 2543 ในความร่วมมือตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย และจะยังคงยึดมันในหลักการที่จะเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนให้เป็นพื้นที่ที่มีสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา
6. สำนักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อข้อกล่าวหาของสื่อไทยบางสำนัก และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการสันนิษฐานหรือการกล่าวหาใดๆ โดยที่ยังไม่ทราบความจริง ผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการตรวจสอบต่อเหตุการณ์นี้ และดํารงไว้ซึ่งเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพ ความปลอดภัย และการไม่กล่าวหาซึ่งกันและกัน เพราะว่าศัตรูทีแท้จริงของเราทุกคนคือทุ่นระเบิด ตามที่แจ้งให้ทราบข้างต้น ขอให้สาธารณชน กรุณาทราบว่าเป็นข่าว
วันศุกร์ แรม 8 ค่ำ เดือนแปด ปีมะเส็ง สัปตศก พ.ศ.2569 ราชธานีพนมเปญ วันที่ 18 กรกฎาคม 2568
19 ก.ค. 68 “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Wassana Nanuam” โดยระบุว่า “ทีมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ที่เข้าพื้นที่เกิดเหตุ กู้มาได้อีก3 ลูก ล็อทเดียวกัน ยืนยัน ล้าน% วางใหม่ รอดู “กองกำลังสุรนารี“ จะแถลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาค พาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัดศบ.ทก.ประชุมในวันที่20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น
เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผล เป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจาก ต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป
โดย ในที่ 20 ก.ค.จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำ ว่าขั้นตอนต่อไป ในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว จะแถลงเป็นทางการ ในการประชุมศบ.ทก.21 ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางปฏิบัตินำข้อมูลและหลักฐานฟ้องยูเอ็นกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และหากกัมพูชาปฏิเสธ ก็ต้องหาหลักฐาน มาหักล้าง ข้อมูลของฝ่ายไทย ในขณะเดียวกัน ทางการไทยจะส่งทหารช่าง เข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิด ในพื้นที่อธิปไตยของไทยที่ช่องบก
“ปัจจุบัน ศบ.ทก.อยู่ระหว่างให้กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ซึ่งต้องอาศัยความรัดกุม รอบคอบ รวมถึงศึกษาขั้นตอนการดำเนินการ ให้ละเอียด อยากให้ประชาชนใจเย็นเนื่องจากหน่วยงานราชการออกข้อมูลอะไรมา ต้องอาศัยหลักฐานที่ชัดเจน ถูกต้อง “ แหล่งข่าวความมั่นคง ระบุ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทหารพรานเหยียบถูกทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หลังมีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า
เมื่อถามย้ำว่า หลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า ไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน
ที่กองกำลังสุรนารี พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงข่าว ผลการตรวจกับระเบิดช่องบกว่า จุดแรกที่พบ 3 ทุ่น ลักษณะการวาง บนผิวดิน รัศมีการวางห่างกัน 40 เซนติเมตร มีใบไม้ปกปิดจุดที่ 2 เจอ 5 ทุ่น การวางเหมือนแบบแรกแต่รัศมีการวางกระจายออกไป ห่างประมาณ 90 เซนติเมตร จากการกู้กับระเบิดทั้ง 8 ลูก มีตัวอักษรชัดเจน ประกอบการวางสามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นของใหม่ หากเป็นของเก่า จะมีวัชพืชปกคลุม สำหรับจุดที่วางเลยแนวการวางกำลังทหารกัมพูชาประมาณ 100-150 เมตร กองกำลังสุรนารีจะเก็บกู้ทั้งหมดเนื่องจากอยู่ในแผ่นดินไทยโดยใช้ความระมัดระวัง และคาดว่ายังมีหลงเหลืออยู่อีกเป็นหลักร้อย เป็นชนิดเดียวตามที่ปรากฏเป็นข่าว
พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ขณะนี้2 กรณีต้องดำเนินการคือรายงาน ไปถึงศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และกองทัพบกจะนำเสนอรัฐบาล ให้กระทรวงต่างประเทศยื่นเรื่องไปที่ ยูเอ็น เรื่องอนุสัญญาออตตาวา ยืนยันว่าคู่กรณี เป็นคนวางชัดเจน
ส่วนการตอบโต้เป็นหน้าที่ของกองทัพภาคที่ 2 ที่จะดำเนินการต่อไปและเป็นเรื่องการทางทหาร ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ พร้อมย้ำว่าไม่ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาล ถือเป็นยุทธวิธี กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการตอบโต้ได้เลย
พล.ท.บุญสิน ยังกล่าวถึง กรณีกัมพูชา ตั้งข้อสังเกตว่า กับระเบิดถูกวางในพื้นที่ของประเทศไทย อาจเป็นไทยที่เป็นคนวางหรือไม่นั้น ในความเป็นจริงโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม เป็นไปไม่ได้การวางกับระเบิดหน้าแนว ผู้ที่วางจะต้องผ่านทหารฝ่ายเดียวกันก็คือทหารไทย และต้องได้รับการอนุมัติ ผู้บังคับหน่วยทหารของฝ่ายไทยเท่านั้นที่จะไปหน้าแนวได้ ดังนั้น ต้องวางมาจากด้านฝั่งตรงข้าม ส่วนที่กัมพูชาปฏิเสธ ถือเป็นคำพูดที่เขาสามารถชี้แจงได้ เขาต้องปฏิเสธอยู่แล้ว และการวางกับระเบิดเกิดในห้วงก่อนปรับกำลังช่องบก 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่า กับระเบิดที่พบไม่มีใช้ในกองทัพไทย ส่วนที่กัมพูชาอ้างไทยเป็นฝ่ายวางกับระเบิดนั้น คงไม่มีหน่วยทหาร ผู้บังคับหน่วยไหน มาวางระเบิดใส่ลูกน้องตัวเอง คงไม่มี ถ้ามี คงจะเลวร้ายมาก และรับไม่ได้อยู่แล้ว เรามองว่าเป็นไปไม่ได้ เลวร้าย ชั่วร้ายมาก ซึ่งการฟ้องยูเอ็น เป็นการกดดันในเวทีโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี