แนวหน้าวิเคราะห์ : ‘เพื่อไทย’เลือดไหล อดีตขุนพลหนีซบ‘พลังประชารัฐ’ จุดเปลี่ยนเกม
ต้องเกาะติดสถานการณ์กับพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาล เผชิญวิกฤตความนิยมตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยุทธศาสตร์หาเสียงแบบอาศัยกระแสใช้ไม่ได้ผล เหมือนในอดีตอีกแล้ว ส่งผลให้บรรดานักการเมืองคนสำคัญหรือ "อดีตขุนพล" ที่เคยอยู่กับพรรคมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอดีต สส.และอดีตผู้สมัครสส.ต่างตบเท้าทยอยหนีลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปหาโอกาสทางการเมืองกับพรรคใหม่
ปัจจุบันฐานเสียง‘ขุนพลเพื่อไทย’ลดน้อยลงมาก เนื่องจาก‘ขุนพลหลัก’กระจัดกระจายออกไปแตกพรรค แตกสาขา ไปสร้างอาณาจักรของตัวเองโดยเฉพาะ“เพื่อไทย”กลับมีคำถามถึงความแข็งแรงฐานเสียงในพื้นที่ของตัวเอง หากไร้กระแสให้พึ่งพาในอนาคตจะเอาชนะคู่แข่งได้หรือไม่
ที่สำคัญ การเมืองแบบ“บ้านใหญ่” จำเป็นต้องอาศัย“เครือข่าย”ในทุกระดับถึงจะสามารถควบคุมคะแนนเสียงได้ แต่วันนี้พรรคเพื่อไทย กลับมีแต่“อดีตขุนพล”ต่างตบเท้าโบกมือลาพรรคทั้งๆที่เป็นรัฐบาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกพ่ายแพ้เลือกตั้ง “สส.สอบตก” หรืออดีตผู้สมัครส.ส.เท่าที่ทราบวงในมาว่าไม่มี“แกนนำเพื่อไทย”เข้ามาดูแลเลย ไม่สนใจ ไม่แคร์ เรียกว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญ ทำให้ต้องเร่งหาพรรคใหม่สังกัดเพื่อเปิดพื้นที่ทำพื้นที่ตัวเอง เพราะหากยังอยู่กับเพื่อไทยโอกาสจะไม่ถูกเลือกมีสูงมาก
ไม่แปลกใจ เพียงแค่ 2 สัปดาห์ ในเดือนกรกฎาคม เกิดปรากฎการณ์ อดีตส.ส.และอดีตผู้สมัครสส.จำนวนมากในภาคอีสาน ภาคเหนือและทุกภาค ตัดสินใจย้ายเข้าสังกัดกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี“ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคฯ โดยยอดทะลุครึ่งร้อยคนไปแล้ว
จะเห็นจากเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร.แถลงที่พรรคพลังประชารัฐได้ เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรค จำนวน 21 คน ทั้งหมดเป็นอดีต ส.ส.อดีตรัฐมนตรี และอดีตผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย อย่างเช่น นายศักดา คงเพชร อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และอดีตรมช.ศึกษาธิการ,นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และอดีตรมช.ต่างประเทศ,นายชูศักดิ์ แอกทอง อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ,นายอนันต์ ศรีพันธุ์ อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ,พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทย
นายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย, นายไตรรงค์ ติธรรม อดีต ส.ส.บึงกาฬ พรรคเพื่อไทย ,นายสมนึก เฮงวานิชย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย,นายสุรศักดิ์ นาคดี อดีตผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย นายธนกร ไชยกุล อดีต ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
อีกทั้งเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ‘ลุงป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนำทีมพร้อมไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค แถลงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสส.อีก 32 คน ส่วนใหญ่เป็นอดีตส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส.จากพรรคเพื่อไทย จากภาคเหนือและทุกภาค ในเป็นล็อตที่สอง
ไม่ว่าจะเป็นนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายและอดีตรองประธานสภาฯเชียงราย นายถาวร เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่,นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีต ส.ส.เชียงใหม่,นพ.ไกร ดาบธรรม อดีต ส.ส.เชียงใหม่, นายพรชัย อรรถปรียางกูร อดีต ส.ส.เชียงใหม่, นายวิเชียร ภักดี จ.พิษณุโลก,นายธวัชชัย กันนะพันธุ์ จ.พิษณุโลก เป็นต้น
อย่างน้อยๆการที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ครั้งใหญ่ เตรียมพร้อมเลือกตั้ง รับอุบัติเหตุทางการเมือง นับเป็นสัญญาณสำคัญ จุดเปลี่ยนสมการทางการเมือง และสกัดเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ของเพื่อไทยในอนาคต
เพราะไม่ใช่เพียงเพิ่มจำนวน ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรค พปชร.แต่คือการตัดฐานคะแนนเสียงระดับพื้นที่ของเพื่อไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ ที่เป็นฐานเสียงสำคัญ จึงเป็นสัญญาณอันตรายต่อเพื่อไทย ไม่มั่นใจในทิศทางพรรค ความขัดแย้งเชิงอำนาจ หรือความกังวลต่อโอกาสได้รับการส่งลงสมัครครั้งต่อไป
แกนนำระดับท้องถิ่นที่ย้ายออกมักพาเครือข่ายหัวคะแนนระดับหมู่บ้าน อปท.และทีมงานออกมาด้วยทำให้พรรคเพื่อไทยเสียโครงสร้างในพื้นที่และหากไม่มีคนใหม่ที่แข็งพอมาแทนอาจสูญเสียฐานเสียงคะแนนในเขตเดิม
ถือเป็นสัญญาณการแย่งชิงฐานเสียงอย่างจริงจัง และจะทำให้สมัยหน้า เพื่อไทยเผชิญความยากลำบากในการรักษาฐานเสียงเดิม ครั้งที่แล้ว ก็พ่ายแพ้ “พรรคส้ม” มาแล้ว
แม้มีโอกาสเข้าบริหารประเทศผ่านมา 2 ปีกว่าแล้ว แต่ผลงานล้มเหลวที่เข้าตาประชาชนได้โดยเฉพาะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมและปัญหาปากท้องที่ย่ำแย่ต่อเนื่องได้
โอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกวาดส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง ยังมี แต่ความเป็นไปได้ที่จะ “ชนะอย่างเด็ดขาด” กำลังริบหรี่ลงทุกที เพราะเกมการเมืองไทย ไม่ได้วัดกันที่กระแสเพียงอย่างเดียวแต่โครงสร้างพื้นที่ และเครือข่ายยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งสมัยหน้า พร้อมจะต้องเผชิญกระแสพรรคด้อมส้ม พรรคประชาชน กับพรรคสีน้ำเงิน อย่างภูมิใจไทย ที่เข้มแข็งในทุกพื้นที่
ปรากฎการณ์ เลือดไหลออก“เพื่อไทย”ยังจะมีให้เห็นอีกแน่ๆเนื่องจากการดูแลอดีตสส.อดีตผู้สมัครไม่มีระบบที่ชัดเจน ทั้งที่“อดีตขุนพล”หลายคน ยังมีศักยภาพในพื้นที่อีกทั้งยุคนี้ต้องยอมรับ“เพื่อไทย”ขาลง ไม่ใช่พรรคกระแสดีอีกต่อไป
จึงไม่แปลกใจที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ สทร. จะมีกิจกรรมและออกมาพูดอย่างต่อเนื่อง ในช่วง แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯซึ่งล่าสุดสทร.ก็ได้เข้าร่วมงานดินเนอร์กับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่สนไม่แคร์อะไรแล้ว ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เหมือนเป็นบั้นปลายสุดท้ายของชีวิต เพื่อหวังจะใช้บารมีที่สะสมในการประคับประคองพรรค เพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลให้เดินหน้าอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด
ความคาดหวังของ “เพื่อไทย” ที่จะกอบโกยกวาดที่นั่งสส.เข้าสภากลับมาคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งนับยิ่งริบหรี่ เพราะวันนี้แทบไม่มีจุดขายอะไรอีกแล้ว หมดยุคที่หวังกระแส “ผู้นำจิตวิญญาณ” ที่สิ้นมนต์ขลัง
จากนี้จะต้องจับตาหลังคดี “พ่อลูกตระกูลชินวัตร” เสร็จสิ้น อาจมีสส.กระโดดหนีพรรคเพื่อไทยครั้งใหญ่ ตกอยู่ในสภาพ...
แพแตก!!!
#ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี