ศบ.ทก.แจงเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สั่งปิดทุกด่าน ตั้งศูนย์บัญชาการทางทหาร ให้"ผบ.ทสส."สั่งการใช้กำลังทางทหารได้ ด้าน"กต."ประณาม"กัมพูชา"เริ่มก่อน ลั่นขอ ปชช.มั่นใจเดินหน้าปกป้องอธิปไตยเวทีระหว่างประเทศ ซัดละเมิด กม.ระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรม
เมื่อเวลา 12.05 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ในการประชุมในวาระพิเศษประจำวันที่ 24 ก.ค.ซึ่งหลายท่านทราบจากการอัพเดทสถานการณ์ผ่านสื่อต่างๆ ศบ.ทก.ขอชี้แจงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เรื่องแรกในที่ประชุม ศบ.ทก.มีการพูดคุยอัพเดทสถานการณ์ โดยเหตุการณ์แรกคือ การลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนเป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.เวลา 16.55 น.เกิดเหตุการณ์ที่กำลังพลของกองทัพบกที่ทำการลาดตระเวนในพื้นที่ เป็นกำลังพลจากชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 ประสบเหยียบทุ่นระเบิด บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นแนวพื้นที่ปฏิบัติการของฝ่ายไทย ที่ทำการลาดตระเวนอย่างต่อเนื่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้กำลังพลกองทัพบกได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย โดยหนึ่งในจำนวนนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัสข้อเท้าขวาขาด ส่วนอีก 4 นาย มีอาการแน่นที่หน้าอกจากแรงสั่นเคลื่อนของระเบิด ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของแพทย์ และได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน โดยขั้นแรกได้ส่งโรงพยาบาลน้ำยืน จากนั้นในคืนวันเดียวกัน ได้ส่งผู้ป่วยเร่งด่วนไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานีธานี
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ทั้งนี้วันเดียวกันนี้หลายท่านคงทราบว่า ตั้งแต่เช้ามีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.35 น.เราได้ทราบข่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) บินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม เพื่อตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายไทย จากนั้นมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกำลังกัมพูชา โดยการนำอาวุธเข้าประจำการที่บริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม พร้อมกำลังพล 6 นาย อาวุธครบมือ โดยมีอาร์พีจีอยู่ในมือ และเคลื่อนมาอยู่บริเวณแนวหน้า ซึ่งฝ่ายไทยเห็นว่าสถานการณ์ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยและได้ใช้ความพยายามในการตะโกนเจรจา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า จากนั้นเวลา 08.20 น.ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิง บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเหมือนธม ห่างจากประสาทตาเมืองธม 200 เมตร ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ จากนั้นการขยายพื้นที่ตามแนวชายแดนต่างๆและเกิดพื้นที่ปะทะอีกหกพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมืองธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร (บริเวณห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ) ช่องอานม้าและช่องจอม
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธหนัก เช่น BM 21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทย รวมทั้งการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย นอกจากบ้านเรือนประชาชน กัมพูชามีการโจมตีไปในพื้นที่สาธารณะคือ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และล่าสุดทราบมาว่าได้มีการโจมตีไปยังโรงพยาบาลของไทย ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้มีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทั้งนี้จากสถานการณ์ในห้วงเวลาที่เกิดขึ้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ต้องขอความกรุณาประชาชนสื่อมวลชน ได้ติดตามข่าวสารช่องทางทางการของเราอย่างต่อเนื่อง
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่สองสืบเนื่องเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้มีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 39 โดยให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารระดับในแต่ละระดับชั้นขึ้นมาตั้งแต่ยามปกติ เพื่อติดตามสถานการณ์และควบคุมอำนวยการ และสั่งการในการปฎิบัติ โดยศูนย์บัญชาการทางทหาร มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา สามารถดำเนินการใช้กำลังทางทหารปฏิบัติการทางทหารได้
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่สาม การดำเนินการในส่วนของ ศบ.ทก.เดิมทีเรามีมาตรการ เรื่องการเปิด-ปิดด่านที่เราได้เน้นย้ำมาเสมอว่า เราไม่เคยปิด เราใช้มาตรการในระดับที่ 2 คือการจำกัดคนเข้าออกและจำกัดเวลา ปัจจุบันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดน จุดผ่านแดนต่างๆไปถึงระดับที่ 4 คือการปิดด่านการเข้า-ออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องที่ 4 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานว่า ได้จับตาการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางโดยเครื่องบินไปเล่นการพนันบริเวณชายแดน และเดินทางกลับเข้าประเทศโดยทางบก ตามแนวชายแดนต่างๆ ซึ่งพฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ เราไม่สนับสนุน และทางการได้มีการรวบรวมติดตามอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเข้มงวดกับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงนี้ เรามีสถานการณ์ตามแนวชายแดน ทำให้ตามแนวชายแดนมีการปิดด่าน จึงไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศทางบกได้ จึงขอแจ้งเตือนไปยังประชาชน ที่ยังมีพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่ ขอให้งดเรื่องการเดินทางในลักษณะนี้ และสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกประชาชน ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วาระพิเศษ เพื่อประเมินสถานการณ์ และกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
เมื่อถามว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตขณะนี้ล่าสุดมีเท่าไหร่ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า ตามที่ตนรายงานไปเป็นยอดนั้น มีบาดเจ็บสาหัส 3 คน ซึ่งอยู่ในจำนวนนี้มีเด็กด้วย และเสียชีวิต 1 คน
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ทางกัมพูชาได้พุงเป้าไปที่ประชาชนคนไทย และมีบางส่วนไม่อยากจะออกจากบ้าน จะชี้แจงอย่างไรให้ประชาชนอพยพ พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีการดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว และแน่นอนว่าอาจจะมีบางคนที่ยังไม่อยากออก ก็ต้องบอกว่าตรงนั้นมีความเสี่ยงมาก จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนออกจากบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวก
เมื่อถามอีกว่า กระสุนของทางกัมพูชาส่วนใหญ่จะลงไปที่ปั๊มน้ำมันและบ้านเรือนของประชาชน พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมข้อมูลหลักฐานต่างๆ และเรื่องอาวุธของกัมพูชา เราก็ทราบขีดความสามารถกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะการควบคุมวิถีทิศทางทำได้ยาก ฉะนั้นเวลามาทีจะมาเป็นชุด ส่วนเรื่องผลกระทบหรือความเสียหายอย่างที่เห็นว่าจะไปลงตามบ้านเรือนประชาชน
เมื่อถามอีกว่า ศบ.ทก.จะมีแนวทางอย่างไรให้สถานการณ์คลี่คลาย เพราะนอกจากเรื่องการปิดด่านก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องอื่น พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า เรื่องการแอ็คชั่น ผอ.ศบ.ทก.บอกว่า ช่วงนี้ ศบ.ทก.มีหน้าที่ติดตาม และสนับสนุนการปฎิบัติงานของทหารในพื้นที่ เพราะเดิมที ศบ.ทก.จะเป็นผู้กำหนดมาตรการต่างๆ ตอนนี้สถานการณ์เริ่มมีการปะทะ ฉะนั้นจำเป็นต้องมีความเร่งด่วน เราไม่ต้องการมีสายการบังคับบัญชาที่ยาวจึงมอบหน้าที่ให้กับ ผบ.ทสส.ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก.เป็นคนกำกับดูแลทางการทหาร มีอำนาจในการสั่งการไปยังกองทัพและทหารในพื้นที่
ด้าน นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะโฆษกทบ.ทก.ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับวันนี้ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์และพัฒนาการในหลายเรื่องสำหรับประเด็นที่มีมิติด้านการต่างประเทศ เรื่องแรกเกี่ยวกับการควบคุมจุดผ่านแดนต่างๆ ตามที่โฆษก ศบ.ทก.ฝ่ายความมั่นคง ได้ชี้แจงไปแล้วมีข้อเสริมว่าที่ผ่านมา ศบ.ทก.ได้ยืนยันมาโดยตลอดว่าเราไม่ปิดด่าน เพียงแต่เพิ่มความเข้มงวด ซึ่งเป็นไปตามที่หารือในที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน แต่บัดนี้ตามที่โฆษก ศบ.ทก.ฝ่ายความมั่นคง ได้ชี้แจงไปเมื่อสักครู่นี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันทางการไทยจึงมีความจำเป็นต้องปิดด่านในจุดต่างๆ เพื่อปกป้องอธิปไตย และเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากการควบคุมขั้น 1 ขั้น 2 ที่ผ่านมา จนบัดนี้ขั้นที่ 4
นางมาระตี กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา มีกำลังพลของกองทัพบกอีก 5 นายประสบเหตุเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องอ่านม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีอีกครั้ง ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุดในการละเมิดอธิปไตย การละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เช่นเดียวกันและขอแสดงความเสียใจและหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วงต่อไปเช่นกัน สำหรับสถานการณ์การปะทะระหว่างกำลังทั้ง 2 ฝ่ายที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม ขอเรียนให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ท่าทีและอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด และกระทรวงการต่างประเทศพร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพดำเนินการไปพร้อมกับกองทัพไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยสุดท้ายนี้ขอร่วมส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่
เมื่อถามว่า ด้านมาตรการทางการทูตขณะนี้เรามีการลดระดับความสัมพันธ์ถึงจุดไหน นางมาระตี กล่าวว่า สำหรับมาตรการทางการทูตอยากจะให้ติดตามการแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศในขณะนี้ที่จะมีรายละเอียดเยอะพอสมควร และต้องแยกระหว่างการเรียกทูตกลับ กับระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจะตอบโต้อย่างไรนั้น แน่นอนเราตอบโต้หลากหลายมานาน การเริ่มก่อน การละเมิดที่ไม่ใช่แค่กฎหมายระหว่างประเทศ แต่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศด้านมนุษยธรรม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี