โจมตีรพ.-ชุมชน/ฆ่าคนบริสุทธิ์
เขมรป่าเถือน!
เบื้องต้นไทยตาย11ศพเจ็บ28
สลดใจเด็กอายุแค่8ขวบดับ
‘ทบ.-ทอ.’ถล่มกลับใส่ไม่ยั้ง
ทหาร“เขมร”เหิมลากอาร์พีจี-อาวุธหนักยิงใส่ทหารไทย จนเกิดเหตุปะทะบริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก สุรินทร์ ก่อนลาม 6 พื้นที่ ยิง BM-21 จรวดหลายลำกล้องกระสุนตกใส่ชุมชน-รพ.-ปราสาทฝั่งไทย ทำพลเรือนบาดเจ็บล้มตาย มีเด็กน้อยด้วย กองทัพไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ ส่ง F-16 บอมบ์ 2 ฐานทัพเขมรที่ยิงปืนใหญ่ใส่บ้านคนไทย ส่งกำลังภาคพื้นดินทำลายกระเช้าขึ้นภูมะเขือของเขมรสำเร็จ ผบ.ทบ.บัญชาการรบเองเปิดปฏิบัติการยุทธบดินทร์จ่อยกระดับใช้กำลัง ถ้ายังหยุดเขมร ไม่ได้ เบื้องต้นไทยดับ 11 เป็นเด็ก 1 คน เจ็บอย่างน้อย 28 ราย
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌาสุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจนต่อมาฝ่ายกัมพูชานำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชา 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์
เขมรระดมยิงใส่ไทยปะทะลาม6จุด
รองโฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร กระทั่ง เวลา 09.20 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 โจมตีไทย ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม โดย เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ สรุปพื้นที่ที่มีการปะทะทั้งหมด 6 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอานม้า ช่องจอม
อพยพชาวบ้านหลังปะทะรุนแรงต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดการปะทะอย่างหนักต่อเนื่องตลอดช่วงเช้า มีการยิงตอบโต้ด้วยปืนใหญ่หลายจุดตั้งแต่ปราสาทตาเมือนธมไปจนถึงช่องจอม ทำให้ผู้นำชุมชนในหมู่บ้านหนองคันนา ตำบลหนองคันนา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม เร่งอพยพชาวบ้านไปอยู่ในหลุมหลบภัยและพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งกลุ่มผู้อพยพส่วนใหญ่มีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียงและผู้พิการที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ รายงานล่าสุดระบุว่าสถานการณ์การปะทะกำลังทวีความรุนแรงขึ้น และฝ่ายไทยได้มีการยิงตอบโต้กลับไปเช่นกัน
เขมรยิงมั่วทำลายชุมชน-ปราสาท-รพ.
เพจกองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ทหารไทยปะทะทหารกัมพูชาว่า เวลา 09.40 น. เขมรใช้จรวด BM-21 ยิงจากฐานยิงเขาแหลมตกใส่ปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ
เวลา 11.30 น. เพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 โพสต์คลิปขนาดความยาว 6 วินาที อัปเดตสถานการณ์ชายแดนว่า กระสุนจรวด BM-21 จากฝ่ายกัมพูชา ตกใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้นักเรียนและประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก มีรายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 2 ราย
ส่วนที่จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนเป็นการด่วน หลังทหารกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 Grad 122 mm. โจมตีชุมชน บริเวณศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ทำให้ชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส 3 รายเป็นผู้ใหญ่ 2 เด็ก 1 นอกจากนี้ มีรายงานทหารกัมพูชายิงอาวุธโจมตีโรงพยาบาล พนมดงรัก มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ
ทบ.ประณามเขมร-ไทยมีสิทธิ์ป้องกันตัวเอง
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก (ทบ.) ขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย
กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ยังเผยแพร่ข้อมูลระบุ กัมพูชาโจมตีใส่แหล่งชุมชน โบราณสถาน ปราสาท ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน จากเหตุการณ์ที่เขมรโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทยในเขต อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ไทยมีสิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “…รัฐสมาชิกมีสิทธิในการใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเอง หากถูกโจมตีก่อนพร้อมทั้งต้องรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที…” หากจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเอง กองทัพบกไทยจะดำเนินการ ตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โดยจะโจมตีเฉพาะ เป้าหมายทางทหาร (Military Objective) หลีกเลี่ยงการกระทบต่อ ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เช่น ปราสาทโบราณ ไม่ใช้ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือทางทหาร เพราะจะทำให้ หมดสิทธิได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใด ๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้โดยไม่มีการตอบโต้
ลั่นเขมรลอบกัดบีบไทยตอบโต้
ต่อมาพลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่กองทัพประกาศใช้ว่า เป็นแผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร ให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหารได้ใช้แผนนี้ และมีการพัฒนามาตามลำดับให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม แผนนี้เป็นแผนที่ทุกหน่วย จะรู้อยู่แล้ว ว่าตัวเองต้องทำอะไร เพราะหน่วยประกอบกำลังในแผนนี้ ค่อนข้างมาก ฉะนั้นต้องชัดเจนส่วนขวัญกำลังใจทหารยังอยู่ในเกณฑ์สูง ทุกคนพร้อมทำหน้าที่
โฆษก ทบ.ยอมรับว่าวิธีการลักษณะแบบนี้ กระทบบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ได้ทำให้เราสูญเสีย หรือหวั่นไหว กลับทำให้เราแข็งแกร่ง เราคงไม่ได้อยู่ในลักษณะที่ให้ใครเอาเปรียบ ในลักษณะนี้เหมือนกับว่ามาลอบทำร้าย ที่ผ่านมาเราเคารพกฎ กติกา ระหว่างประเทศมาตลอด แต่ขณะนี้ชัดเจนว่ากัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา จากนี้เราอาจจำเป็นต้องทำในสิ่งที่เราพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ด้วยกลไกระหว่างประเทศ แต่ขณะนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้ว!
F16บอมบ์ฐานทัพเขมร-ทำลายทางขึ้นภูมะเขือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสายวันเดียวกัน กองทัพอากาศไทยตัดสินใจส่งเครื่องบิน F-16 จำนวน 6 ลำ ส่งไปสนับสนุนกองทัพบก ในการปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-เขมร ใช้อาวุธประจำเครื่องบินที่มีความแม่นยำสูงโจมตีเป้าหมายที่ตั้งอาวุธหนักทหารกัมพูชา ของบก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 ซึ่งเป็นผู้ใช้อาวุธปืนใหญ่โจมตีบ้านเรือนคนไทย กองทัพอากาศ ยืนยันว่าหลังปฏิบัติการณ์ทางอากาศ F-16 ทั้ง 6 ลำ ที่ใช้เวลาปฏิบัติการ 20 นาที ได้กลับฐานปฏิบัติการอย่างปลอดภัยทุกลำ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานทหารไทยเข้าทำลายกระเช้าขึ้นภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ของทหารกัมพูชาได้ แล้ว
ทภ.1ปิด5ด่าน-บรรจุกระสุนพร้อม
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) เผยว่า พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 สั่งการให้ปิด 5 ด่าน ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบด้วย 1. จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก (โรงเกลือ) อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 2. จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอียน-สตึงบท) อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว3. จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว 4. จุดผ่อนปนการค้าบ้านหนองปรือ อ. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว และ 5. จุดผ่อนปนการค้าบ้านตาพระยา อ. ตาพระยา จ. สระแก้ว ซึ่งได้ปิดลง 100% และยืนยันด้วยว่า หลังผบ.ทบ.ประกาศใช้แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ขณะนี้รอคำสั่งพร้อมปฏิบัติ โดยยุทโธปกรณ์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่บรรจุกระสุนไว้ทั้งหมดแล้ว รอปฏิบัติการ เมื่อมีคำสั่ง
3ด่าน3จุดผ่อนปรนชายแดนตอ.ปิด100%
เช่นเดียวกับ กองทัพเรือ หลังผบ.ทบ.สั่งใช้แผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” มีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคง กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หนึ่งในกองกำลังป้องกันชายแดน เตรียมกำลังพร้อมรับคำสั่งปฏิบัติทันที โดยพลเรือเอก จิรพลว่องวิทย์ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางไปที่กองกำลัง เพื่อบัญชาการด้วยตนเอง และขณะนี้ด่านชายแดนทั้ง 3 ด่านประกอบด้วย บ้านแหลม ผักกาด และ หาดเล็ก รวมถึงจุดผ่อนปรนการค้า 3 แห่ง ประกอบด้วย บ้านซับตารี บ้านสวนส้ม บ้านบึงชนัง ปิด 100%
พลเรือนตาย9เป็นเด็ก1-เจ็บ14
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงสรุปสถานการณ์ปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่ช่วงเช้าว่า กองทัพบกรับรายงานเบื้องต้นว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้
1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 10 ราย2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (1 รายเป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ส่งต่อ รพ.กาบเชิง3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
กระสุนปืนใหญ่21ลูกพุ่งตกบุรีรัมย์
จากเหตุปะทะระหว่างกองกำลังไทย–กัมพูชา บริเวณชายแดนปราสาทตาเหมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้มีกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา 21 ลูก พุ่งข้ามแดนตกใส่พื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กระจายไปหลายหมู่บ้านพื้นที่ได้รับผลกระทบได้แก่ บ้านสายโท 10 ใต้ หมู่ 2 ต.สายตะกู จำนวน 10 ลูก, บ้านสายโท 12 ใต้ หมู่ 16 ต.สายตะกู อีก 3 ลูก และบ้านกรวด หมู่ 3 และหมู่ 5 ต.บ้านกรวด อีก 8 ลูก ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายคือ นายบุญนำ ด้วงประโคน อายุ 50 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่แขนขวาขณะออกไปดูนาข้าว อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.ประโคนชัยนอกจากนี้ มีรายงานว่าวัวเลี้ยงของชาวบ้านเสียชีวิตจากแรงระเบิด 3 ตัว ไก่ตาย 2 ตัว และบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากสะเก็ดระเบิดอีก 2 หลัง เบื้องต้นทางอำเภอได้รายงานเหตุไปยังจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนขณะเดียวกัน อำเภอบ้านกรวดและหลายหน่วยงานเร่งอพยพประชาชนใน 4 ตำบล ได้แก่ ต.สายตะกู, ต.จันทบเพชร, ต.ปราสาท และ ต.บ้านกรวด ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปพักยังสนามช้างอารีนา ในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อความปลอดภัย
เปิดสนามช้างรับผู้อพยพกว่า8พันคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปที่จ.บุรีรัมย์โดยเฉพาะอำเภอติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนพากันหาจุดอพยพที่ปลอดภัย หลังมีลูกปืนใหญ่(BM 21 ) 6 ลูกตกใส่ชุมชนในเขต ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด ห่างจากโรงพยาบาลบ้านกรวดประมาณ 100 เมตรเท่านั้น ส่วนหนึ่งต่างมุ่งไปที่ สนามแข่งรถช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต หลังนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ประกาศใช้พื้นที่ของสนามแข่งรถ ,ลานองค์การส่วนบริหารจังหวัด(อบจ.)บุรีรัมย์ ค่ายอาสาสมัครฯบุรีรัมย์ เนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ให้เป็นศูนย์อพยพ มีน้ำ อาหารรับประทานให้บริการฟรี แต่ถ้ายังไม่พอจะเปิดวัดและโรงเรียนไว้รออีก
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กChang Circuit Buriramโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า ชาวบ้านกว่า 8,000 คน จาก 4 ตำบล ใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทยอยเดินทางมายังสนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เพื่อความปลอดภัย ขอให้สถานการณ์วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปโดยไว
กันทรลักษณ์อพยพหนีกระสุนปืนใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-เขมรยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดยกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าเมื่อเวลา 14.55 น. เกิดเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นเป็นระยะ และมีกระสุนปืนใหญ่ตกกลางเมืองอ.กันทรลักษณ์ ขอให้ประชาชนรีบอพยพออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ต่อมาเวลา 14.49 น.กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกประกาศขอให้ประชาชนในพื้นที่ ต.เสาธงชัย และ ต.โศกขามป้อม จ.ศรีสะเกษเข้าที่บังเกอร์ หลุมหลบภัยด่วน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนหรือครีเอเตอร์ต่างๆงดลงภาพหลุมบังเกอร์หลบระเบิด ภาพจุดสำคัญ หรือบอกพิกัด เนื่องจากตอนนี้กัมพูชาไม่ได้เล็งทหารแต่เล็งประชาชน
ซัดละเมิดอนุสัญญาเจนีวาทำร้ายพลเรือน
ขณะที่พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกแถลงสรุปสถานการณ์อีกครั้งว่า กองทัพบกโดย กองทัพภาคที่ 2 และกำลังสนับสนุนจากกองทัพอากาศยังยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวง ปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เคร่งครัดในกฎกติกา ตามหลักสากล หลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกเดินทางตรงกันข้าม ใช้อาวุธโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือนอย่างไร้ความปรานี เป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน กรณีใช้อาวุธหนักโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทโดนตรวน ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลพนมดงรัก,บ้านเรือนทรัพย์สินของประชาชน และศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยเฉพาะการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชนที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
ทภ.2ล็อคเป้าถล่มทหารเขมร2กองพัน
“กองทัพบกยืนยันดำเนินการเต็มขีดความสามารถที่มี เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ภายใต้กรอบกติกาอย่างเหมาะสม เพื่อปกป้องประชาชน เกียรติภูมิของชาติ ศักดิ์ศรีแผ่นดิน ให้ได้ดีที่สุด”โฆษก ทบ.กล่าว
ขณะที่เพจกองทัพภาคที่ 2 ระบุข้อความว่า ทหารไทยตอบโต้ทหารกัมพูชา พื้นที่ภูมะเขือด้วยปืนใหญ่ เป้าหมายทหารกัมพูชา 2 กองพัน ให้สิ้นซาก
จ่อยกระดับใช้กำลังถ้ายังหยุดเขมรไม่ได้
เวลา 15.00 น.พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทยเปิดเผยว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรขยายความรุนแรง มีการเปิดฉากยิงโดยทหารฝั่งกัมพูชา มีการใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยหลายชนิดเข้ามายังฝั่งไทยหลายพื้นที่ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งทหารและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ตามที่ปรากฏเป็นข่าว โดยการปฏิบัติทางทหาร ตามพระราชบัญญัติ การจัดระเบียบราชการ กระทรวงกลาโหมพุทธศักราช 2551 มาตรา 39 มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็น ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหารสั่งการให้ กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ ตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก มีผบ.ทบ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ มีอำนาจบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศ ทางเรือ สนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบก ตามแผนเผชิญเหตุ
โดยการปฏิบัติการทางทหารมี 2 ขั้นคือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และการยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ มีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชา เพื่อระงับเหตุการณ์ โดยไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชา ทั้งนี้ ถ้าไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลัง สู่ขั้นการป้องกันประเทศระดับต่อไป
“กองทัพไทย ขอประณามการกระทำของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ที่มีเจตนาชัดเจนในการเปิดฉากการรบโดยใช้อาวุธหนักโจมตี โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสีย ต่อพลเรือนสองประเทศ”พลตรีวิทัยกล่าว
ผบ.ทบ.เปิดปฎิบัติการยุทธบดินทร์
ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของพลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หลังรับมอบหมายเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ตอบโต้กัมพูชา ล่าสุดกองทัพบก ได้เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” Operation “YutthaBodin” ทั้งทางบก และอากาศ พร้อมกันนี้ กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ไทยตอบโต้การโจมตีของกัมพูชาจนถึงเวลา 15.00 น.ได้ดังนี้
สรุปผลตอบโต้เขมรได้10จุดสำคัญ
1.ช่องบก ทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลัง2.ช่องอานม้า F16 ทิ้งไข่ที่ตั้งกำลังกัมพูชา3.พื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์ ใช้รถถังเข้าตีเพื่อยึดพื้นที่4.จุดตรวจการณ์ภูผีตรงข้ามปราสาทโดนตวลใช้ F-16 5.ช่องตาเฒ่า จุดตรวจการณ์เขาสัตตาโสมทำลายรถถังกัมพูชาได้ 2 คัน 6.เขาพระวิหาร วัดแก้วฯ ใช้รถถังระดมยิง ส่งทหารราบเข้ายึด7.ภูมะเขือ ที่สามารถทำลายกระเช้าส่งกำลังได้บางส่วน8.ช่องจอม โจมตีกันไปมา9.พื้นที่ปราสาทตาควาย กัมพูชาวางกำลัง ฝ่ายไทยเข้าตีระลอกสอง10.พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ไทยวางกำลัง กัมพูชาพยายามเข้าตี
ปฎิบัติการเอฟ16แม่นยำตามเป้า
เวลา 17.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงสรุปสถานการณ์สู้รบชายแดนไทยกัมพูชาตลอดทั้งวันว่า สถานการณ์ช่วงเย็นวันนี้ ไม่ได้ต่างไปจากช่วงกลางวัน ยืนยันไทยไม่มีเจตนาโจมตีฝ่ายกัมพูชา เพราะไม่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ และไม่มีเหตุผลที่จะไปทำเช่นนั้น หากไม่เกิดความจำเป็น หลังถูกบีบบังคับ เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพบก ดำเนินการภายใต้ความชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในการใช้กำลังตามกฎบัติสหประชาชาติ มาตรา 51 สามารถใช้กำลังป้องกันตนเองจากการถูกโจมตีด้วยอาวุธจากกัมพูชา และการตอบโต้ฝ่ายไทย มุ่งทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้บริหารฝ่ายไทยและกัมพูชา ต้องหาทางเจรจาระดับรัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางสันติวิธี เพื่อแก้ปัญหาต้นเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือน จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเขมรเอง เนื่องจากผิดกฎกติกาสากล
ส่วนกรณีส่งเครื่องบิน F-16 โจมตีกัมพูชาสองรอบ เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการใช้อาวุธสนับสนุนระยะไกลโดยใช้อากาศยาน ถือว่าแม่นยำ และไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายที่นอกเหนือจากแผนที่วางไว้ ฉะนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ สิ่งที่ใช้เป็นไปตามเหตุผลและความจำเป็น และอยู่ในกรอบการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหาร
คาดใช้เวลาอีกระยะแต่อยากจบเร็วที่สุด
โฆษก ทบ.กล่าวต่อว่า ส่วนการสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา ตนไม่ได้รับข้อมูลเป็นทางการ และยังประเมินไม่ได้ว่าการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ต้องใช้เวลากี่วัน แต่เชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ แต่ปรารถนาอยากให้จบลงรวดเร็วและสั้นที่สุด ส่วนปฎิบัติการพื้นที่อื่น เชื่อว่ายังทำงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งสรุปการปฏิบัติการสำเร็จตรงเป้าไม่ได้ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเรามีความพร้อม แผนการมีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติต้องอยู่ในกรอบกติกาสากลไม่เกินกว่าเหตุ
ยันเขมรใช้อาวุธก่อน-ส่งสายลับสอดแนม
“ยืนยันว่ากัมพูชาใช้อาวุธก่อน ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งพื้นที่นี้เริ่มผิดปกติ มีการใช้มวลชน ซึ่งทุกเหตุการณ์มีพัฒนาการของตัวเองและมีการจัดระเบียบ มีที่มาที่ไป และมีความตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ซึ่งเราทราบดี ส่วนข้อสังเกตถึงสายลับ ที่ทำตัวเหมือนประชาชน แล้วแอบถ่ายจำนวนทหารส่งไปให้กัมพูชานั้น ก็ต้องเฝ้าระวังและตรวจสอบต่อไป”โฆษกทบ.กล่าว
สธ.สรุปตาย11เจ็บ28
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขหรือ PHEOC โดยมีการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์กับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุปะทะที่ชายแดนไทยกัมพูชา หลังประชุมนายสมศักดิ์อ่านแถลงประณามกัมพูชา โดยสถานการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นวันนี้ (วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ) นั้นใหญ่หลวงเกินกว่าจะยอมรับได้ จากการโจมตีในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ถึง 35 ราย ในจำนวนนี้ต้องเสียชีวิตถึง 11 ราย และยังมีทหารผู้กล้าของเราได้รับผลกระทบอีก 8 นาย โดยมีรายละเอียดความสูญเสียในแต่ละพื้นที่ดังนี้
จ.สุรินทร์: ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย ส่วนทหารบาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 1 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย จ.อุบลราชธานี ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย จ.ศรีสะเกษ ประชาชนเสียชีวิต 8 ราย โดยเป็นเด็กอายุ 15 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 8 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย และทหารเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จ.บุรีรัมย์: ประชาชนบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย
‘ฮุนเซน’บึ่งไพรเวทเจ็ตไป’จีน’
ส่วนความเคลื่อนไหวจากกัมพูชานายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เดินทางออกจากกรุงพนมเปญ มุ่งหน้าสู่ประเทศจีน โดยใช้เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวรุ่น Hawker 800XP โดยเพจ‘Army Military Force’ ระบุว่า มีรายงานล่าสุด เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว สมเด็จ ฮุนเซน Hawker 800XP เดินทางออกจากกรุงพนมเปญ มุ่งหน้าไปยังประเทศจีน
โกหกหน้าด้านๆฮุนมาเนตโยนไทยยิงก่อน
ขณะนี้นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า เช้าวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม กองทัพไทยเริ่มการโจมตีใส่ฐานที่มั่นของกองทัพกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตากระบือ ในจังหวัดอุดรมีชัย และขยายการโจมตีไปถึงพื้นที่มุมเปรี๊ยะ ขณะที่กัมพูชาแสดงจุดยืนเสมอมาว่าต้องการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี แต่กรณีนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องใช้กำลังอาวุธเพื่อตอบโต้การรุกรานจากฝั่งไทย รัฐบาลกัมพูชา และกองกำลังติดอาวุธของกัมพูชากำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน กล้าหาญ และแน่วแน่ ในการปกป้องอธิปไตย ความสมบูรณ์ของดินแดน และผลประโยชน์ของชาติ ทั้งในสนามรบทางทหาร สนามการทูต และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการรุกรานของทหารไทยครั้งนี้
ร้องUNSCถกด่วนหยุดยั้งการรุกรานของไทย
ในช่วงท้าย ฮุน มาเนต เรียกร้องให้ประชาชนกัมพูชาเชื่อมั่นในรัฐบาลและกองกำลังติดอาวุธที่ยืนหยัดอยู่แนวหน้าในการปกป้องดินแดน ขอให้รักษาความสงบ ความมั่นคงในจิตใจ และดำเนินชีวิตตามปกติ
นอกจากนี้ ฮุน มาเนต ยังส่งจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เรียกร้องให้จัดการประชุมโดยเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี