‘ภูมิธรรม’ไม่ประกาศ‘ภาวะสงคราม’
อ้างแค่เหตุปะทะ
สั่งปกป้องชายแดนไทยเต็มที่
ย้ำตอบโต้ไปตามสถานการณ์
‘บิ๊กเล็ก’ลั่นถึงขั้นนี้ไม่คุยแล้ว
มอบอำนาจให้กองทัพลุยต่อ
ทบ.ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีพลเรือนไทยในพื้นที่ชุมชน เช่นเดียวกับ กต.ที่ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด-ลดระดับการทูต “ทักษิณ” โพสต์หนุนทหารไทยตอบโต้กัมพูชา หลังถูกโจมตีก่อน “แพทองธาร”ประณามกัมพูชา เปิดฉากยิงก่อน ลั่นขณะนี้ไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาแล้ว ระบุ รัฐบาลและกองทัพพร้อม
ปกป้องพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ “บิ๊กเล็ก”ลั่นถึงขั้นนี้ไม่คุยแล้ว มอบอำนาจ ผบ.ทสส.-กองทัพลุยต่อ ซัดเขมรไม่ยอมรับผิด-ไม่จริงใจ ด้าน”ภูมิธรรม” ประณามกัมพูชาใช้ความรุนแรง ยันยังไม่ประกาศภาวะสงคราม ลั่นยังยึดหลักสันติวิธี แต่กัมพูชาที่เป็นฝ่ายเริ่มก็ต้องหยุดโจมตีก่อน
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 กองทัพบกออกแถลงการณ์ ประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบโดยเร็วที่สุด
กต.ประณามเขมรอย่างรุนแรงที่สุด
กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า
1.รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาลอบเข้ามาวางกับระเบิดในดินแดนไทย เป็นผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการของฝ่ายไทย ในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. 2568 รวมทั้ง ได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทยตลอดเช้านี้ รวมถึงเป้าหมายพื้นที่ที่เป็นพลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล จนเป็นเหตุให้ประชาชนบาดเจ็บและเสียชีวิต
เรียกร้องยุติละเมิดก.ม.ระหว่างปท.
2.ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าวจากการที่กัมพูชาจงใจมีการกระทำเป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ กลับประเทศไทย (recall) และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกัน
3.รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำๆ ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความสุจริตใจ อีกทั้งจะยิ่งเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก
4.รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังคงไม่ยุติการกระทำที่เป็นการโจมตีทางอาวุธและละเมิดอธิปไตยของไทยตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ
ถกทบทวนใช้แนวทางเจรจาทวิภาคี
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ไทยจะมีการพิจารณาแนวทางเจรจาทวิภาคี ในที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) พร้อมย้ำว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มแต่เป็นการปกป้องตนเองอย่างสมเหตุสมผลเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติและปกป้องคนไทย ไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ ธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ กฎระเบียบสหประชาชาติและกฎบัตรอาเซียน พร้อมกล่าวว่า การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นการลดระดับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เมื่อลดไปถึงระดับสุดก็จะไปถึงระดับตัดความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย
“ทักษิณ”หนุนทหารไทยตอบโต้กัมพูชา
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ X ระบุว่า วันนี้ ฮุนเซนได้บัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทยแต่เช้า โดยเป็นฝ่ายยิงก่อน หลังจากที่วางกับดักระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งถือว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจริยธรรมของการอยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนบ้านที่ดี จนมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บขาขาดถึง 2 คน รวมถึงประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ไทยเราได้ใช้ความอดทน อดกลั้น เดินตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและการทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีครบถ้วนแล้ว ต่อไปนี้ทหารไทยสามารถตอบโต้ตามแผนยุทธการและกระทรวงการต่างประเทศสามารถกำหนดมาตรการต่างๆ ได้ด้วยความชอบธรรม
“แพทองธาร”ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา
ที่ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มือสั่น เสียงสั่น น้ำตาคลอว่า สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพได้ทำร่วมกันมาตลอด คือการดูแลพี่น้องประชาชน และรักษาไว้ถึงสันติภาพ ความสงบสุข เป็นจุดยืนที่รัฐบาลยืนยันมาตลอด และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยในที่สุดฝั่งกัมพูชาก็เริ่มยิงมาก่อน แต่กลับพูดว่าฝั่งไทยยิงก่อน ปัจจุบันเรามีเครื่องมือมากมาย ในสายตาของชาวโลก จะเชื่อถือกัมพูชาลดน้อยลง สิ่งที่เกิดขึ้นในไทยชัดเจนอยู่แล้วว่า กัมพูชาเริ่มยิงมาก่อน ตนได้คุยกับ รมช.กลาโหม และกองทัพเพื่อเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี ที่จะดูแลพี่น้องประชาชน เป็นห่วงสิ่งที่เกิดขึ้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมรับมือเกี่ยวกับเรื่องอาวุธที่มีตามแนวชายแดน ซึ่งมีความพร้อมมาตั้งนานแล้ว ขณะที่ รมช.กลาโหมก็ได้รายงานข้อมูล ว่าปัจจุบันมีความพร้อมมากขึ้น 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2554
ยันรบ.-กองทัพปกป้องปชช.เต็มที่
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ขณะที่การฝึกฝนของกองทัพก็มีความพร้อมเช่นกัน แน่นอนว่าตั้งแต่แรกเราไม่อยากให้เกิดความรุนแรง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว กองทัพก็เตรียมความพร้อม จริงๆ แล้วเราจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ไม่มีเครื่องมือใดสำคัญเท่าความสามัคคีของคนในชาติ เพราะฉะนั้น วันนี้สิ่งที่รัฐบาลและกองทัพพยายาม และพยายามมาตลอด คือไม่อยากให้พี่น้องประชาชนต้องเสียชีวิตต้องบาดเจ็บ เรารักคนไทยของเรา เรารักประเทศชาติของเรา เราไม่อยากให้มีใครได้รับผลกระทบและความเจ็บปวด แต่ไม่ทราบว่าทางเขาคิดอย่างไรกับประชาชนของตัวเอง รัฐบาลและกองทัพทำเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และขณะนี้ นายภูมิธรรมได้สั่งการให้ดูแลประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงเตรียมความพร้อมกรณีจำเป็นต้องมีการอพยพประชาชน ทั้งนี้ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ และขอให้ประชาชนช่วยกันให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่
ลั่นไม่ได้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้ความพยายามเจรจาแบบสันติวิธี ถึงเวลาที่ควรพิจารณายกเลิกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ทางกองทัพพยายามอย่างมาก รวมถึง รมช.กห.เองก็ได้รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออย่าให้ตอบโต้อะไร แม้รัฐบาลหรือกองทัพเองจะโดนต่อว่า ถึงการตอบโต้ช้า แต่เราเห็นเป้าหมายที่สำคัญว่าไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ รัฐบาลจึงไม่ตอบโต้และอดทน เพราะชีวิตสำคัญที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราคิดมาเสมอ แต่วันนี้รมช.กห. เองก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ท่านเองก็อดทน ผบ.ทบ.หรือหัวหน้างานผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็อดทนต่อสิ่งยั่วยุ ต่อการที่เข้าไปเจรจาแล้วไม่เป็นอย่างที่พูด เราไม่เคยทำร้ายเขา ถึงจุดนี้ตนภูมิใจและมั่นใจในตัวรัฐบาลและกองทัพ ว่าได้ทำทุกอย่างเป็นผู้ใหญ่และเป็นระบบ รักษาไว้ถึงสันติภาพจนถึงที่สุด รัฐบาล และกองทัพได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้ขอส่งกำลังใจให้รัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ ขอให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้เร็วที่สุด ตนเองหากมีอะไรที่ช่วยได้จะพยายามทำให้เต็มที่ในบทบาทของคนไทยคนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่และโดนพลเรือนไทยได้รับบาดเจ็บ จะบอกกับประชาคมโลกหรือไม่ว่าเป็นการกระทำที่ผิดยุทธวิธี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องประณามอย่างแน่นอน ประชาชนที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และไม่ใช่ทหารด้วยกัน ยิงมาแล้วชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ทั่วโลกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ก็พร้อมประณามเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
“บิ๊กเล็ก”ลั่นถึงขั้นนี้ไม่คุยแล้ว
ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก.ถึงเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับเขมร บริเวณใกล้ปราสาทตาเมือนธมว่า ถ้าถึงขั้นนี้ก็คงไม่คุยกันแล้ว ขอย้อนไปก่อนหน้านี้เราพยายามเชิญชวนให้มาคุยทวิภาคี เพื่อแก้ปัญหาด้วยการพูดคุยในกระบวนการที่เรามีอยู่ สิ่งที่ตนยื่นให้เขาเสมอคือ ทั้งสองฝ่ายต้องเคลื่อนย้ายกำลังพลออกจากชายแดน เพราะถ้ายังอยู่อาจมีเหตุการณ์ที่กระทบกระทั่งกันได้ ที่ผ่านมาจากประสบการณ์ตน ทหารกัมพูชาค่อนข้างไม่มีวินัยและยั่วยุ แต่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาของเขาบอกว่า ยึดแนวทางสันติ เพราะฉะนั้น ตนมองสองอย่าง ผู้บังคับบัญชาไม่จริงใจ ไม่ดำเนินการสอบสวนความเป็นจริง หรืออีกอย่างคือ รัฐบาลไม่จริงใจ
มอบอำนาจ“ผบ.ทสส.-กองทัพ”ลุยต่อ
ดังนั้น จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 กรกาคมได้หารือกับกองทัพและตกลงใจว่า มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.)ดำเนินการต่อไป โดยจะหารือกับผบ.เหล่าทัพ เป็นไปตามพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 มาตรา 39 จากที่หารือกันแล้วแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ขออนุญาตวางลวดหนามในพื้นที่ที่ทหารกัมพูชามักล่วงล้ำเข้ามา เพราะจากเหตุการณ์วันที่ 23 ก.ค.แสดงว่า นอกจากเข้ามาแล้วยังประสงค์ร้ายกับฝ่ายไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า บริเวณชายแดน จ.จันทบุรี ตราด สระแก้ว ตรงนี้จะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ที่หารือกันเบื้องต้น ณ วันนี้ปิดบริเวณด่านชายแดนทั้งหมดแล้ว ซึ่งว่าตามกองทัพ ให้กองทัพมีความชอบธรรมในการปฏิบัติ จริงๆอำนาจให้กองทัพไปแล้ว เพียงแต่ ศบ.ทก.มารับทราบและเห็นชอบ บทบาทของ ศบ.ทก.หลังจากนี้คือ ให้การสนับสนุนกับกองทัพไทยในการจัดการ ตนคงให้ความสำคัญไปทางกองทัพมากกว่า การประชุมจะมอบให้เลขาธิการ สมช.ดูต่อไป
ซัดเขมรไม่ยอมรับผิด-ไม่จริงใจ
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกัมพูชาไม่ยอมรับผิดเลย ไทยจะมีสิทธิไปยื่นสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือประเทศอื่นๆ ให้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ รมช.กลาโหม กล่าวว่า “แล้วท่านคิดว่าที่ผ่านมาเขายอมรับผิดเรื่องไหนบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งผมได้เห็นถึงความไม่จริงใจ แต่ขณะเดียวกัน เราจะไปทำแบบนั้นก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นศีลเสมอกัน แล้วเวลามีปัญหาจะต้องมาพิจารณา สอบสวน ตรวจสอบ ไต่สวนกัน กลายเป็นว่าเราเป็นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราต้องยึดมั่นคำพูด อะไรที่ใช่ อะไรที่ถูกหรือไม่ถูก ก็ต้องเป็นไปตามนั้น เราจะไม่ทำศีลเสมอกันกับเขา”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้อย่างไรว่า เหตุการณ์จะไม่บานปลายกว่านี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เราพยายามไม่ให้บานปลาย แต่ถ้าเขาล่วงล้ำหรือละเมิดก็คงไม่สามารถจะหยุดได้ คงต้องว่าไปตามกระบวนการ เรามีกฎของเราอยู่ มีกฎหมาย กฎการใช้กำลัง ซึ่งได้กำหนดไว้แล้ว โดยเหล่าทัพทราบดี
‘ภูมิธรรม’ประณามเขมรโจมตีก่อน
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีเหตุปะทะกัน ซึ่งกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาก่อน โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน ทำให้ประชาชนไทยเสียชีวิต 11 คน เป็นพลเรือน 10 คน ทหาร 1 คน บาดเจ็บ 28 คน เป็นพลเรือน 24 คน ทหาร 4 คน จึงขอประณามการกระทำโดยไม่ได้ยึดกฎหมายของประเทศ ขอประณามการใช้อาวุธหนักที่รุนแรง ไม่มีเป้าหมาย ไม่ได้จำกัดเฉพาะเขตการต่อสู้ บางลูกยิงไปในปั๊มน้ำมัน ยิงไปที่โรงพยาบาล
ยืนยันยังไม่ประกาศสงคราม
“ขณะนี้ยังไม่ประกาศสงคราม แต่เป็นการปะทะกัน ซึ่งไทยยังยืนยันการใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นยั่วยุของกัมพูชามาโดยตลอด ส่วนไทยป้องกันตนเองและป้องกันอธิปไตยของประเทศ จะไม่ยอมให้มีการล้วงล้ำ จึงทำหน้าที่อย่างกำลัง อีกทั้งจุดที่ทหารเหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด เป็นพื้นที่ที่ไทยเคยลาดตระเวน ขณะนี้ได้ให้อำนาจของทหาร ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามความจำเป็น โดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งปัจุบันเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ โดยได้กำชับให้กระทรวงมหาดไทย อพยพประชาชนในระยะ 50 กิโลเมตรจากแนวชายแดน” นายภูมิธรรม กล่าว
เจรจากันได้ถ้ากัมพูชายอมหยุดก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในระดับรัฐบาลจะมีการเจรจากันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องให้ทางกัมพูชายุติความรุนแรงก่อน เพราะไทยไม่ได้เริ่ม หากกัมพูชาแสดงความจริงใจต่อกันก็คุยได้ แต่ขณะนี้ยังรู้สึกว่าทางฝ่ายกัมพูชายั่วยุและเป็นคนริเริ่ม จึงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนต่าง ๆ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชน แต่ยืนหยัดในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ และรัฐบาลจะรับผิดชอบดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงสถานการณ์ต่างๆ ต่อเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องมีประเทศตัวกลางพูดคุย พร้อมยืนยันว่าโดยหลักการเมื่อบุกเข้ามาในไทย เราต้องปกป้องตัวเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี