วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จับพิรุธข้อมูล‘ชั้น 14 รพ.ตำรวจ’ ข้อสงสัย‘ทักษิณ’ป่วยจริงหรือไม่?

นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จับพิรุธข้อมูล‘ชั้น 14 รพ.ตำรวจ’ ข้อสงสัย‘ทักษิณ’ป่วยจริงหรือไม่?

วันเสาร์ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.17 น.
Tag : ทักษิณ หมอตุลย์ ชั้น14
  •  

รายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” วันที่ 22 ก.ค. 2568 พูดคุยกับ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในประเด็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำลังไต่สวนกรณีการส่งตัว ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุก 1 ปี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่ากระทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ ป่วยหนักเกินกำลังของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จนถึงขั้นต้องส่งตัวไปรักษาภายนอกเรือนจำจริงหรือไม่ 

โดย นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ขณะนี้ไต่สวนไปแล้ว 5 นัด ยังเหลืออีก 2 นัด แบ่งเป็นฝ่ายโจทก์ ครั้งนี้จะเป็นแพทยสภาที่เข้าไปให้ข้อมูล ซึ่งได้ส่งเอกสารชี้แจงไปก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากเรื่องนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ และอีกนัดจะเป็นของฝ่ายจำเลย ซึ่งจะมี วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ไปชี้แจง อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าเป็นเรื่องยากที่นายวิษณุจะแก้ต่างให้จำเลยได้ โดยต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2566 เวลานั้นนายวิษณุเป็นรองนายกฯ และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แทน สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ลาออกไปเมื่อเดือน พ.ค. 2566


ซึ่งในช่วง 2 – 3 เดือนก่อนถึงวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่นายทักษิณจะเดินทางกลับประเทศไทย ตนได้ข้อมูลมาว่าในวันที่ 26 ก.ค. 2566 ทางเรือนจำทราบแล้ว และดูเหมือนว่า รพ.ตำรวจ อาจรู้ด้วย คือไม่ใช่ข้อมูลที่เพิ่งแจ้งกันล่วงหน้าเพียง 1 – 2 วันก่อนที่นายทักษิณจะมา โดยเมื่อเทียบกับการที่ตัวแทน รพ. ตำรวจ ไปให้ข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กับที่ไปให้การในศาล ก็ดูจะไม่ค่อยตรงกัน

“ยกตัวอย่างง่ายๆ ในศาลบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ Refer (ศูนย์ประสานงานระบบส่งต่อผู้ป่วย) ติดต่อมา แต่เวลาไปให้การกับ กสม. บอกห้องฉุกเฉินติดต่อมา ทั้งที่ความเป็นจริงทักษิณไม่เคยไปโผล่ห้องฉุกเฉินเลย มันหลายจุดไปหมด ผมเรียกว่าโป๊ะแตก เยอะมาก ต้องไล่จนจบ จุดเริ่มต้นจะย้อนกันตั้งแต่ปี 2564 สมัยที่สมศักดิ์ เทพสุทิน ยังเป็น รมว.ยุติธรรม ก็เป็นคนที่ Create (สร้าง) 2 อย่าง คือ 1.กฎกระทรวงในการส่งตัว กับ 2.กฎกระทรวงและประกาศในการพักโทษกรณีพิเศษ มี 2 อันที่ Create ในช่วงนั้นเพื่อที่จะเอามาใช้การช่วงนี้”

กระบวนการดังกล่าวตนติดตามดูมาตลอด ต้องย้อนกลับไปดูคำกล่าวอ้างที่ว่ามีการส่งตัวผู้ป่วยได้ โดยอ้างอำนาจ ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 55 ประกอบกับกฎกระทรวง จากนั้นเมื่อครบ 180 วัน ก็เข้ากระบวนการพักโทษโดยอ้างเกณฑ์อายุ 70 ปีขึ้นไปของผู้ต้องขัง แต่กระบวนการเหล่านี้ยังมีรายละเอียดอีกมากและเผยให้เห็นข้อพิรุธ ส่วนการที่แพทยสภาจะเข้าไปให้การในศาล ก็จะเป็นการยืนยันทางการแพทย์ เพราะคนที่ไปก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับครูบาอาจารย์ในราชวิทยาลัย เช่น เมื่อมีบันทึกแบบนี้แล้วท่านจะมีความเห็นอย่างไร

โดยจะเป็นการสอบทานอย่างละเอียด ตั้งแต่วันแรกที่นายทักษิณเข้าสู่เรือนจำแล้วแจงอาการป่วยกับพยาบาลเวรในเรือนจำ เช่น มีอาการหัวใจขาดเลือด แต่ข้อพิรุธคือใช้เวลา 2 ชั่วโมง จึงส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวได้ ซึ่งหากนายทักษิณมีอาการดังกล่าวจริงสภาพก็คงแย่แล้ว แต่เมื่อไปถึง รพ.ตำรวจ ใบส่งตัวกลับระบุว่าเป็นโรคหัวใจ แต่ก็อาจมีองค์ประกอบอื่นๆ ประกอบซึ่งไม่ได้ถูกเขียนไว้ จะมีแต่เขียนเรื่องโรคหัวใจเป็นหลัก

ซึ่งเมื่อแจ้งศูนย์ Refer แล้วตามตอนคือศูนย์ Refer จะแจ้งแพทย์เวร แต่กลายเป็นแพทย์เวรคือหมอผ่าตัดสมอง แต่จริงๆ แล้วหากเป็นโรงพยาบาลใหญ่ๆ แพทย์เวรไม่ได้มีเพียงคนเดียว แต่มีในหลายแผนกและต้องเลือกแพทย์ให้ตรงแผนก นี่ก็เป็นพิรุธอีกจุดหนึ่ง ขณะที่คำให้การในศาล แพทย์เวรกล่าวว่าอยู่บ้าน แต่ในการไปให้ข้อมูลกับ กสม. กลับบอกว่าคนรับคนไข้ (ซึ่งไม่รู้ว่าใคร) อยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน คือตนไม่ได้ฟังเฉพาะคำให้การในศาล แต่ฟังจากหลายๆ ที่ ก็มีคำถามว่ามีความขัดแย้งกันเองหรือไม่

“หรือแม้กระทั่งวันต่อวัน คนนี้ให้การไว้อย่างหนึ่ง คนที่ใกล้ชิดกันเลย เช่น ราชทัณฑ์ด้วยกันปรากฎว่าให้การต่างกัน กลับมาที่โรคก็คือมีว่าด้วยเรื่องโรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ตามปกติแล้วที่ รพ.ราชทัณฑ์ก็มียาที่จะรักษา ก็คือยาอมใต้ลิ้น อาการจะแน่นหน้าอก ถ้าเอาแบบคลาสสิกเลยก็จะร้าวไปที่คางที่คอข้างซ้ายแล้วก็ลงที่แขนซ้าย แต่นั่นคือกล้ามเนื้อหัวใจห้องบน ถ้าเกิดเป็นหัวใจห้องล่างจะจุกแน่น อาการจะคล้ายโรคกระเพาะ

แต่เขาบอกแน่นหน้าอก ที่เขาตรวจก็ความดันโลหิตสูง อันนี้น่าแปลกใจนะเพราะเขาให้การว่าทักษิณเป็นโรคประจำตัวและมียารักษามาตลอด บอกว่ายานอก ปรากฏว่าพอจะเข้าเรือนจำไม่มียาติดตัวมาแม้แต่เม็ดเดียวซึ่งผมว่าประหลาดมาก ผมเป็นหมอผมต้องถามว่าเป็นโรคประจำตัว คุณมียาติดตัวมาไหม? ถ้าไม่มีก็ต้องบอกให้ญาติรีบไปเอามานะ นี่คือวิสัยของหมอ”

อย่างคนมีโรคประจำตัวเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ แพทย์ที่นั่นก็ควรถามว่าไม่มียาอะไรมาเลยหรือ? หากมีก็ขอดูหน่อย เพราะแพทย์ก็ต้องการรู้ว่าผู้ป่วยกินยาอะไรในปริมาณเท่าใด เพื่อจะได้บันทึกไว้ จากนั้นเมื่อนายทักษิณถูกส่งตัวไป รพ.ตำรวจ ซึ่งเป็นโรคพยาบาลขนาดใหญ่ แพทย์ทุกคนย่อมต้องรู้ว่าเมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดก็ต้องตรวจคลื่นหัวใจ เจาะเลือดตรวจเอนไซม์หัวใจ หากครั้งแรกไม่ขึ้นแต่ครั้งหลังขึ้น ใช้เวลาติดตามผลอีกประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็จะรู้แล้วว่าป่วยด้วยโรคดังกล่าวจริงหรือไม่

ซึ่งตนไม่ได้เห็นเอกสารการตรวจ แต่ทราบจากแพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ที่พยายามหาจากเอกสารแล้วไม่พบเรื่องเอนไซม์หัวใจ และการตรวจคลื่นหัวใจตลอดหลายวันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยขอให้สังเกตใบรับรองแพทย์ที่ รพ.ตำรวจ ส่งไปให้ทางเรือนจำ จะต้องผ่านผู้บัญชาการเรือนจำขึ้นไปที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งหมายถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ไม่มีการกล่าวถึงโรคหัวใจและยาที่ใช้รักษา และนี่จะเป็นประเด็นที่ศาลถามว่าเมื่อส่งมาแบบนี้ ได้ยาเพียง 2 ตัวนี้   ผลตรวจแบบนี้ ท่านคิดว่ายังเป็นโรคหัวใจอยู่หรือไม่

ทั้งนี้ ขออธิบายว่า หลายคนอาจมีอาการแบบนี้ก็ได้ คือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเรื้อรัง หรือเส้นเลือดตีบเรื้อรัง หลายคนอาจกินยาแอสไพริน หรือกินยาพลาวิกซ์ (Plavix) แบบเดียวกับที่นายทักษิณใช้ หรืออย่างเส้นเลือดสมองตีบก็ใช้ยาได้ ซึ่งคำเรียกที่ถูกต้องคือ “ยาต้านเกล็ดเลือด” (ไม่ใช่ยาสลายลิ่มเลือด) โดยยาที่เกี่ยวกับลิ่มเลือดจะมี 3 ชนิด คือ 1.ยาต้านเกล็ดเลือด 2.ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และ 3.ยาสลายลิ่มเลือด โดยยาสลายลิ่มเลือดหมายถึงแข็งไปแล้วจึงต้องกินเพื่อให้สลาย แต่อีก 2 ตัวแรกคือยาที่ใช้เพื่อป้องกันการแข็งตัวของเลือด  

โดยกรณีของนายทักษิณนั้นใช้ยาต้านเกล็ดเลือด ซึ่งถือเป็นขั้นแรกและเบามาก แต่หากบอกว่ามีเป็นโรคเฉียบพลันต้องใช้ยาอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ดูแล้วมีแต่ยาลดความดันกับยาขยายหลอดลม อีกทั้งนายทักษิณก็อาการดีขึ้น ดังนั้นโจทย์ที่ตั้งไว้ กรณียกประโยชน์ให้จำเลย คือมีอาการจริงแต่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจหรือโรคปอด แต่แพทย์ รพ.ราชทัณฑ์ ก็สามารถรับไว้รักษาต่อได้ แต่ทางราชทัณฑ์บอกว่า รพ.ตำรวจ ไม่เคยประสานกลับมา โดยการประสานมีเพียงครั้งเดียวคือ 30 วัน  แล้วก็มีเรื่องอาการนิ้วล็อกโผล่มา

“แพทยสภาจะมาดูสเต็ปหนึ่ง ใช่โรคหัวใจหรือเปล่า? สเต็ปสองนิ้วล็อกจำเป็นต้องผ่าตัดหรือเปล่า? คือมี 30 60 120 วัน ดังนั้นถ้าเกิดว่าไม่มี แม้กระทั่งในกระบวนการไต่สวนก็มีคำถามเป็นระยะๆ ว่าขั้นตอนนี้กลับราชทัณฑ์ได้หรือยัง? ตรงนั้นคุณจะผ่าตัดจริง ตั้งข้อสังเกต ผ่าวันปิยมหาราช วันหยุดราชการ นี่ก็เป็นอันที่ชวนสงสัย คือเอกชนเขาผ่าได้ โรงพยาบาลรัฐเขาจะผ่าเฉพาะคืออย่างไรต้องรักษา เช่น ลำไส้อุดตัน เลือดออกในสมอง หรือเส้นเลือดหัวใจตีบแล้วขยายหลอดเลือด คือถ้าไม่ทำดับไปเดี๋ยวนี้ นี่เขามีอาการเจ็บมาตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม เขาว่าอย่างนั้นนะ พอมาวันที่ 23 ก็แปลก ไม่ว่ากัน รักษาไป”

ส่วนคำถามว่าเหตุใดต้องเลือกผ่าตัดวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งตรงกับวัยปิยมหาราชและเป็นวันหยุดราชการ ตนก็ไม่ทราบ อาจเป็นเพราะไม่อยากให้ใครรู้เห็นก็ได้ว่าผ่าจริงหรือไม่ ส่วนการไปนอนพักรักษาตัวที่ห้องพักชั้น 14 ของ รพ.ตำรวจ คำถามว่าเป็นห้องพิเศษหรือห้องแยกหรือไม่ก็ยังอ้ำๆ อึ้งๆ ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวง ข้อ 4 ระบุว่าให้บรรจุตามสิทธิ์ของผู้ป่วยเดิม แต่จะต้องไม่เป็นห้องพิเศษแยกจากผู้ป่วยอื่น อย่าง รพ.ตำรวจก็จะมีห้องขังอยู่บนชั้น 5 ของตึกเฉลิมพระเกียรติ ปรากฏว่าไมไป และห้องฉุกเฉินก็ไม่ได้ไป

แต่ตามหลักคือต้องไปห้องฉุกเฉินก่อน หากคนไข้ป่วยวิกฤตจริงจะไปชั้น 14 ไม่ได้เพราะผิดหลักการแพทย์ เช่น หากป่วยวิกฤตด้วยโรคหัวใจจริง ตามขั้นตอนต้องไปอยู่ห้อง CCU (Cardiac Care Unit) คือเป็นหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักของโรคหัวใจโดยเฉพาะ ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่านายทักษิณไม่น่าจะป่วยวิกฤตจากโรคหัวใจจริง แต่ป่วยด้วยโรคอื่นซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็สามารถรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ได้ ตนย้ำว่าไม่ได้ฟังจากแหล่งใดแหล่งเดียว แต่ฟังแล้วเชื่อมโยงเทียบเคียงว่าสามารถกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ได้

หรือแม้แต่ตอนรายงานที่ 120 วัน อ้างว่ากระดูกคอเสื่อมกดเส้นประสาทซึ่งต้องผ่าตัด แต่ในใบรับรองแพทย์ของแพทย์ที่ถูกลงโทษไปแล้วก็มีข้อมูลบอกว่านายทักษิณปฏิเสธการผ่าตัดคอ หรืออีกข้อสังเกตคือที่บอกว่าอาการทั้งที่สมอง หัวใจและปอด จึงต้องอยู่ดูแลต่อไม่สามารถกลับได้ และคนที่รับทราบคือ พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม ซึ่งเดชะบุญที่เขียนมาให้เพียงรัฐมนตรีรับทราบ แต่จริงๆ การรับทราบควรตรวจสอบด้วยไม่ใช่เพียงรับทราบเฉยๆ

“ทักษิณอยู่ (รพ.ตำรวจ) ถึง 180 วัน ปรากฏ 120 – 180 วันไม่มีการผ่าตัด นั่นก็แสดงว่าใบรับรองแพทย์ 120 วันเก๊ ใครเขียนก็รับผิดชอบไปก็แล้วกัน ผมไม่เอ่ยชื่อ 60 วันที่อยู่ฟรีๆ แล้วก่อนหน้านั้นผ่าไหล่ตั้งแต่เดือนตุลาคม ก็แสดงว่ามีอย่างน้อย 120 วันที่มาอยู่ ต้องขอใช้คำว่าสุขสบาย เพราะที่คุณบอกว่าเป็นห้องพิเศษ ชั้น 14 เป็นห้องพิเศษแยก ที่อ้างว่าไว้แยกโควิด เฉพาะข้าราชการตำรวจชั้นนายพลเท่านั้น พลเรือนต้องเป็นอธิบดี แล้วคนภายนอกได้ไหม? ได้! ต้องเป็นนายแพทย์ใหญ่อนุญาตเท่านั้น คุณจะญาติใครก็ตาม เพราะว่าแม้คุณไปแซงข้าราชการตำรวจ หรือถ้ายังว่างอยู่ ถ้าเกิดปุ๊บต้องนายแพทย์ใหญ่เท่านั้น”

อย่างระเบียบของ รพ.ตำรวจ ก็มีเขียนไว้เช่นกันเรื่องการรับผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังต้องอยู่ในพื้นที่ทีกำหนดไว้ ก็คือห้องชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ยกเว้นจากการสั่งการของนายแพทย์ใหญ่ ส่วนคำถามว่า ก่อนหน้านี้เคยมีอดีตรักษาการแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ออกมาเปิดเผยว่า เคยมีกรณีนักโทษคดีใหญ่ด้านเศรษฐกิจถูกจับส่งกลับมาจากต่างประเทศ แล้วรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้นสั่งการให้เตรียมห้องชั้น 14 ไว้ กรณีของนายทักษิณอาจมีผู้เกี่ยวข้องระดับสูงกว่าแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ หรือไม่ ตนมองว่าเรื่องนี้อาจเกินไปกว่าระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเลยก็ได้

หมายเหตุ : สามารถรับชมรายการ “สีสันการเมือง แบบ เด้งเด้ง” ดำเนินรายการโดย บุญระดม จิตรดอน ทางช่องยูทูบ “แนวหน้าออนไลน์” ทุกวันอังคาร-พฤหัสบดี เวลา 11.00-12.00 น. โดยประมาณ           

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ทักษิณ’ เผยยุทธการทางทหาร 3 เหล่าทัพมาครึ่งทางแล้ว ย้ำไทยไม่เสียเปรียบทางการทูต ‘ทักษิณ’ เผยยุทธการทางทหาร 3 เหล่าทัพมาครึ่งทางแล้ว ย้ำไทยไม่เสียเปรียบทางการทูต
  • ‘ทักษิณ’ ลั่น ‘คนเราต้องมีวันจบ’ เชื่ออีกไม่นานเรื่องราวยุติ ย้ำปัญหาขัดแย้งตอนนี้ไม่ใช่เรื่อง 2 ตระกูล ‘ทักษิณ’ ลั่น ‘คนเราต้องมีวันจบ’ เชื่ออีกไม่นานเรื่องราวยุติ ย้ำปัญหาขัดแย้งตอนนี้ไม่ใช่เรื่อง 2 ตระกูล
  • \'หมออั้ม\' เผย \'ทักษิณ\' ควักเงินส่วนตัวหลาย 10 ล้าน ซื้อโดรนทหาร มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ประเทศ 'หมออั้ม' เผย 'ทักษิณ' ควักเงินส่วนตัวหลาย 10 ล้าน ซื้อโดรนทหาร มอบเป็นของขวัญวันเกิดให้ประเทศ
  • \'ทักษิณ\'ซัด​\'เขมร\'ใช้ไม่ได้ โจมตีพลเรือน ประเมินสถานการณ์สู้รบไม่ยืดเยื้อ 'ทักษิณ'ซัด​'เขมร'ใช้ไม่ได้ โจมตีพลเรือน ประเมินสถานการณ์สู้รบไม่ยืดเยื้อ
  • บุกด่า\'ทักษิณ\' เป็นเพื่อน\'ฮุน เซน\' ทำไมปล่อยเขามายิงคนไทย!! บุกด่า'ทักษิณ' เป็นเพื่อน'ฮุน เซน' ทำไมปล่อยเขามายิงคนไทย!!
  • \'อดีตบิ๊ก ศรภ.\'เผยเบื้องหลังความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ชี้เขมรจงใจโจมตีพลเรือนเพื่อกดดันไทย 'อดีตบิ๊ก ศรภ.'เผยเบื้องหลังความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ชี้เขมรจงใจโจมตีพลเรือนเพื่อกดดันไทย
  •  

Breaking News

ในหลวง มีพระราชสาส์น อำนวยพรไปยังประธานาธิบดีมัลดีฟส์ เนื่องในโอกาสวันเอกราช

โซเชียลเดือด! หนุ่มอุบลฯถาม'ทักษิณมาทำไม' จวกสส.ชวนร้องเพลงวันเกิดในค่ายผู้อพยพ

'แพทองธาร'ลงพื้นที่สุรินทร์พรุ่งนี้ เยี่ยมผู้ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-เขมร

เดือดต่อเนื่อง! 'กริพเพน-F16'ทิ้งบอมบ์รอบ2 โจมตีฐานทหารกัมพูชาปราสาทตาควาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved