อ้างไทยยิงก่อน/วอนหยุดโจมตี
‘เขมร’แถกลางUN
รบ.ไทยอัดกลับพวกอาชญากร
‘แม้ว’เยือนศูนย์อพยพอุบลฯ
ชาวบ้านด่าสมคบกับ‘ฮุนเซน’
การประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา เสร็จสิ้นลงแล้ว ผู้แทนฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องหยุดยิงทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข อ้างฝ่ายไทยโจมตีก่อน ขณะที่ บัวแก้ว ซัดกลับพวกอาชญากร “ทักษิณ” เหน็บฮุนเซน เพื่อนรักเก่า ใช้ไม่ได้ ปัดขัดแย้ง 2 ตระกูล จุดชนวนสงคราม ชาวบ้านสุดทนบุกด่ายับ
สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก รายงานวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 25 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก หรือตรงกับ 02.00 น. ของคืนที่ผ่านมา ตามเวลาในไทย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council)หรือ UNSC ได้จัดการประชุมลับสมัยพิเศษเพื่อหารือสถานการณ์รุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตามคำร้องขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา หลังเกิดการสู้รบกับไทยหนักติดต่อกันถึง 2 วัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 ศพ บาดเจ็บนับสิบราย และมีประชาชนกว่าแสนรายต้องอพยพ
เขมรแถกลางยูเอ็น
หลังการประชุมสิ้นสุดลง นายเจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำยูเอ็น แถลงต่อสื่อมวลชนว่า กัมพูชาได้ยื่นข้อเสนอขอให้มีการหยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข และขอให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้งด้วยสันติวิธีตามแนวทางการทูต พร้อมกล่าวแย้งคำกล่าวหาของไทยที่ระบุว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน
ขณะที่ฝ่ายไทย ไม่ได้มีการออกมาแถลงใดๆ แต่ก่อนหน้านี้ นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า ความรุนแรงเริ่มลดระดับลงในช่วงบ่ายของวันศุกร์ ตามเวลาในไทย และประเทศไทยพร้อมเปิดช่องทางเจรจา ทั้งในระดับทวิภาคีหรือผ่านทางมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน โดยระบุว่า หากกัมพูชาต้องการใช้ช่องทางการทูต เราพร้อมตอบสนอง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตอบกลับ
ชี้เขมรโจมตีไม่เลือก
นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ แถลงในการประชุมส่วนตัวของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ภายใต้หัวข้อ “ภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” ที่ห้องประชุมคณะมนตรีความมั่นคง สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, นครนิวยอร์ก สาระสำคัญระบุฝ่ายเขมรโจมตีไม่เลือกหน้า ฝ่ายไทยจึงต้องทำการตอบโต้เต็มกำลัง
รัฐบาลอัดฮุนมาเน็ตโกหก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า กรณีที่ นาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเลือกใช้ Facebook กล่าวหาไทยโดยมีข้อความว่า ตนเอง ยอมตกลงหยุดยิงกับ ประธานอาเซียน “อันวาร์” แล้ว วันที่ 24 ก.ค. 68 เวลาเที่ยงคืน แต่ “ภูมิธรรม” ตัวแทนฝ่ายไทยกลับลำ ปฏิเสธข้อตกลงรอคุยใหม่ไม่มีกำหนด!นั้น ขอเรียนว่า ในการพูดคุยทางโทรศัพท์ ระหว่างนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน เป็นการโทรศัพท์พูดคุยระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรักษาการนายกรัฐมนตรีเพียงสองต่อสองเท่านั้น ไม่มีนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เข้าร่วมประชุม3สายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เนื้อหาของการหารือเป็นการเสนอหยุดยิงในเวลา 24.00 น. ซึ่งนายภูมิธรรมฯ ได้รับข้อเสนอในประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณา โดยขอตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด จากนั้นฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลไทยได้รายงานว่า กองทัพกัมพูชาไม่มีท่าทีท่าว่าจะลดการเผชิญหน้า มีแต่เสริมกำลังเข้าสู่ชายแดนไทยกัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด และยังระดมกำลังยิงปืนใหญ่ รวมทั้งจรวดหลายลำกล้องเข้าพื้นที่ของพลเรือนอย่างต่อเนื่อง รักษาราชการนายกรัฐมนตรี จึงได้โทรศัพท์กลับไปชี้แจงกับประธานอาเซียนอีกครั้งว่า กองทัพกัมพูชายังเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่าปัญหาดังกล่าวนี้เป็นเพราะท่าทีของกัมพูชายังไม่หยุดเสริมกำลัง และระดมยิงพื้นที่พลเรือนอย่างไร้มนุษยธรรม เป็นอาชญากรรมสงคราม โดยพบว่า พื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ทิศเหนือ จังหวัดอุบลราชธานีมาจนถึงทิศใต้ ที่จังหวัดตราด กองทัพกัมพูชาได้ระดมกำลังเข้ามาประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่อง และมีรายงานว่า เป็นภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่ออธิปไตยของไทย จึงได้ประกาศกฎอัยการศึก ใน2จังหวัดดังกล่าว
ซัด”ฮุน มาเนต”โกหก
ส่วนการที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชาออกมาใช้โซเชียลมีเดีย Facebook โพสต์กล่าวหาว่าไทย ไม่ยอมรับในข้อตกลงนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นจริง
รัฐบาลไทยขอขอบคุณ ประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม สำหรับข้อเสนอหยุดยิงและพร้อมพิจารณา แต่ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชายังคงโจมตีไทยอย่างต่อเนื่องตลอดวันโดยไม่เลือกเป้าหมายและยังพบว่าโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนอย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้นการหยุดยิงใด ๆ ต้องมีเงื่อนไขที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ โดยฝ่ายไทย ต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชนและขณะนี้ การกระทำของฝ่ายกัมพูชายังคงแสดงออกถึงความไม่จริงใจ และยังคงทำให้คนไทยตกอยู่ในอันตราย ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติและพี่น้องประชาชนจนถึงที่สุด” นายจิรายุ กล่าว
ทักษิณอัดเพื่อนเก่าใช้ไม่ได้
นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนการลงพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี เพื่อให้กำลังใจ กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชาว่า วันนี้ตนจะลงไปดูว่า เขาเป็นอยู่อย่างไรบ้าง เพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่กัมพูชา ใช้อาวุธโจมตี มายังบ้านเรือนประชาชนและโรงพยาบาล โดยไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม นายทักษิณ กล่าวว่า ใช้ไม่ได้ ไม่มีที่ไหนในโลก เขาทำกัน ถูกประณามจากทั่วโลก ของเราขนาดใช้ F-16 เรายังระวัง ใช้เฉพาะพื้นที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการสื่อสารไปยังต่างประเทศอย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวยอมรับว่ามีหลายประเทศ อยากเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย แต่เราถือว่าเป็นเรื่องของสองประเทศต้องคุยกัน เพราะหากคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าใครมาไกล่เกลี่ยก็เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าอยู่ๆจะทำอะไรก็ทำ พร้อมกับระบุถึงสาเหตุเริ่มต้นเกิดจากการปลุกกระแสนิยมภายในประเทศของเขามากเกินไป แต่ภายหลังก็กระทบกับผลประโยชน์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้น
เชื่อศึกนี้ไม่น่ายืดเยื้อ
เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์ครั้งนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่น่าจะยืดเยื้อ ที่ผ่านมาเขาบุกรุกอธิปไตย ส่วนบริเวณจุดที่ปะทะ เคยเป็นพื้นที่ที่เราเคยครอบครอง และเขารุกคืบมา เขาก็เลยถือโอกาสที่จะเอาพื้นที่ที่เราเคยยึดครองอยู่นั้นคืนมา และทหารของเราจึงมีการขยายแนว พร้อมระบุว่าถึงขนาดนี้แล้ว พื้นที่ที่เคยเป็นข้อพิพาท ถูกครอบครองไปก็ต้องเอาคืนมา
ผู้สื่อข่าวถามถึง วันนี้ที่ทางกัมพูชาเปิดแนวรบมายังภาคตะวันออกของฝั่งจังหวัดตราด นายทักษิณ กล่าวว่าฝั่งกัมพูชามีกำลังอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็เตรียมความพร้อมอยู่
ปัด2ตระกูลขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า หลายประเทศห่วงสถานการณ์สู้รบเสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ย และตนขอบคุณไปแต่ขอเวลาหน่อยปล่อยให้ทหารไทยทำหน้าที่สั่งสอนเล่ห์เหลี่ยม ฮุน เซน ก่อนจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้นว่า นายทักษิณ ชี้แจงว่า วันนี้คนไม่เข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจภาพรวมจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากเขาบ้าอยู่คนเดียว นั่งอยู่กับโซเชียลฯทั้งวันเป็นซอมบี้ แล้วก็หงุดหงิดมาหาเรื่อง ทั้งที่เราไม่มีอะไรเลย ตนก็ยังคิดไม่ถึงว่าอยู่ๆเกิดเหตุการณ์นี้ได้ มันไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ไม่มีเลย ไม่ได้เกี่ยวเลย ตนไม่เคยมีความขัดแย้ง เขาเป็นคนที่เริ่มต้นด้วยความระแวง และสร้างกระแสชาตินิยมภายในประเทศให้มากขึ้น
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงคนไทยที่มองว่าการสู้รบที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาของคนสองตระกูล นายทักษิณ ยืนยันว่าไม่จริง ไม่ได้เป็นความขัดแย้งของ 2 ตระกูลเลย ไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขาไม่พอใจประเทศเรา
เมื่อถามถึงศักยภาพยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย นายทักษิณ ยอมรับว่า ศักยภาพเราไม่น้อยหน้า เราก็ดีอยู่ เพียงแต่ว่าเรา เป็นขั้นเป็นตอน อย่างวันพรุ่งนี้จะมีโดรน ตนสั่งโดนมา ออกเงินส่วนตัวไป และโดรนสามารถลาดตระเวนเข้าไปมองที่พื้นเห็นหมดว่ามีกับระเบิดอยู่ตรงจุดใดบ้างโดยจะพล็อตแผนที่กับระเบิดซึ่งคาดว่าน่าจะส่งมาในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่สุด และผู้เชี่ยวชาญจะมาช่วยกันดูว่า เพราะเราต้องป้องกันชีวิตพลทหารของเรา เพราะทหารของเราขาขาดไปแล้ว 2 นาย
ชาวบ้านด่าทักษิณกระหึ่ม
amarintv รายงานว่า ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อทำอาหารแจก เนื่องในวันครบรอบวันเกิดครบ 76 ปี ขณะที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นมีชาวบ้านรายหนึ่งเดินตรงเข้ามาบริเวณด้านหน้า และตะโกนด่าทอนายทักษิณ
เมื่อนักข่าวถามว่าอยากบอกอะไรกับเขาหรือมั้ย ผู้หญิงคนดังกล่าวบอกว่า “เพื่อนเขาทำไมถึงสั่งมาฆ่าคนไทย ทำไมปล่อยเขามายิงคนไทย ถึงมาทำคนไทย ถึงมาระเบิดคนไทย มาทำแบบนี้ไม่ได้ เราคนไทย เขาเป็นเพื่อนกันทำไมถึงมาทำกับคนไทยอย่างนี้ เขาไม่ช่วย เขาช่วยแต่ครอบครัวเขา เขาไม่ได้ช่วยคนไทย มีแต่ทหารที่จะช่วยประชาชนคนไทยได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี