ธงชาติไทยโบกสะบัดเหนือ‘ภูมะเขือ’
ทัพภาค2ยึดเบ็ดเสร็จ
วางกำลังเข้มห้ามเขมรล้ำแดน
ส่ง‘F16/Gripen’บินถล่มซ้ำ
ทร.ใช้แผน‘ตราดพิฆาตไพรี1’
กระหน่ำฝ่ายตรงข้ามกระเจิง
ทหารไทย อัญเชิญธงชาติไทย ปักเหนือภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ หลังเข้ายึดสำเร็จทำลายฐานที่มั่น บึ้ม กระเช้า-บันได ทางขึ้นกัมพูชายับเยิน พร้อมส่งF-16/กริพเพน บินถล่มต่อเนื่อง ขณะที่ กองทัพเรือเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” ผลักดันและทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด กระเจิง
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 26 กรกฎาคม มีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงของทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ทหารไทย ได้ปักธงชาติไทย บนยอดภูมะเขือ เรียบร้อย แล้วหลังจากทหารกัมพูชาได้บุกรุกใช้กำลังทหารเข้ามายึดเอาไว้ โดยได้เคลียร์พื้นที่ยอดภูมะเขือ เรียบร้อย 90% พร้อมตอบโต้ทันทีหากกำลังทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาส่วน 10% จะดำเนินการห้วงเวลา 10.00 น. -14.00 น. พร้อมทำลายฐานที่มั่น กระเช้า, เสาเรดาห์ และบันไดเหล็ก ที่ทางทหารกัมพูชา ทำขึ้นภูมะเขือจากให้สิ้นซาก จากนั้นจะนำกำลังใหม่เป็นกองร้อยทหารราบ ตั้งกำลังหน้าแนวเพื่อให้กำลังชุดปฏิบัติการในช่วงเช้าได้พักผ่อน นอกจากนี้จะเสริมกำลังอาวุธหนัก ขึ้นสนับสนุนการทำลาย กระเช้า, เสาเรดาห์ และบันไดเหล็ก จะดำเนินการเวลา 14.00 น.เนื่องจากรอสนับสนุนวัตถุระเบิด
ทั้งนี้ผู้เสียชีวิต ฝ่ายทหารกัมพูชาจำนวน 10 คน สามาถตรวจยึดยุทโธปกรณ์ได้จำนวนมาก ต่อมา พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 09:20 น. ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย
F16/กริพเพนถล่มซ้ำ
ด้าน กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ
ส่วนอีกจุดบริเวณ ประสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนีัผลการปฏิบัติ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย
เขมรเสียขวัญอย่างหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากผลปฏิบัติการเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศ โจมตียุทธบริเวนพื้นที่เป้าหมายทหารกัมพูชาหลายจุด เช่น บก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 พื้นที่ยุทธบริเวณเขาพระวิหาร ภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม
ล่าสุด เพจกองทัพบก เผยแพร่ข้อความ ขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาตกต่ำอย่างมาก เมื่อได้ยินเสียง จะวิ่งเข้าหลุมหลบภัย แนวหน้ากัมพูชาบาดเจ็บจำนวนมาก นอนบาดเจ็บอยู่ในหลุมหลบภัยออกมาไม่ได้สามารถสกัดกั้นการเข้าฝ่ายตรงข้ามถอยกลับไป ขณะเดียวกันสถานะปัจจุบันฝ่ายตรงข้าม : เสียชีวิตที่พื้นที่ภูผีประมาณ 100 นาย
ทบ.สดุดีทหารผู้เสียสละ
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม กองทัพบกรับรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพิ่มเติม 1 นาย คือ สิบเอก จิรายุส อินทุมาน สังกัด กองพันจู่โจม ที่บริเวนภูมะเขือ รวมกำลังพลเสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา 24-26 ก.ค. ทั้งสิ้นรวม7 นาย
กองทัพบกขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวและทายาทของทหารกล้าเหล่านี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละของท่านเหล่านี้
และจากสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ชายแดน ซึ่งยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ กองทัพบกขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการสูญเสียของกำลังพล โดยสามารถนำเสนอในลักษณะที่เป็นการรายงานสถานการณ์ และสดุดีในความเสียสละของผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติได้ตามความเหมาะสม
ทัพภาค2สรุปผลการรบพุ่ง
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวัน เวลา 12.00 น ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้
สถานการณ์การสู้รบ ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่องและมีการเตรียมพร้อม และ เพิ่มเติมกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะที่พื้นที่ ช่องบก, ช่องอานม้า, ซำแต, ช่องตาเฒ่า ภูมะเขือ, ปราสาทตาควาย และ กลุ่มปราสาทตาเมือนธม, มีการยิงปืนใหญ่ตกในพื้นที่พลเรือนหลายแห่ง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ, มีการอพยพ พนักงานกาสิโนชาวกัมพูชาออกจากบ่อนชายแดน ตรงข้ามช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์
ตลอดช่วงบ่ายของวันที่ 25 ก.ค. 68 กำลังของกัมพูชา มีการระดมยิงด้วยปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด (ค.), และ BM-21 อย่างหนัก โดยมีความพยายามเข้ารุกราน ในพื้นที่สำคัญ เช่น พื้นที่ซำแต, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, และปราสาทตาเมือนธม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตอบโต้อย่างเท่าเทียม ตามลำดับด้วยการใช้อาวุธประจำกาย การยิงปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด และ การใช้กำลังทางอากาศยิงทำลายเป้าหมาย ที่ช่องอานม้า, ภูผี, ช่องตาเฒ่า, ช่องบันไดหัก
ผลักดันเขมรถึงที่สุด
การใช้กำลังเข้าผลักดันข้าศึก ที่ภูมะเขือปัจจุบันสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1 ต่อ 50,000 ของเราไว้ได้ทั้งหมด ส่วนพื้นที่ปราสาทตาควาย ยังคงมีความพยายามผลักดันอยู่แต่มีข้อจำกัดเรื่องการใช้กำลังใกล้โบราณสถาน, พื้นที่และห้วงเวลาที่มีการปะทะหนักได้แก่, พื้นที่ ภูมะเขือ 6 ครั้ง, พื้นที่ประสาทตาเมือนธม 4 ครั้ง, พื้นที่ช่องบก 3 ครั้ง, พื้นที่ช่องอานม้า 3 ครั้ง, พื้นที่ซำแต 2 ครั้ง และพื้นที่ช่องตาเฒ่า 3 ครั้ง
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พื้นที่ อ.กาบเชิง และ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ คาดว่ากำลังของฝ่ายกัมพูชาจะใช้การยิงปืนใหญ่ เพื่อมุ่งทำลายชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน เพื่อกดดันทางการเมือง ให้รัฐบาลไทยตัดสินใจยุติการต่อสู้ ในสภาพเสียเปรียบ
การอพยพประชาชน ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด ได้แก่ จ.บุรีรัมย์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 1 จุด 6,238 คน, จ.สุรินทร์ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 51 จุด 32,843 คน, จ.ศรีสะเกษ อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 82 จุด 34,248 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด 14,709 คน ล่าสุดอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว จำนวน 88,038 คน
ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 7 หลังคาเรือน ไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิตของประชาชน
กระสุนเขมรตกใส่ลาว
ตามที่ปรากฏข่าวสาร การรบปะทะระหว่างไทย - กัมพูชา แล้วมีกระสุนไปตกยังฝั่ง สปป.ลาว ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนฝั่ง สปป.ลาว นั้น ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง แต่จากการตรวจสอบและประสานกับ สปป.ลาว แล้วทราบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกระสุนจากอาวุธของกองทัพไทย แต่เป็นกระสุนของฝ่ายกองทัพกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน ที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
ข่าวแจ้งเตือนประชาชน เรื่อง ขีปนาวุธ ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธที่มีความสามารถในการยิงหลายลูกพร้อมกันในระยะทางไกลถึง 130 กิโลเมตร จากตำแหน่งยิง ขีปนาวุธชนิดนี้สามารถทำลายที่หมายทางยุทธศาสตร์ และที่ตั้งกำลังทางทหาร ซึ่งกองทัพได้เตรียมการรองรับสถานการณ์ ในการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง และมีเครื่องมือในการทำลายขีปนาวุธชนิดนี้ แต่เพื่อไม่ประมาทในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ขอให้ระมัดระวังการถูกโจมตีที่ไม่พึงประสงค์นี้
ทร.เปิด”ยุทธการตราดพิฆาตไพรี 1”
ส่วนทางด้านชายแดนจังหวัดตราดเมื่อเวลา 05.10 น.วันเดียวกัน ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีทหารไทยก่อนในพื้นที่ใหม่บริเวณบ้านชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด โดยมีเสียงปืนและระเบิดดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่ทำให้กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดต้องตอบโต้กลับทันที จากการปะทะครั้งนี้กองทัพเรือได้สั่งการเปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันและทำลายพื้นที่ที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทยใน 3 จุดและในเวลา 05.40 น. กำลังทหารเรือสามารถผลักดันทหารกัมพูชาให้ถอยร่นออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น.ของวันที่ 26 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขาบรรทัด บ้านชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้นหลายนัดอย่างชัดเจน โดยแม่ค้ารายหนึ่งให้ข้อมูลว่าในช่วงเช้าตรู่ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง แต่เมื่อออกไปดูก็เห็นแสงไฟหลายลูกลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่แสงไฟจะหายไปเมื่อฟ้าสว่าง แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงระเบิดเป็นระยะ
พระศักดา สุนฺทโร พระนักเทศน์ชื่อดังซึ่งจำวัดอยู่ที่วัดไร่ป่า ตำบลเนินทราย อำเภอเมือง จังหวัดตราด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “ตี 5 เริ่มยิงแล้วเสียงปืนใหญ่หลายนัด เห็นดวงไฟสว่างลอยบนฟ้ากลางภูเขา เรากำลังวิ่งหนี แต่ทหารวิ่งสวนทางกับเรา เขากำลังปกป้องพี่น้องคนไทยจริงๆ #ยอมใจทหาร” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจและกำลังใจจากแฟนเพจกว่า 2,000 ความคิดเห็น
ชาวบ้านปักหลักเฝ้าพื้นที่
ด้านนายบุญธรรม ไทรใหญ่ อดีตสารวัตรกำนันตำบลชำราก เปิดเผยว่า ตนและภรรยาตัดสินใจไม่ย้ายไปไหนเพื่อเฝ้าบ้านพัก แม้จะให้ลูกหลานอพยพไปแล้วก็ตาม โดยในช่วงเช้าตรู่ได้ยินเสียงปืนและเสียงสู้รบกันเป็นระยะ ซึ่งเริ่มต้นจากระเบิดควันและพลุไฟที่สว่างจ้าไปทั่วภูเขา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปืนยิงปะทะกันอยู่นานแล้วจึงสงบลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเย็นวันที่ 25 ก.ค.68 ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองของจังหวัดตราดได้จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อประเมินสถานการณ์จากข้อมูลข่าวกรอง โดยมีการคาดการณ์ว่าฝ่ายกัมพูชาอาจจะขยายพื้นที่การปะทะมายังจังหวัดตราดใน 2 จุด ได้แก่ บริเวณตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด ซึ่งมีการตั้งปืนใหญ่และเล็งเป้ามายังตัวเมืองตราด และอีกจุดหนึ่งคืออำเภอคลองใหญ่ ซึ่งทหารกัมพูชาได้ตั้งฐานปืนใหญ่อยู่ที่ตัวเมืองเกาะกง รวมถึงมีการติดตั้งฐานปืนกลยิงเร็วที่เขาหลังคาสิโนเกาะกง ซึ่งอยู่ห่างจากฐานหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 182 บ้านหาดเล็กเพียง 500 เมตร ซึ่งจากการประเมินของสายข่าวทหาร คาดการณ์ว่าการยิงจะเริ่มขึ้นในเวลา 05.00 น.ของวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 จึงได้มีการสั่งอพยพประชาชนใน 3 อำเภอให้เข้ามาพักพิงในพื้นที่ตัวเมืองตราดเพื่อความปลอดภัย
มวลชนอพยพกว่า 4 พันคน
ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการตาม แผนจักรพงษ์ภูวนารถ เพื่อตอบโต้สถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างมายังพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 โดยเฉพาะในจังหวัดสระแก้ว
ผลการปฏิบัติงาน กองกำลังบูรพาสามารถผลักดันกำลังทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่เขตประเทศไทย และบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ตาม MOU43 ได้สำเร็จทั้ง 4 จุด บริเวณแนวชายแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งประกอบด้วย 2 จุดในอำเภอตาพระยา และ 2 จุดในอำเภอโคกสูง ปัจจุบันกองกำลังบูรพาได้วางกำลังตรึงพื้นที่ตลอดแนวชายแดนในความรับผิดชอบ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนชาวไทยอย่างเต็มที่
ในส่วนของการอพยพประชาชน กองทัพได้ให้การสนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการนำพาประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่รวมพลพลเรือน (ศูนย์พักพิงชั่วคราว) จำนวน 19 แห่งในจังหวัดสระแก้ว โดยมียอดรวมประชาชนที่อพยพเข้ามาพักพิงแล้วทั้งสิ้น 4,076 คน ซึ่งยังไม่มีรายงานผลกระทบหรือความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด
แรงงานกัมพูชาห่กลับภูมิลำเนา
ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าทางเข้าอาคารผู้โดยสารขาออก ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ เมื่อเวลา 08.00 น.มีแรงงานชาวกัมพูชาเกือบ 1,000 คน พร้อมสัมภาระและบุตรหลาน มารวมตัวกันเต็มพื้นที่เพื่อรอเดินทางกลับประเทศ พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ได้สั่งการให้ ร.อ. อาคม มงคลนำ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 1201 ประสานงานกับ พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึก และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.สระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ ร่วมกันดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
แรงงานชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าพวกตนกังวลจากสถานการณ์ที่มีรายงานการสู้รบตามแนวชายแดน รวมถึงมีการส่งต่อข้อมูลในโลกโซเชียลเกี่ยวกับความไม่สงบ ซึ่งทำให้เกิดความกลัวและตัดสินใจรีบเดินทางกลับภูมิลำเนา พวกตนได้ทยอยเดินทางมาถึงด่านคลองลึกตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยหวังว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจะพิจารณาเปิดด่านพรมแดนให้เดินทางกลับได้เช่นเดียวกับช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ต่อมา นายชรินทร์ ภู่ชัย นายอำเภออรัญประเทศ และ พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึก ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำประเทศไทย เพื่อเคลื่อนย้ายแรงงานกัมพูชาเกือบ 1,000 คนไปยังจุดพักคอยชั่วคราวที่บริเวณอาคารตลาดเทศบาล 2 บ้านคลองลึก ของเทศบาลเมืองอรัญประเทศ เนื่องจากบริเวณหน้าด่านพรมแดนไม่มีพื้นที่รองรับคนจำนวนมากเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และรอการประสานงานหรือคำสั่งจากกองกำลังบูรพาว่าจะมีการพิจารณาเปิดด่านให้แรงงานกัมพูชาเดินทางกลับประเทศได้หรือไม่ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี