“พัชรินทร์”ขอบคุณสภาฯ ดันร่างพ.ร.บ.คุกคามทางเพศ ที่เสนอโดย “อนุทิน และสส.ภูมิใจไทย” ผ่านฉลุย วาระ 2-3 กำหนดโทษ ครอบคลุม ทั้งการกระทำต่อหน้า และผ่านระบบออนไลน์ ให้สิทธิผู้เสียหายร้องขอให้ศาลสั่งลบข้อมูลถูกอนาจารได้โดยตรง ตัดช่องว่างความเสียหายไม่ให้ขยายวงกว้าง
วันนี้ 30 กรกฎาคม 2568 ภายหลังจากที่ร่างพ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ.....ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ที่เสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะ ได้ผ่านวาระ 1 รับหลักการของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับร่างของน.ส.ภคมน หนุนอนันต์และคณะ จากนั้นมีการตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ โดยมีนายศุภชัย ใจสมุทร เป็นประธานกรรมาธิการ ขณะนี้พิจารณาแล้วเสร็จ ในชั้นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 และ 3 โดยสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยเอกฉันท์
ทั้งนี้ นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองได้พยายามผลักดันในเรื่องกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยทางเพศมาตลอด และในเรื่องการคุกคามทางเพศ ที่เป็นประเด็นใหม่ ที่ต้องให้ความสำคัญ ซึ่งมีวิวัฒนการที่มากขึ้น อย่างเช่น การคุกคามทางเพศผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ตนเองต้องขอขอบพระคุณท่านอนุทิน ชาญวีรกุล และพรรคภูมิใจไทย ที่เห็นถึงความสำคัญในการคุ้มครองผู้ถูกกระทำในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน การที่ได้ริเริ่ม และได้ผลักดันกฎหมายฉบับนี้จนสำเร็จในขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร ตนต้องขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ในกฎหมายฉบับนี้ตั้งแต่การเริ่มร่างกฎหมาย จนได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ในชั้นกรรมาธิการ เราได้เห็นการทำงานของทุกท่าน ที่ก้าวข้ามผ่านการเล่นการเมือง และนึกถึงประโยชน์ของประชาชน และหวังว่ากฎหมายฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประชาชนอย่างยิ่ง และหากกฎหมายฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ ได้บังคับใช้ ตนเองก็จะยังคงติดตามถึงผลการบังคับใช้ เพื่อพัฒนากฎหมายนี้ต่อไป
สาระสำคัญ ของกฎหมายฉบับนี้ คือ 1) การแก้ไขนิยาม "กระทำชำเรา" ให้ครอบคลุมรูปแบบในการกระทำ รวมทั้งเพศของผู้ถูกกระทำ 2) มีการนิยามและกำหนดโทษในกรณีการคุกคามทางเพศ ทั้งในแบบการกระทำต่อหน้า และการกระทำผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นไม่มีคำนิยามและโทษของความผิดนี้ มีเพียงเหตุเดือดร้อนรำคาญ ที่เป็นเพียงลหุโทษ 3) การให้สิทธิผู้เสียหายในกรณีการคุกคามทางเพศ เช่น การถูกเผยแพร่ภาพโป๊ อนาจาร ของตนเอง สามารถร้องขอให้ศาลสั่งลบข้อมูลโดยตรง ซึ่งเดิมในกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การลบข้อมูลหรือระงับการเผยแพร่ มักเกิดจากดุลพินิจของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานรัฐ เช่น พนักงานอัยการหรือกระทรวงดิจิทัลฯ การเติมมาตรา 284/4 ทำให้ ผู้เสียหายมีสถานะ “ผู้มีสิทธิร้องขอ” โดยตรงต่อศาล โดยไม่ต้องรอให้รัฐเป็นผู้เริ่มกระบวนการขอต่อศาล ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจและสิทธิในการปกป้องตนเองของผู้เสียหายโดยตรง อีกทั้งเป็นการความสำคัญของการลบข้อมูลลามกโดยเร็ว จากปกติการลบหรือระงับข้อมูลในระบบดิจิทัลในกระบวนการปกติอาจใช้เวลานาน แต่เมื่อบัญญัติให้ศาลมีอำนาจไต่สวนตามคำร้องของผู้เสียหายและสามารถสั่งโดยตรงให้ผู้เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามทันที เท่ากับว่าเพิ่มกลไก “เร่งด่วน” (Urgent Mechanism) ขึ้นมา สิ่งนี้มีผลดีมากต่อผู้เสียหาย เพราะข้อมูลลามก หรือภาพอนาจารที่เผยแพร่ทางออนไลน์ หากปล่อยไว้นาน ความเสียหายจะขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว การมีกลไกเร่งด่วน จึงช่วยลดความเสียหายทางจิตใจ และชื่อเสียงได้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี