วันศุกร์ ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ตอบโต้ทุกเวที! 'มาริษ'ยืนยัน'ไทย'ไม่เสียเปรียบ'กัมพูชา'

ตอบโต้ทุกเวที! 'มาริษ'ยืนยัน'ไทย'ไม่เสียเปรียบ'กัมพูชา'

วันพฤหัสบดี ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 18.50 น.
Tag : กระทรวงการต่างประเทศ ชายแดนไทยกัมพูชา ไทยกัมพูชา
  •  

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเวทีการเมืองระหว่างประเทศในการรับมือกับสถานการณ์ไทย - กัมพูชา ใน 3 ด้าน ประเมินว่าเราได้เปรียบ ข้อที่ 1 ในการชี้แจงของตน ของกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทั้งหลายที่อยู่ในกรอบของสหประชาชาติ เราได้ย้ำจุดยืนตั้งแต่ต้น ว่าเรายึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ กฏบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรของอาเซียน และความร่วมมือที่เป็นชุมชนของอาเซียนด้วยกัน ตนได้ไปพูดในเวทีของยูเอ็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ก็ได้ยืนยันท่าทีต่างๆเหล่านี้มาโดยตลอด แล้วก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆจากองค์การสหประชาชาติ หลังจากนั้นตนได้ถือโอกาสทำทวิภาคีกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ รวมทั้งยูเอ็นเอสซี หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งทุกคนก็สนับสนุน สิ่งที่เราพยายามยึดมั่นมาโดยตลอด แล้วเราก็พยายามพูดให้ทุกคนฟังว่า การเจรจาระหว่างไทย - กัมพูชา มีความสำคัญ มีกลไก ซึ่งเป็นไปตามสนธิสัญญาที่เราทำไว้กับประเทศกัมพูชาอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น จึงไม่มีอะไรที่ไม่โปร่งใส เป็นสิ่งที่ล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นที่จำเป็นที่กัมพูชาจะต้องเอามาตระหนักให้ดี เพราะว่าเรามีข้อตกลงที่จะเจรจากัน ซึ่งเขาพยามที่จะบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงทุกครั้ง

จนกระทั่งเมื่อมีการปะทะกันบริเวณชายแดน และมีการเปิดดีเบท เป็นสมัยพิเศษของยูเอ็นเอสซี เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2568 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งท่านทูตพีอาร์ของเราก็ได้แถลงข้อความการประชุมให้ได้ทราบกันไปแล้ว ซึ่งตรงนี้มีความสำคัญ จึงมองว่าไทยไม่ได้เสียเปรียบเลย เราได้เปรียบด้วยซ้ำ เพราะทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีข้อพิจารณาชัดเจนว่าเรื่องนี้ต้องเป็นไปตามผลของการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งมีกลไกดีอยู่แล้ว และเป็นไปตามกรอบของอาเซียน เพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกปัญหาเรื่องนี้มาพูดคุยในกรอบของสหประชาชาติ ซึ่งตนก็เคยพูดไว้แล้วว่าขอให้กลับไปพูดคุยกันในกรอบทวิภาคี เพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบใหญ่หลวงกับความมั่นคงระหว่างสหประชาชาติ


"เราชัดเจนว่ารัฐบาลได้ดำเนินการทุกมาตรการที่มีความเหมาะสม และทำให้กัมพูชาไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพราะยูเอ็นเอสซี หรือคณะมนตรีฯ ไม่ได้ออกข้อมติอะไรในเรื่องนี้ แต่พูดว่าให้เป็นเรื่องของเจรจาทวิภาคี นั่นหมายความว่า ไม่ต้องเอากลับมาหารือในกรอบของยูเอ็นเอสซี หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ"

นายมาริษ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) ตามที่ไทยได้ออกสเตทเม้นท์ในที่ประชุมระดับสูงเรื่องการระงับข้อพิพาทปาเลสไตน์ที่ยูเอ็น โดยท่านทูตของไทยก็ได้ตอบกลับด้วยข้อความที่เป็นจริง ของกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ซึ่งการที่กัมพูชายกเรื่องนี้ขึ้นมาในวาระที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะกำลังดีเบทกันในเรื่องของปาเลสไตน์ จึงทำให้ภาพที่ออกมายิ่งไม่ดีสำหรับกัมพูชา เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยกับเรื่องของปาริสสไตล์ จึงผิดวัตถุประสงค์ของการประชุมอย่างชัดเจน ตนจึงสั่งการให้พีอาร์ของเราหรือท่านทูตดำเนินการทุกอย่างในช่องทางระดับสูง ที่สหประชาชาติ ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้เป็นแทคนิกของการเจรจา ตนจึงขออนุญาตไม่ลงในรายละเอียด ซึ่งตรงนี้เป็นความพยายามของกัมพูชาที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่ใช่เพียงยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในฟอลลั่มที่ไม่ได้เกี่ยวเนื่องอะไรกันเลย แต่บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีความพยายามที่จะเพิ่มข้อความให้เป็นตัวหนังสือในสเตทเม้นท์ของตนหลังกล่าว เพื่อจะเพิ่มเข้าไปในรีพอร์ต ซึ่งทำให้เราต้องประท้วง เพราะทั้งหมดนี้ขัดกับหลักการสำคัญของยูเอ็น สุดท้ายแล้วกัมพูชาก็ต้องถอนตรงนี้ออกไป นั่นคือความสำเร็จในกรอบของยูเอ็น

"ส่วนในกรอบของมาตรการทางทหาร นั้น ประเทศไทยได้เปรียบเป็นอย่างมาก ทุกท่านคงทราบดีว่าเราสามารถมีความสำเร็จในการยึดพื้นที่ 11 จุดที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทยคืนมา ซึ่งก็ต้องขอบคุณนายทหารหาญ ทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ และขอแสดงความเสียใจกับทหารหาญ ที่ได้เสียชีวิตด้วย"

นายมาริษ กล่าวต่อว่า การดำเนินการทั้งหมดต่างๆทั้งในด้านการต่างประเทศ การเจรจาต่อรองทุกอย่าง เราล้วนแล้วแต่รับฟังจุดประสงค์ เป้าหมาย นโยบายแทคติกของทั้งด้านการต่างประเทศ การทหาร ไปในทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากเราประสานข้อมูล ประสานท่าทีทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันของรัฐบาลกับทหารเป็นอย่างดี กระทรวงการต่างประเทศ ชนะ หรือได้เปรียบ ในเวทีระหว่างประเทศ ไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้รับความร่วมมือสนับสนุนจากผู้ปฏิบัติในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นทางทหาร ทางมหาดไทย ทุกหน่วยงานของประเทศ เราร่วมมือกันอย่างดี สามารถทำให้เราได้เปรียบ ในเชิงยุทธศาสตร์ทางด้านการต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา

นายมาริษ กล่าวถึงเรื่องของการบรรลุข้อตกลงการหยุดยิงระหว่างไทย - กัมพูชา ซึ่งการไปเจรจา เป็นการเจรจาทวิภาคี โดยมีประธานอาเซียนเป็นประธาน และมีสหรัฐฯ กับจีน เป็นพยาน ดังนั้น มีข้อตกลงกันแล้ว กัมพูชาจะบิดเบือนไม่ได้ ตรงนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามผลักดันเพื่อให้เกิดการยุติความสูญเสีย กลับมาพูดคุยเจรจาทวิภาคีเพื่อหลีกเลี่ยงการประทะกันโดยใช้กำลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้กัมพูชายอมรับกลไก การหารือทุกวิธีทั้ง 3 กลไก คือ เจบีซี อาร์บีซี จีบีซี ซึ่งเป็นไปตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรของอาเซียน ทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นจุดยืนที่สำคัญของประเทศไทย วันนี้ เราสามารถทำให้กัมพูชากลับมาใช้กลไกทวิภาคี ดูจากที่แม่ทัพของกัมพูชาและแม่ทับไทยได้พบกัน แล้วมุ่งไปที่ประชุมจีบีซี ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นการเจรจาทั้งรัฐบาล กองทัพ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาหารือร่วมกัน ทั้งหมดก็เพื่อเป้าหมายสำคัญ 2 ประการ คือ 1 รักษาอำนาจของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาล กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครที่จะไม่คำนึงถึง อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดน ขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจและตระหนักว่าเราจะไม่ยอมทำอะไรที่ทำให้เราเสียอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งแผ่นดินไทยเป็นเด็ดขาด

นายมาริษ กล่าวว่า เราต้องการปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาล ซึ่งหลังจากการประชุมพิเศษระหว่างไทย - กัมพูชา ที่มาเลเซียแล้ว ตนพร้อมด้วยข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ ท่านทูต ทุกประเทศก็ได้เดินสายอธิบายให้มิตรประเทศที่มีศักยภาพ มีอำนาจ ประเทศที่เราติดต่ออยู่เสมอ ประเทศที่เป็นยุทธศาสตร์ของเราได้เข้าใจ ว่าสิ่งที่ผ่านมามีอะไรบ้าง และผลประชุมการหยุดยิง และสิ่งที่เราสามารถทำให้กัมพูชาตระหนักในการเจรจาทวิภาคีสองฝ่าย

นอกจากนี้ ตนยังได้ไปพบกับ ปากีสถาน ประธานยูเอ็นเอสซี เลขาธิการสหประชาชาติ ขณะนี้ท่านทูตของนิวยอร์ก ซึ่งเราดำเนินความสัมพันธ์และล็อบบี้ สร้างมิตรภาพ สร้างความเป็นยุทธศาสตร์กับประเทศต่างๆ มาโดยตลอด ซึ่งทุกประเทศที่ไปพบก็รับฟังในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วได้รับความเข้าใจในจุดยืน ในหลักการของไทย และสนับสนุนให้แนวทางของไทยที่จะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ด้วยการหารือทวิภาคีที่ไม่กระทบกับประชาชนและโดยสุจริตใจ

"ผมได้พบกับรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนามเมื่อวันก่อน และเมื่อเมื่อวานผมก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับท่านรัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ท่านก็ขอบคุณผม ท่านพูดกลับมาทันทีว่าขอบคุณที่ได้แสดงจุดยืนของประเทศไทยได้อย่างชัดเจน และเขาก็สนับสนุนการเจรจา มีสิ่งใดที่ทางประเทศญี่ปุ่นจะช่วย เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง"

นายมาริษ กล่าวด้วยว่า เช้าวันนี้ (31 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีข่าวสาระนิเทศออกไป เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และประณามพฤติกรรมที่ใช้วิธีเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน และบิดเบือนข้อมูล การให้ข้อมูลเท็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้โอกาสของการประชุมต่างๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แต่พยามบิดเบือนคำชี้แจง และทำให้เป็นที่เสียเวลาของการหารือในกรอบของสหประชาชาติ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชา ใช้เวทีที่ไม่ถูกต้อง และได้พยายามบิดเบือนข้อมูล ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้ประณามการกระทำดังกล่าวไปแล้ว

"ขอย้ำว่าที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศไม่เคยหยุดนิ่ง ได้ดำเนินมาตรการทางการทูตมาโดยตลอด เร่งชี้แจงทุกสิ่งทุกอย่างผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งในกรอบของทวิภาคี ในกรอบของพหุภาคี เวทีองค์การระหว่างประเทศทั้งหลายต่างๆ ทั้งดำเนินการจากส่วนกลางและการดำเนินการผ่านสถานทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกตั้งแต่เกิดกรณีการลุกลานประเทศไทย ของประเทศกัมพูชา เช่น ยูเอ็นเอสจี ยูเอ็นเอสซี การวางทุนสังหาร ระเบิดสังหาร ในกรอบของอ๊อดตาวา การโจมตีพลเรือน เราก็ทำการประท้วงประณามไปในทุกๆกรอบเอสซี เอสอาร์ ยูนิเซฟ การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทั้งหลาย ผ่านยูเอ็นเอสจี รวมทั้งประท้วงการเสนอข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม ด้วยการเผยแพร่ข้อเท็จจริง"

นายมาริษ กล่าวอีกว่า เมื่อเช้านี้ตนได้พบกับทูตโกเด็กของสหรัฐฯ ตนได้พูดให้เห็นถึงภาพ ซึ่งท่านทูตถามว่า หลังจากพบกันที่มาเลเซียแล้วมีอะไรคืบหน้าบ้าง ก็บอกว่าเราต้องการเห็นการหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข หยุดยิงเด็ดขาดตามข้อตกลงกัน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องได้รับความจริงใจจากประเทศกัมพูชา แต่ที่ผ่านมา กัมพูชามีการละเมิดข้อตกลงหยุดหยิ่ง มีการตอดนิดตอดหน่อยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เราตอบโต้ ซึ่งต้องขอบคุณฝ่ายทหารเป็นอย่างมาก ที่ได้ใช้ความอดทน อดกลั้น  ก็พูดให้ท่านโกเด็กฟังว่า หลายจุดที่เราไม่ตอบโต้ เราใช้ความอดกลั้น พยายามมองข้ามสิ่งยั่วยุทั้งหลายที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังละเมิดข้อตกลงอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเราได้พูดกันในที่ประชุมที่มาเลเซีย ว่า เราจะยับยั้งชั่งใจในการที่จะใช้เฟคนิวส์ และการใช้สงครามข่าวสารมาตอบโต้ซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้กัมพูชากำลังใช้กับไทยอยู่ กระทรวงต่างประเทศ ทราบดีแต่เราจะตอบโต้ในจุดที่พอเหมาะพอสม เพื่อที่จะรักษาภาพพจน์ที่เราได้เปรียบในวงการเมืองระหว่างประเทศที่ดีอยู่แล้ว ภาพพจน์ของเราดีมาก เมื่อมีข้อตกลงการหยุดยิง เราได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมากว่าเรากล้าหาญ เราหลีกเลี่ยง เราใช้ความมีวุฒิภาวะ นำมาซึ่งการเจรจาอย่างสันติ จริงใจ

สิ่งที่กัมพูชาใช้เวทีฟอรั่มการแก้ไขปัญหาปาลิสไตล์ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาใช้กลไกที่ละเมิดข้อตกลงที่เราตกลงกันไว้ ซึ่งตนได้พูกับโกเดก พูดกับผู้แทนจีน รวมทั้งมาเลเซียด้วย ซึ่งเขาเข้าใจและตระหนักดีถึงข้อตกลงกันมา ซึ่งตรงนี้ ทางสหประชาชาติได้ออกสเตทเม้นท์มาว่าไม่เห็นด้วยและต่อต้าน การใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ บิดเบือน เพราะไม่สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนด้วย เพราะฉะนั้น ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ไทยเราเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะ เราใช้ระเบียบแบบแผนภายใต้กฎหมายทุกอย่างเป็นที่ประจักษ์ของสากล ซึ่งกัมพูชาไม่ได้เปรียบเราในหลายๆ ฟอรั่ม เพราะฉะนั้นเขาจึงใช้สงคราม ซึ่งเราก็ไม่ได้นิ่งใจ เรามอนิเตอร์ และจะตอบโต้ทุกกรณี แต่อย่างไร ก็เราได้ฟ้องและได้แสดงให้มิตรประเทศโดยเฉพาะ3ประเทศ คือ มาเลเซีย จีน สหรัฐฯ ที่เป็นบิสเนส ว่ากัมพูชากำลังทำในสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อตกระหว่าง 2 ประเทศ

นายมาริษ กล่าวถึงกรณีทหารกัมพูชา 18 คน ถูกทหารไทยจับกุมตัวไว้ ซึ่งเราให้การดูแลภายใต้อนุสัญญาเจนีวา ที่จะดูแลบุคคลที่เราจับมา ยืนยันว่า เขาถูกจับขณะที่กำลังละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยเรา ซึ่งถูกจับในเขตของเรา ซึ่งเราดูแลตามกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนที่มีคำถามว่าแล้วไทยจะปล่อยตัวทหารกัมพูชาเมื่อไหร่นั้น ตามอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ระบุว่าเราสามารถควบคุมตัวได้และจะปล่อยกลับไปต่อเมื่อเรามีความมั่นใจว่าบุคคลเหล่านี้จะไม่กลับมาทำร้ายหรือกลับมาโจมตีประเทศไทยได้อีก ซึ่งเราต้องยึดถือเพราะเราเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องของการรักษาธำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง ภายใต้กฎบัตรของสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ การที่กัมพูชายังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ผมไม่แน่ใจและผมก็เชื่อว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องการเห็นก็คือกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงต่างๆเหล่านี้ให้ชัดเจนเสียก่อน เราจึงจะส่งตัวบุคคลกลับไป แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงของไทยด้วยว่าจะพิจารณาอย่างไร

นายมาริษ กล่าวอีกว่า พรุ่งนี้ (1 ส.ค.) จะมีการนำผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย ลงไปสังเกตการณ์ ซึ่งเมื่อเช้าตนได้พูดกับทูตโกเด็ก ว่าทุกท่านจะได้ไปเห็นด้วยตัวเองว่าสิ่งที่กัมพูชาละเมิดไม่ใช่แค่อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย ยังได้ละเมิดข้อตกลงของสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในการโจมตีพลเรือน โจมตีเป้าหมายทางพลเรือน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นหลักฐานที่สำคัญ เพื่อให้มิตรของเราได้เข้าใจ ว่าเราปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ มาโดยตลอด เรายึดถือหลักการทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปตามกฏหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรของอาเซียน และตนก็เชื่อว่าด้วยความเป็นธรรมจะได้เห็นว่าทางกัมพูชาพาไปดูนั้นก็คือความเสียหายทางทหารทั้งนั้นไม่ได้มีผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของพลเรือนแต่อย่างใดทั้งสิ้นสิ้น

และกระทรวงต่างประเทศ จะนำสื่อมวลชนต่างประเทศลงพื้นที่ร่วมกับผู้ช่วยทูตทหารในวันพรุ่งนี้ด้วย เพื่อให้สื่อได้สะท้อนข้อมูลที่ถูกต้องข้อมูลที่เป็นจริงสื่อสารให้พี่น้องทั้งชาวไทยและต่างประเทศทุกๆคนได้ เข้าใจว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเป้าหมายทางพลเรือนนั้นมีผลกระทบอย่างมาก กับชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวไทย ซึ่งตรงนี้ผมคิดว่าจะทำให้ภาพของเราได้รับการมองได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะพยายามให้เจ้าหน้าที่การทูตในสถานทูตต่างๆ ลงพื้นที่ด้วย แต่ทั้งหมดนี้เราก็คำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุดของผู้ที่จะลงไปในพื้นที่ เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่การทูตทั้งนั้น เราก็ไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจ เป้าหมายที่อยากให้เห็นนอกเหนือจากการโจมตีพลเรือนแล้ว ตนเชื่อว่าพรุ่งนี้ประชาคมโลกและผู้ช่วยทูตทหารทั้งหลายจะสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องในเรื่องการละเมิดดินแดนไทย ในการเข้ามาวางกับระเบิด และจะได้ฟังจากทางกองทัพเองในการถูกละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง ในช่วง 2 - 3 วันที่ผ่านมา ก็จะได้มีความเข้าใจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญในเรื่องที่ผ่านมา ในสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการมาตลอด และการที่จะลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ และที่จะนำไปสู่การหารือ และประสบความสำเร็จในการประชุมจีบีซีที่ผ่านมา

นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สำหรับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชาที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบกับประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทย เรายังคงไม่ผลักภาระทั้งหมดไปให้ประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะฉะนั้น ด้วยความที่มีสปิริทของความมีมนุษยธรรมที่ดีของประเทศไทย เราไม่ได้ต้องการทำอะไรที่ไม่ถูกต้องกับประชาชนของประเทศกัมพูชาแน่นอน

"สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนร่วมกันสามัคคีและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการระวังไม่ให้มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนของกัมพูชา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นในสังคมระหว่างสองประเทศ ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ดี การดำเนินงานของประเทศไทย ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่าเราจะรักษาปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ ป้องกันสิทธิและความปลอดภัยของประชาชน รวมทั้งแสดงความ มีภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในการยึดถือกฏบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ ความเป็นอาเซียน กรอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เรายึดถือ ที่ประชาคมโลกยึดถือและปฏิบัติร่วมกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขให้ได้ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา รวมทั้งสันติสุขในภูมิภาคอาเซียน"

- 006

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ภูมิธรรม’เผย‘ครม.นัดพิเศษ’เห็นชอบงบกลาง เพิ่มเงินเยียวยาเหตุปะทะชายแดน ‘ภูมิธรรม’เผย‘ครม.นัดพิเศษ’เห็นชอบงบกลาง เพิ่มเงินเยียวยาเหตุปะทะชายแดน
  • ‘ครม.วาระพิเศษ’เร่งพิจารณารับรอง‘ภาษีสหรัฐ 19%’ เยียวยาสถานการณ์ชายแดน ‘ครม.วาระพิเศษ’เร่งพิจารณารับรอง‘ภาษีสหรัฐ 19%’ เยียวยาสถานการณ์ชายแดน
  • \'เจิมศักดิ์\'ชี้! \'ทหารไทยชนะศึกดินแดน รัฐบาลแพ้สงครามข่าวสารบนเวทีโลก\' 'เจิมศักดิ์'ชี้! 'ทหารไทยชนะศึกดินแดน รัฐบาลแพ้สงครามข่าวสารบนเวทีโลก'
  • ‘ภูมิธรรม’อมพะนำ ปัดตอบเป้าหมาย-ประเด็นหารือ GBC​ ‘ภูมิธรรม’อมพะนำ ปัดตอบเป้าหมาย-ประเด็นหารือ GBC​
  • ‘ทบ.’เก็บทุกเม็ด ไล่ไทม์ไลน์ฟ้องคณะทูต ‘กัมพูชา’จุดไฟชายแดน โจมตีพลเรือน ‘ทบ.’เก็บทุกเม็ด ไล่ไทม์ไลน์ฟ้องคณะทูต ‘กัมพูชา’จุดไฟชายแดน โจมตีพลเรือน
  • ทิ้งบอมบ์ภูมิธรรม!‘จตุพร’ถล่มยับเจรจาหยุดยิงทำไทยเสียเปรียบ ถูกรุมกินโต๊ะจน‘ตีโง่’ ทิ้งบอมบ์ภูมิธรรม!‘จตุพร’ถล่มยับเจรจาหยุดยิงทำไทยเสียเปรียบ ถูกรุมกินโต๊ะจน‘ตีโง่’
  •  

Breaking News

‘วิสุทธิ์’เผยเคยเตือน‘พิเชษฐ์’ปมโยกงบเอื้อพื้นที่แล้ว เตรียมคุย‘เพื่อไทย’ส่งคนลงเลือกตั้งซ่อม

ฝ่ายปกครอง-ตำรวจ 3 อำเภอกาญจน์ บุกจับผู้ต้องหายาเสพติดพร้อมของกลางเพียบ

ช่างบิ๊ก บุรีรัมย์ ใจหล่อมาก! ซ่อมรถทหารชายแดนฟรี หลังโดนสะเก็ดระเบิด

‘เกษตร’รับมือภาษีทรัมป์ ชู 3 หลักการปกป้องเกษตรกร พร้อมรักษาขีดความสามารถทางการค้า

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved