‘แม่ทัพภาคที่2’ เข้าสภาฯรับมอบเงิน 4 ล้านช่วยชายแดนไทย กัมพูชา เผยมีคำสั่งทุกภาครับมือ ’โดรน’ ป่วน ชวนปชช.เกาะติดผลการประชุมGBC ยัน ‘เขมร’ ขอร้อง ‘ไทย’ ช่วยเก็บกู้ระเบิด ‘ปราสาทตาควาย’ เป็นเฟคนิวส์
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 18.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 มอบเงินบริจาคจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหารและเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวนเงิน 4 ล้านบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา โดยมีพล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นตัวแทนเดินทางมารับมอบ
พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปนมัสการเจ้าอาวาสวัดวัดโสธรวรารามวรวิหาร ซึ่งท่านเมตตาให้ตนเป็นผู้แทนรับมอบงบประมาณซึ่งเป็นเงินที่ประชาชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่ง ท่านเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาที่ จึงได้มอบเงินจำนวนนี้เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดละ 1ล้านบาทจำนวน4จังหวัดได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยแม่ทัพภาคที่2 จะนำงบดังกล่าวไปมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการเพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนประสบเหตุไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน งบประมาณที่มอบให้สามารถบรรเทาทุกข์ได้ในส่วนหนึ่ง
พล.ท.บุญสิน กล่าวว่าต้องขอบคุณเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา และสว. ตนจะนำงบประมาณดังกล่าวไปมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทั้งที่พักอาศัยรวมถึงศูนย์อพยพ จากนั้นจะสรุปค่าใช้จ่ายให้เจ้าอาวาสและวุฒิสภาได้รับรับทราบต่อไป
เมื่อถามว่าถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ในวันที่7ส.ค. พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ต่างฝ่ายต่างหยุดยิง เราได้ให้โอกาสกำลังทหารของกัมพูชา มานำตัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตกลับไปยังประเทศ โดยเราจะอำนวยความสะดวกในการที่จะนำทหารแต่ละฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายกัมพูชาไปรักษา และขอความร่วมมือไม่ให้มีการยิง ซึ่งเราก็ไม่ยิงเราปฏิบัติตามข้อตกลงอยู่แล้วและขอให้ทุกคนติดตามผลการประชุม
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา อ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลงข้อ เท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า เรามีการปะทะกันก่อนที่จะมีการจะเกิดข้อตกลง แต่เมื่อมีข้อตกลงเราก็หยุดยิง เป็นการเป็นการปฏิบัติตามเส้นเขตแดนอยู่แล้วภายใต้กรอบเส้นปฏิบัติการของเราไม่รุกนอกประเทศ เราต้องหยุดอยู่ตรงไหนอยู่ตรงนั้น เลื่อนจุดประสานเขตออกไปเพราะที่ผ่านมามีการลุกล้ำเขตแดนที่ไทย เราก็หยุดอยู่แล้ว ไม่ได้ปฏิบัตินอกเหนือจากกฎเกณฑ์การหยุดยิง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีคำสั่งงดบินโดรน พล.ท.บุญสิน กล่าวว่าในส่วน 20 จังหวัดตนได้มีการประชุมกับผู้ว่าฯในฐานะเป็นผู้อำนวยการ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผอ.รมน.) รวมกับผู้การตำรวจภูธรทั้งสองภาค ให้ไปดำเนินการแก้ไข และค้นหาบุคคลที่ขัดคำสั่งของสมช. ที่ห้ามบินโดรนเด็ดขาด ซึ่งปัจจุบันก็จับได้หลายคนอยู่ในระหว่างการสอบสวนทางลึกว่าเป็นใครมาจากไหน ตนได้ขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฏหมายถึงที่สุดอย่าเพิ่งเชื่อที่เขาพูด
อย่างไรก็ตามเรามีความพร้อมในทุกพื้นที่ ทุกค่ายทุกสถานที่ราชการผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ เช่นโรงไฟฟ้า ศาลากลาง สถานีตำรวจ แชะค่ายทหารต้องรับผิดชอบทั้งหมด อย่าอยู่เฉยๆ ทั่วประเทศต้องช่วยกันดู นี่เป็นการปฏิบัติเพราะทุกวันนี้เป็นการปฏิบัติโดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ฝากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา
เมื่อถามว่าการติดตามข้อมูลข่าวสารอยากฝากถึงประชาชนอย่างไรบ้าง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ขอให้ประชาชนได้ติดตามสื่อหลักของกองทัพ หรือรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกองทัพภาคที่สองส่วนหน้าที่อยู่ในจังหวัดสุรินทร์อยู่แล้ว ซึ่งมีการอัพเดทข่าวทุกวันขอให้ประชาชนได้ติดตาม
เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงข่าวที่ระบุว่าทหารกัมพูชาขอร้องให้ทหารไทยไปช่วยเก็บกู้ระเบิดในปราสาทตาควาย แม่ทัพภาคที่2 กล่าวว่า ไม่มี เป็นเฟคนิวส์ ขอให้ประชาชนระมัดระวังการติดตามข่าว และอยากให้ติดตามเฉพาะเพจหลักจากกองทัพเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่ามีแรงกดดันจากทำหน้าที่ในครั้งนี้ ตนขอทำอย่างดีที่สุดและรายงานผู้บังคับบัญชาตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี