“ภูมิธรรม”สั่งเด้ง“ผู้ว่าฯอุบลราชธานี”เซ่นเบิกงบเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-เขมร ล่าช้า ให้งบ 100 ล้าน ใช้แค่5.5 หมื่นบาท“ธีรรัตน์”มท.2 ชี้ชัดเหตุเด้ง“ผู้ว่าฯอุบล”เบิกจ่ายงบล่าช้าผิดปกติ หากเปรียบเทียบจังหวัดข้างเคียงเสียหายมากกว่า ชี้ไม่สามารถสร้างความเข้าใจให้ปชช.ได้‘ฝ่ายค้าน’ตั้งกระทู้บี้ถามปมร้อนอุบลฯ มท.2 ชี้ไม่ใช่ความผิดรัฐบาลโยนเป็นความผิดพลาดจ.อุบลฯขออย่าฉวยเอาข้อมูลไม่จริงโจมตีรัฐบาล
เมื่อวันที่ 7สิงหาคม2568 ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมมอบนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยว่า ได้มีการสั่งย้ายว่าที่พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย หลังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งมีการเบิกงบทดรองราชการจ่ายเพียง 55,000บาทจากที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ 100ล้านบาท
เมื่อถามว่า จะย้ายชั่วคราวหรือถาวร นายภูมิธรรมกล่าวว่า“เดี๋ยวค่อยว่ากัน”เมื่อถามว่าจะรอผลสอบก่อนใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า“เดี๋ยวค่อยว่ากันในรายละเอียด โดยคำสั่งจะออกในช่วงเช้าวันนี้”
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้เดินทางมาถึงกรุงเทพมหานครเพื่อเข้าร่วมประชุมแล้ว แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น และไม่ขอให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ก่อนหน้านี้ ว่าที่พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯอุบลราชธานีได้เคยชี้แจงถึงการใช้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าในช่วงแรกที่เกิดเหตุการณ์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ใช้งบประมาณในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องอาหาร,การจัดถุงยังชีพ,จัดศูนย์พักพิงให้พร้อมในการดูแลประชาชนซึ่งในส่วนนี้อยู่ระหว่างการตั้งเบิกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประมาณ 6ล้านบาทซึ่งเป็นงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประชาชนได้รับผลกระทบส่วนเงินทดรองราชการในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านชีวิตและทรัพย์สินประมาณ55,000บาท เบิกจ่ายแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่วนความเสียหายบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย 129 หลัง,ด้านปศุสัตว์ สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต 5ตัว จะมีการเบิกจ่ายอีกกว่า4.7ล้านบาทภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้
ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทยกล่าวถึงการสั่งย้ายว่าที่พ.ต.อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯอุบลราชธานีกรณีเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จ.อุบลราชธานีจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าเมื่อคืน(6ส.ค.)ได้เรียกประชุมเพื่อชี้แจงอีกรอบหนึ่งในส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ว่าแต่ละจังหวัด นอกจากเงินทดรองจ่าย 100ล้านบาทจะมีในส่วนเงินรับบริจาคสิ่งของที่นำลงไปใช้เพื่อให้มีความเหมาะสมกับจำนวนผู้อพยพเนื่องจากแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันจึงต้องดูเรื่องของความสมเหตุสมผล
เมื่อถามว่าเหตุใดผู้ว่าฯจึงไม่กล้าเบิกเงินทดรองจ่ายในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเพราะเบิกจ่ายผิดประเภทใช่หรือไม่น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่าได้พูดคุยกันแล้วเมื่อวันที่29ก.ค.ที่เรียกประชุมกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับผู้ว่าฯลงมาเพื่อรับทราบแนวทางการปฏิบัติว่าส่วนใดมีความเร่งด่วนหรือจำเป็นหรือต้องของดเว้นเรื่องระเบียบให้สามารถทำได้ทันทีเพราะทุกคนเข้าใจตรงกันหมดสาเหตุที่มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดว่ามีความผิดปกติจะบอกว่าทำงานล่าช้า ก็ขอให้ดูจังหวัดข้างๆด้วยเขาเดือดร้อนกว่าคนเสียชีวิตมากกว่า ต้องเอาหลายๆอย่างมาเปรียบเทียบด้วย
เมื่อถามว่าทางท้องถิ่นระบุว่าการใช้งบจะใช้ได้เฉพาะพื้นที่ อย่างการอพยพคนฝากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง จะต้องใช้งบจากพื้นที่ปลายทางจะมีปัญหาหรือไม่ น.ส.ธีรรัตน์ ย้ำว่า ไม่มีปัญหา เพราะเราดูที่มาดูทางขาไปและขากลับทั้งในพื้นที่ปะทะและพื้นที่อพยพ
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติทั้งจังหวัดเช่นเดียวกับจ.สุรินทร์ น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า “อาจจะคำนวณดูจากพื้นที่อพยพจริงโดยจะต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน เบื้องต้นเห็นได้ชัดว่ามีความผิดปกติ เรื่องการชี้แจงไม่สามารถทำให้ประชาชนมีความเข้าใจอันดีได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องดำเนินการ”
วันเดียวกัน เวลา12.00น.ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนฯทำหน้าที่ประธานโดยวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจานายพริษฐ์วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนได้ตั้งกระทู้ถามแนวทางเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาและสอบถามการเบิกจ่ายเงินราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในจังหวัดที่ต้องมีการอพยพไปแล้วจังหวัดละ 100 ล้านบาท เช่น จ.ศรีษะเกษและสุรินทร์ มีการเบิกจ่ายไปแล้วจังหวัดละ47ล้านและ 55 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่พื้นที่ จ.อุบลราชธานี เบิกจ่ายไปเพียง 5.5หมื่นบาทเท่านั้นรวมถึงกรณีย้ายผู้ว่าฯอุบลราชธานี
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ตอบกระทู้ถามสดว่าในประเด็นพื้นที่จ.อุบลราชธานี ตนลงพื้นที่ไปตั้งแต่วันที่ 27ก.ค.เข้าเยี่ยมศูนย์อพยพและมอบหมายสั่งการให้จังหวัดหากิจกรรมที่เกี่ยวกับการผ่อนคลายความเครียดให้ประชาชนเห็นการปฏิบัติงานจนตั้งกระทู้ถามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าในพื้นที่เบิกจ่ายไม่ได้ ทำให้ตนโทรศัพท์สอบถามผู้ว่าฯอุบลราชธานีเพื่อให้ทราบปัญหาและแก้ไขซึ่งคำตอบที่ได้รับคือเบิกได้ทั้งหมด แต่ตนไม่ได้นิ่งนอนใจได้กลับไปในพื้นที่ 3 ส.ค.เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ
“และตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดปกติ ทำเอกสารล่าช้า หรือใช้เงินของอปท.หรือไม่ ได้รับทราบข้อมูลว่ามีการใช้เงินท้องถิ่น สิ่งของเงินบริจาค ได้รับทราบตัวเลขว่าเงินบริจาค5.5ล้านบาทและจังหวัดอื่น 1-2ล้านบาท ถือว่าบกพร่อง เพราะในการจัดประชุมใช้จ่ายเงินทดรองราชการที่เพิ่มเติมขอให้ใช้จ่ายเงินดังกล่าวทันทีแม้ระเบียบว่าให้ใช้เงินท้องถิ่นก่อนก็ตาม เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนเพราะมีประชาชนอพยพจำนวนมาก ให้ใช้งบ 100 ล้านบาทและงบทดรองราชการที่เหลืออยู่”รมช.มหาดไทย ย้ำ
รมช.มหาดไทยชี้แจงว่าการเบิกจ่ายไม่ใช่เบิกไม่ได้ แต่ไม่มีตัวเลขส่งมาส่วนกลาง เป็นความผิดพลาดของจังหวัด ไม่ใช่รัฐบาล ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องขอให้ประชาชนมั่นใจกับรัฐบาลที่สื่อสารข้อมูลจริง ข้อมูลเดียว ไม่ใช้อคติ หรือเกมการเมืองในภาวะนี้ เราตั้งใจดูแลประชาชนให้ดีที่สุด
น.ส.ธีรรัตน์ ชี้แจงต่อว่า ข้อมูลการเบิกจ่ายนั้นตนได้ติดตามสอบถาม ตั้งแต่มีสว.คนหนึ่งบอกว่า ตอนนี้เงินท้องถิ่นถังแตกทำให้ตนสอบถามและทราบว่าเป็นข้อความเป็นเท็จ ท้องถิ่นไม่ได้ถังแตก จึงเป็นการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนำเสนอ ส่วนตัวเลขการเบิกจ่ายของท้องถิ่นนั้นตนรู้ก่อนที่กมธ.การปกครองจะประชุมซึ่งตนไม่แน่ใจว่ารายละเอียดอาจอาศัยช่องตัวเลขที่น้อยไปนำเสนอเพื่อโจมตีรัฐบาลโดยไม่ฟังว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี