เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความระบุว่า โดรน “ล้ำแดนไทย” สอดแนม-วางแผนรบ?
ช่วงนี้มี “โดรนปริศนา” บินเข้ามาในพื้นที่ชายแดนไทยเป็นประจำ พฤติกรรมของโดรนเหล่านี้ดูไม่ใช่แค่บินผ่าน หรือหลงเข้ามาโดยบังเอิญ เพราะมันมักจะมาในเวลาซ้ำๆ คล้ายกับถูกตั้งเวลาอัตโนมัติ
โดรนล้ำแดนคือสัญญาณอันตราย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องของ “ของเล่นบินได้” แต่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามยุคใหม่ ถ้าเราไม่เตรียมรับมือวันนี้ พรุ่งนี้อาจสายเกินไป
แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่า ใครควบคุม? และผู้ควบคุมอยู่ฝั่งกัมพูชา หรืออยู่ฝั่งไทย? แต่หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า… มันมาทำไม? มาเตรียมเปิดศึกหรือไม่?
1. เป้าหมายของโดรนล้ำแดนคืออะไร?
(1) หาข้อมูลยุทธศาสตร์ของไทย
ในสงครามยุคใหม่ ข้อมูลคืออาวุธที่สำคัญที่สุด โดรนสามารถเก็บข้อมูลพิกัดของคลังอาวุธ สนามบิน ฐานทัพ เรดาร์ และจุดยุทธศาสตร์อื่นๆ
ถ้าอีกฝ่ายรู้ตำแหน่งเป้าหมายเหล่านี้ล่วงหน้า เขาสามารถยิงปืนใหญ่ ส่งมิสไซล์ หรือใช้โดรนติดอาวุธถล่มได้ในทันที เช่น ถ้าทำลายรันเวย์ของสนามบิน เครื่องบินรบของไทยก็ขึ้นไม่ได้ เท่ากับลดศักยภาพการตอบโต้ทันทีตั้งแต่วินาทีแรกของสงคราม
(2) ทดสอบระบบป้องกันของไทย
หากโดรนสามารถบินเข้ามาล้ำแดนได้โดยไม่ถูกสกัด นั่นหมายความว่าพื้นที่นั้นไม่มีระบบต่อต้านโดรน
เมื่อถึงเวลารบจริง เขาจะเลือกใช้ “ช่องโหว่” นี้เป็นทางเข้าโจมตี ดังนั้น โดรนที่เห็นอาจไม่ได้มาเพื่อถ่ายภาพเพียงอย่างเดียว แต่มาเพื่อทดสอบว่า “ไทยมีอะไรสู้บ้าง?” เป็นการประเมินแสนยานุภาพของไทย
2. แล้วไทยมีความพร้อมแค่ไหน?
ประชาชนมีสิทธิ์สงสัย เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของทหารเท่านั้น แต่เป็น “เรื่องความมั่นคงของประเทศ” หลายคนเริ่มตั้งคำถามที่สำคัญ เช่น
(1) ระบบต่อต้านโดรนของไทยมีหรือยัง?
ถ้ามี แล้วทำไมจึงปล่อยให้โดรนบินเหนือพื้นที่ยุทธศาสตร์โดยไม่มีการสกัด? ระบบที่มีอยู่ครอบคลุมพอหรือยัง? ตรวจจับได้รอบทิศหรือไม่?
(2) เรามีโดรนรบประเภทใดในครอบครอง?
มีเพียงพอหรือไม่? บินได้ไกลแค่ไหน? หากต้องตอบโต้ เราสามารถใช้โดรนบินลึกเข้าไปในกัมพูชาได้โดยไม่ถูกสกัดหรือไม่? และถ้าโดรนถูกสกัด อาจไม่ใช่แค่ตัวโดรนเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่ตำแหน่งของผู้ควบคุมโดรนอาจถูกเปิดเผย และกลายเป็นเป้าหมายด้วย!
(3) ทหารไทยมีความเชี่ยวชาญพอหรือยัง?
เรามี “นักบินโดรน” เพียงพอไหม? มีการฝึกซ้อมจริงในภารกิจสงครามอิเล็กทรอนิกส์หรือยัง?
3. ศึกโดรนวันนี้ ไม่ใช่แค่ไทย-กัมพูชา... แต่มี "มือที่สาม" แทรกอยู่
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าโดรนคือ เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง มีข่าวว่ากัมพูชาใช้โดรนจากจีนเป็นหลัก โดยอาจมี “จีนเทา” ให้การสนับสนุนทางเทคนิคและข้อมูลอยู่เบื้องหลัง หากไทยยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีจากจีนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Hardware หรือ Software โอกาสที่ศัตรูจะรู้ตำแหน่งโดรน และผู้ควบคุมของเราก็มีสูงมาก
4. ถึงเวลาต้องใช้เทคโนโลยี “ของเราเอง”
การพึ่งเทคโนโลยีต่างชาติในภาวะสงครามนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะอุปกรณ์อาจถูกปิดกั้น ซอฟต์แวร์อาจถูกเจาะ และอะไหล่อาจส่งมาไม่ทันเวลา
ทางรอดเดียวคือ ไทยต้องผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองให้ได้ โดย... ใช้ Hardware – Software ที่ควบคุมได้เอง ไม่ฝากความมั่นคงไว้กับระบบต่างชาติ ไม่ต้องรอให้ “เขาขายให้” หรือ “อัปเดตให้” ในยามวิกฤต
ถ้าวันหนึ่งเกิดสงคราม แล้วประเทศเจ้าของเทคโนโลยี ไม่ขายอะไหล่ ไม่ให้รหัสผ่าน... เราจะเหลืออะไรไว้ต่อสู้? เราต้องสามารถอัปเดตระบบของตัวเองได้โดยไม่ต้องขอรหัสผ่านจากต่างชาติ มิฉะนั้นเราจะไม่มีทางรบชนะในศตวรรษนี้
ทั้งหมดนี้ ด้วยความรักและหวังดีต่อ “กองทัพไทย” และ “ประเทศของเรา” ไม่ใช่เพื่อสร้างความแตกแยก แต่เพื่อถามคำถามที่ควรถาม และเรียกร้องให้มีการเตรียมพร้อม ก่อนที่ความไม่แน่นอนจะกลายเป็นวิกฤต ก่อนที่โดรนที่บินเข้ามาวันนี้ จะกลายเป็นโดรนติดอาวุธในวันพรุ่งนี้
“เรารักแผ่นดินนี้ และไม่ยอมให้ใครรุกล้ำ… เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่”
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี