โฆษกพท.สยบข่าวลือ “แพทองธาร ชินวัตร” ชิงลาออกนายกฯ ก่อนศาลวินิจฉัย อ้างถาม “หมอมิ้ง” แล้วไม่มีการพูดคุยประเด็นนี้ ยอมรับประเมินทุกฉากทัศน์การเมืองหากถูกศาลตัดสินพร้อมดัน “ชัยเกษม นิติสิริ” ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯคนต่อไป
เมื่อวันที่ 10สิงหาคม2568 นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ในพรรคเรายังไม่มีการพูดคุยกันถึงกระแสข่าวดังกล่าว “เรื่องที่นายกฯจะลาออกก่อนการตัดสินนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็บอกว่าไม่มีการคุยกันในเรื่องนี้”นายดนุพร ระบุ
เมื่อถามว่า พรรค พท.ได้ประเมินหรือไม่ว่าสถานการณ์จะออกมาในทิศทางใด นายดนุพรกล่าวว่า เราคุยกันทุกทางออกที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถ้านายกรัฐมนตรีอยู่ต่อก็ทำงานไป แต่หากนายกรัฐมนตรีถูกศาลตัดสินให้จะเป็นอย่างไร เราก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล
“แต่อย่าลืมว่าพรรค พท.ยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีก 1 คนคือ นายชัยเกษม นิติสิริ เรายังสามารถนำนโยบายและงบประมาณที่สภาดำเนินการต่อได้”นายดนุพร กล่าว
นายดนุพร ยังกล่าวถึงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างวันที่ 13-15สิงหาคม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาทซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระ 2 และวาระ 3 ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ พรรค พท.มุ่งมั่นจะจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
“ฝากไปถึงประชาชนให้รับทราบว่าจะมีการพิจารณา ซึ่ง สส.แต่ละคนจะอภิปรายตามที่สงวนคำแปรญัตติไว้ และขอให้เชื่อมั่นว่าเมื่องบประมาณเสร็จสิ้นแล้วจะเตรียมนำเม็ดเงินนี้ไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนให้กับประเทศชาติที่ได้ประเชิญปัญหา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาต่างๆ ที่เชื่อว่าเม็ดเงินนี้จะเป็นประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”นายดนุพร ระบุ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายงานของกมธ.ฯ ระบุว่า งบประมาณปี 2569 ที่มีวงเงินตั้งแต่ 3.78 ล้านล้านบาท กมธ.มีมติปรับลดทั้งสิ้น รวม 8.92 พันล้านบาท โดยทุกกระทรวงและส่วนราชการถูกปรับลดงบประมาณ ทั้งนี้ กระทรวงและส่วนราชการที่ปรับลดสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.กระทรวงมหาดไทย ปรับลด 2.14 พันล้านบาท
สำหรับรายการที่ปรับลดส่วนใหญ่เป็นค่าครุภัณฑ์ ค่าที่ดิน สิ่งก่อสร้าง อาคารต่างๆ ของส่วนราชการ 2.หน่วยงานรัฐสภา 880 ล้านบาท 3.กระทรวงคมนาคม 795 ล้านบาท 4.กระทรวงสาธารณสุข 693 ล้านบาท และ 5.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 459 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับงบประมาณที่ปรับลดดังกล่าว ตามรายงานของกมธ.ได้จัดสรรให้ส่วนราชการตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอตามความเหมาะสมและจำเป็น รวม 8.69 พันล้านบาท และจัดสรรให้หน่วยงานของรัฐสภา ศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ รวม 230 ล้านบาท
ขณะที่ส่วนราชการที่ได้รับงบประมาณเพิ่มเติม ประกอบด้วย 1.รัฐวิสาหกิจ ตั้งเพิ่มจำนวน 4.91 พันล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างงานโยธาตามสัญญาสัมปทานฯโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม กทม.
2.กระทรวงการคลัง ตั้งเพิ่มจำนวน 1.56 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี 25693.งบกลาง ตั้งเพิ่มจำนวน 1 พันล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กรณีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ
4.กระทรวงแรงงาน ตั้งเพิ่มจำนวน 1 พันล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินสมทบกองทุนประกันสังคม สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา39 5.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งเพิ่มจำนวน 153 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ
6.หน่วยงานของศาล ตั้งเพิ่มจำนวน 83 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานการพิจารณาพิพากษาคดีที่รวดเร็ว มีคุณภาพ และ7.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งเพิ่มจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อใช้ในปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ส่วนของวัสดุเชื้อเพลิงและหล่อลื่น
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งเพิ่มในส่วนของ 2 แผนงาน ได้แก่แผนงานบูรณาการ ตั้งเพิ่มจำนวน 20 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ติดสารเสพติดที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดและพัฒนาพฤตินิสัยแผนงานบุคลากรภาครัฐ จำนวน 160 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายบุคลากร 6 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานอัยการสุงสุด 78 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 32 ล้านบาท สำนักงานศาลปกครอง 27 ล้านบาท สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) 13 ล้านบาท สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) 6.9ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายงานของกมธ.แจ้งรายละเอียดงบในส่วนรายการเปลี่ยนแปลงได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ที่ปรับลดงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ลง 114ล้านบาท และเติมให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้แก่ เทศบาลเมืองโคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา 35ล้านบาท เทศบาลเมืองประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ 21 ล้านบาท เทศลาลเมืองลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ 23 ล้านบาท และเทศบาลตำบลเขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทา 33ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุข ได้ปรับลดงบส่วนของสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข 70 ล้านบาท ไปจัดสรรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 13 แห่ง อาทิ อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ 8.6 ล้านบาท อบจ.ยะลา 5 ล้านบาท อบจ.ร้อยเอ็ด 6 ล้านบาท อบจ.พะเยา 9.7ล้านบาท อบจ.ตาก 7.8 ล้านบาท เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี