เลขาธิการนายก ระบุ “รัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ“ ทั้งปราบยาเสพติดและรักษาอธิปไตยชายแดน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนความแข็งแกร่งของกองทัพอย่างเต็มที่ ขณะนี้ ขอคนไทยสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันต่อสู้กับศัตรูของประเทศ
นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนในข่าว" MCOT News FM 100.5 ถึงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำ รัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ ในการดำเนินนโยบายทั้งการปราบยาเสพติดและรักษาอธิปไตยชายแดน พร้อมสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ทั้งเทคโนโลยีและอื่นๆ ขณะเดียวกัน ขอคนไทยสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันต่อสู้กับศัตรูของประเทศ
สำหรับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานบุคคลเพิ่มเติม วันที่ 21 ส.ค. 2568 กรณีคลิปเสียงสนทนา น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กับนายฮุน เซน ก่อนวินิจฉัยในวันที่ 29 ส.ค. 2568 นั้น ศาลให้สิทธิ์ในการไปชี้แจง ขอยืนยัน นายกรัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์และมิได้มีอะไรที่ผิดทางจริยธรรม คลิปเสียงเป็นเทคนิคที่คุยกัน ขอถือความบริสุทธิ์ใจ
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลำดับเหตุการณ์สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม นายกรัฐมนตรีได้หารือทั้งการดูแลชายแดน การปราบปรามยาเสพติดกับทหาร ซึ่งทั้งรัฐบาลและทหารมีความเป็นเอกภาพ ทำงานร่วมกันอย่างดี อย่างไรก็ดี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กัมพูชาได้ละเมิด ซึ่งทหารได้ประท้วงตามหลักชายแดนที่เคยทำกันมา จนกระทั่งมีการขุดคูเลตขึ้น รวมถึงมีการปะทะกัน ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายและบาดเจ็บ 1 นาย ตลอดระยะเวลานายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและติดตาม มีการประชุมกับแม่ทัพและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่างใกล้ชิด
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย โดยนายกรัฐมตรีให้ความสำคัญกับลำดับ-ขั้นตอน เพื่อหวังให้สถานการณ์คลี่คลาย เช่น การมอบหมายภารกิจ การยกระดับการเจรจาที่เป็นลำดับขั้น โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ได้เจรจาก่อนหน้า ที่ชายแดนบริเวณช่องบก จนถึงการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งครั้งนั้น นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ด้วยตนเอง และมอบหมายให้ สมช. ดำเนินกำหนดเปิด-ปิดด่านตามขั้นตอน ซึ่งกัมพูชาไม่พอใจกัมพูชา นอกจากนี้ การพูดคุยกันใน JBC เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 กับสิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาแถลงเป็นคนละเรื่องกัน และนายฮุน เซน ก็ออกมาโพสต์โซเชียลอีกแบบหนึ่ง ยิ่งปลุกเร้าให้สถานการณ์ยกระดับขึ้นไปอีก
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังเผยถึง การสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายก ฯ และนายฮุน เซนว่า นายฮวด ตัวแทนของกัมพูชาที่พูดภาษาไทยติดต่อมาหลายครั้ง ตอนแรกก็ปฏิเสธ ซึ่งนายกฯ เองก็เน้นความรอบคอบและหารือตลอดทั้งกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นายภูมิธรรม เวชยชัย) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และตนเอง สิ่งสำคัญคือนายฮุน เซน ไม่ใช่คู่เจรจา แต่เป็นบิดาของนายกฯ แต่อาจจะมีอิทธิพลกับลูกชาย จึงหวังว่าการคุยอย่างไม่เป็นทางการอาจจะเป็นช่องทางหนึ่ง
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นถึงเป้าประสงค์ของกัมพูชาในการเผยแพร่คลิปเสียงว่า ต้องการให้ผู้นำของไทยวุ่นวาย รัฐบาลและกองทัพไม่มั่นคง โดยเฉพาะการพูดว่า ภายในสามเดือนจะต้องเปลี่ยนนายกฯ นั่นคือความมุ่งหมายของกัมพูชา
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังเรียกร้องให้ประเทศไทยมีความเป็นสามัคคีกันและเป็นหนึ่ง ต่อสู้กับศัตรูของประเทศชาติ ในนาทีนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องตระหนักถึงหลักการสำคัญของเรา สันติภาพ คือ เครื่องมือสำคัญในการรักษาชีวิตของพี่น้องทหารและประชาชน หลักการนี้สำคัญ เราพยายามที่จะดำรงเรื่องของสันติวิธี ให้เกิดสันติภาพ ขณะเดียวกัน กองทัพต้องแข็งแรงและมีประสิทธิภาพสูง รัฐบาลเองก็ต้องเป็นผู้ที่ให้ความเข้มแข็งให้ประเทศต่างๆ รับรู้ และให้เกิดสันติภาพ
“ยืนยันว่ารัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ และเป็นความประสงค์ของรัฐบาลที่จะสนับสนุนเต็มที่ให้กับความเข้มแข็งของกองทัพ รัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ เป็นหลักประกันที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดสันติภาพ สันติภาพคือเครื่องมือที่จะรักษาชีวิตของพี่น้องทหารและประชาชน และทำให้เศรษฐกิจโตได้ เป็นสิ่งที่เราปรารถนา ยึดถือ ถ้าคิดแบบ Winner Solution Approach คือเจตนาของผู้ชนะ ทุกปัญหามีทางออก” เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี