“ดร.เจษฎ์” ย้ำคดี “อิ๊งค์” พฤติกรรมร้ายแรงกว่าเศรษฐา เพราะผูกพันประเทศชาติ เตือนเข้าห้องไต่สวนพฤหัสฯนี้ หากพูดนอกสคริปต์ที่คนอื่นเขียนให้ กระทบรูปคดีแน่ ด้านเทพไท ฟันธงอิ๊งค์ลาออกก่อนวันตัดสิน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าววิเคราะห์กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีสมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องถอดถอนนส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในวันที่ 29 ส.ค.นี้ว่า คดีของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร หากเทียบกับคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ถือว่าศาลรัฐธรรมนูญให้โอกาสมากกว่า เพราะเปิดให้มีการไต่สวน โดยพยานที่ศาลรธน.เรียกมาคือนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสมช.ถือว่าเหมาะสม ก็อาจมาอธิบายแบบกลางๆ ว่าลักษณะความมั่นคงของชาติคืออะไร และอะไรที่ทำไปแล้วมันจะเกิดสิ่งที่เป็นผลกระทบ แล้วก็เรียกนายกฯ มาไต่สวนเพื่อมาเล่าให้ศาลรธน.ฟังในสิ่งที่อธิบายเป็นหลักการไว้ เพื่อที่ท้ายที่สุด ศาลรธน.จะได้วินิจฉัยและตัดสินได้ รวมถึงการให้ผู้ถูกร้องยื่นเอกสารแถลงการณ์ปิดคดี
ดร.เจษฎ์ กล่าวว่า ส่วนการไปไต่สวนในวันที่ 21 ส.ค. ต้องบอกว่า หากนายกฯให้ใครวางแผนให้ นายกฯอย่าพูดนอกแผน ควรทำตัวแบบอาปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)เพราะสิ่งนี้ อาปูทำได้ดีกว่า สิ่งที่คุณยิ่งลักษณ์ แตกต่างจากนายกฯแพทองธาร ที่หลายคนพูดกัน คือคุณยิ่งลักษณ์ ไม่รู้เรื่องเธอยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง เมื่อไม่สามารถพูดเองได้ ก็ยอมรับในบทที่คนอื่นเขียนมาให้ อันเป็นคุณสมบัติที่คุณแพทองธาร ไม่อาจเรียนรู้จากยิ่งลักษณ์ หากเรียนรู้จะทำให้อะไรหลายอย่างดีกว่าเดิม ดีกว่าที่ผ่านมา คือพูดตามบท อย่าพยายามออกนอกบท เพราะการไต่สวน ศาลรธน.อาจจะไล่ถาม แต่ก็จะไล่ถามไล่เรียงตามเอกสารที่ยื่นต่อศาลรธน.(เอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา) หากคุณแพทองธารฉลาดหรือใครก็ตามที่วางแผนให้คุณแพทองธาร ต้องมีการสำทับว่าให้ว่าไปตามเอกสาร ถ้าทำแบบนี้มันจะได้ไม่หลุดเพราะไม่เช่นนั้น หากพูดแล้วไม่เป็นโล้เป็นพาย พูดแล้วไปทำลายน้ำหนักของตัวเอง แบบนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากนายกฯจะไม่ไปไต่สวนก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าเธอจะไปเพราะอย่าลืมว่าเธอเป็นคนมั่นใจในตัวเอง แล้วอาจจะคิดว่าจะไปพูดขอความเห็นอกเห็นใจ
เมื่อถามถึงความเห็นต่อเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯที่ยื่นต่อศาลรธน.ฟังขึ้นหรือไม่ ดร.เจษฎ์ให้ความเห็นว่า ต้องบอกแบบนี้ว่า ถ้ามีสิ่งเหล่านั้นจริงมันต้องแสดงได้ มันเกิดขึ้นหลังจากไปพูดแล้วทั้งนั้น
“เป็นลักษณะของการมาเขียนปั้นเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่ได้ทำไปแล้วนั้น มีหลักการอย่างไร มันก็ดูดี อ่านเพลิน แต่ไม่มีน้ำหนักเท่าใด”
ดร.เจษฎ์กล่าวด้วยว่า หากเทียบระหว่างคดีนายเศรษฐา กับคดีแพทองธาร มองว่าคดีของนายเศรษฐา ยังไม่ร้ายแรงเท่าคดีของนายกฯแพทองธาร แต่เกณฑ์พิจารณาเป็นเกณฑ์เดียวกัน เสียหาย- ไม่เสียหาย ไม่เกี่ยว เจตนา ไม่เจตนาไม่ใช่ สิ่งที่มองก็คือว่า คนเช่นนี้ ทำเช่นนั้น ถือว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ คนเช่นนี้คืออะไร คือคนเป็นนายกฯ คนเป็นรัฐมนตรี ไม่ได้หมายถึงคนแบบแพทองธาร คนแบบเศรษฐา ไม่ได้ว่าตัวบุคคล แต่คนเช่นนี้คือคนเป็นรัฐมนตรี คนเป็นนายกฯ กระทำเช่นนั้น เช่นนายเศรษฐา รู้ก็รู้อยู่ว่านายพิชิต ชื่นบาน ทำอะไรบ้าง ก็ยังตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ทำเช่นนั้นถือว่าซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
นายกฯ คุณแพทองธารก็เช่นกัน คนเช่นนี้คือ ทำการพูดคุยโดยวิถีที่ได้เลือกทำ โดยเนื้อหาที่ได้เลือกพูด ถือว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ เป็นเช่นนั้น ก็คล้ายกัน แต่ที่หนักหนากว่าคือ กรณีนายเศรษฐา ก็รู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ไปทำอะไร แล้วไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วยคำถามหนึ่งแล้วมาอธิบายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นั่นแหละคือสิ่งที่ศาลรธน.บอกว่าขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“คุณแพทองธาร แอบไปคุยกับฮุน เซน ลับหลังคนไทยทั้งประเทศ เนื้อหาที่คุยจะบอกว่าเป็นการขุดบ่อล่อปลาอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเนื้อหาเหล่านั้นไม่ถูกเปิดเผยออกมา พวกเราคนไทยทั้งประเทศ คงจะถูกแทงไปเรียบร้อยแล้วโดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะเป็นฝายตรงข้าม คนทำเยี่ยงนั้นถือว่าขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ซึ่งผมว่า มันร้ายแรงกว่ากรณีนายเศรษฐา เพราะเป็นเรื่องที่ผูกพันทั้งชาติ ประเทศชาติทั้งประเทศชาติ”ดร.เจษฎ์ระบุ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท - คุยการเมือง” ระบุว่า “อุ๊งอิ๊ง จะลาออกเอง รอศาลให้ออก ก็ต้องออกอยู่ดี
ท่ามกลางกระแสการวิพากษ์วิจารณ์และการวิเคราะห์ว่า คดีคลิปเสียงหลุดของนางสาวแพทองธารกับสมเด็จฮุนเซน ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะออกมาเช่นไร นางสาวแพทองธารจะเดินทางไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อไต่สวนพยานในวันที่ 21 สิงหาคมหรือไม่ และจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือไม่
แต่ในส่วนของสมาชิกพรรคเพื่อไทย แกนนำคนสำคัญ ตั้งแต่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค จนถึงแกนนำคนอื่นๆอีกหลายคน ต่างออกมายืนยันว่านางสาวแพทองธารไม่มีความคิดจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเชื่อมั่นว่าคดีนี้จะผ่านไปได้อย่างแน่นอน นางสาวแพทองธารจะเดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 สิงหาคมด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นท่าทีของแกนนำพรรคเพื่อไทยออกมายืนยันเช่นนี้ น่าจะเป็นการพูดเอาอกเอาใจ ปลอบใจกันเอง และให้กำลังใจนางสาวแพทองธารมากกว่า เพราะข้อมูลทั้งหมด ยังไม่เคยออกจากปากนางสาวแพทองธารโดยตรงเลย แม้ว่าสื่อมวลชนพยามจะสอบถามขอสัมภาษณ์ แต่นางสาวแพทองธารปิดปากเงียบ หลบหนีนักข่าว ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อสาธารณะชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นางสาวแพทองธารยังไม่มีความมั่นใจ เพราะพูดไปก็จะผูกมัดตัวเอง
ถ้าหากนางสาวแพทองธารมั่นใจว่า จะไม่ลาออก ยืนกระต่ายขาเดียวสู้จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม วันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย เชื่อว่านางสาวแพทองธารคงจะออกมายืนยันกับสื่อมวลชนแล้ว แต่ที่ต้องปิดวาจา ปิดปากเงียบเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ รอดูท่าทีการต่อดีลหรือดีลต่อ ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่ไม่ว่านางสาวแพทองธารจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยหรือไม่ ก็เชื่อว่านางสาวแพทองธารไม่สามารถจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งก่อน ก็จะถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่งอย่างแน่นอน ด้วยข้อหาคลิปเสียงหลุด ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งคำตอบคือ นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ลาออกเอง ก็พ้นด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ดี
เมื่อเห็นภาพพรรคร่วมรัฐรัฐบาลหลายพรรค เข้าพบนางสาวแพทองธารเพื่อให้กำลังใจ สังคมก็ตั้งคำถามว่าในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคร่วมรัฐบาลยังอุ้มนางสาวแพทองธารอยู่อีกหรือ ทำไมไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ก่อนหน้านี้เคยประกาศจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่กลัวปัญหาเรื่องพรบ.งบประมาณไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร วันนี้พรบ.งบประมาณแผ่นดินได้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว หมดข้ออ้างแล้วก็ควรจะพิจารณาตัดตัดสินใจถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลได้แล้ว หากรอจนถึงวันที่ 29 สิงหาคม ถ้าโชคร้ายของคนไทย นางสาวแพทองธารไปต่อได้อีก กระแสสังคมก็จะกดดันให้ถอนตัว หรือยุบสภา ถ้าไม่ถอนตัวก็ต้องรับผิดชอบในความเสียหายทางการเมืองที่เกิดขึ้นต่อประเทศชาติ และจะมีผลต่อคะแนนเสียงและผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.00น.วันที่ 17สิงหาคม2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม โพสต์สตอรี่ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีการโพสต์ไอจีสตอรี่ คำสอนของแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ว่า “การได้รับกำลังใจเป็นเรื่องดี แต่การสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้เป็นเรื่องดีที่สุด” และ “สติ” เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เราอยู่เหนือ “ความชอบ-ชัง”ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 21ส.ค.เวลา 10.30น.ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ ผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ คดีคลิปเสียงสนทนา น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 15.00น.ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี