ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ไต่สวนพยาน 2 ปาก ในรายของ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วเสร็จ ในคดีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของส.ว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฯฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้น นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ย้ำตอนหนึ่งระหว่างอ่านรายงานกระบวนวิธีพิจารณาคดีว่า ห้ามมิให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่และบิดเบือนข้อมูลที่จะทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด และตามที่ศาลได้สั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 27 ส.ค. 68 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09:30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในเวลา 15:00 น. พิจารณาแล้วเห็นว่า ตุลาการแต่ละท่านมีเวลาทำคำวินิจฉัยส่วนตนเพียง 1 วัน ดังนั้นเพื่อให้การวินิจฉัยของศาลเป็นไปอย่างรอบคอบและครบถ้วน อาศัยอำนาจตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 31 ให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเสนอต่อศาลภายในวันที่ 25 ส.ค. 68 หากไม่ยื่นถือว่าไม่ติดใจยื่น ส่วนการนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติ และนัดฟังคำวินิจฉัยให้เป็นไปตามกำหนดเดิม
ระหว่างที่ศาลได้อ่านกระบวนวิธีพิจารณานั้น กล้องได้จับภาพมาที่ น.ส.แพทองธาร จึงได้เห็นสีหน้าของนายกรัฐมนตรีชัด คือ ท่าทางของเธอที่ "ยืนกุมมือทั้งสองข้างไว้แน่น" โดยปลายนิ้วชี้ทั้งสองชนกันเบา ๆ ท่าทางนี้แม้จะดูเป็นธรรมชาติ แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้ว คือ ภาษากายของผู้ที่พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองอย่างเต็มที่ เป็นสัญญาณของการขาดความมั่นใจ และความพยายามสร้างความมั่นคงในภาวะที่สภาพแวดล้อมอยู่เหนือการควบคุม
แม้เธอจะยังคงมีสีหน้าสงบนิ่งในระดับหนึ่ง แต่ท่าทีทางกายของเธอกลับบอกเล่าอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของความกดดันที่ไม่สามารถปิดบังได้โดยถ้อยคำหรือคำแถลงใด ๆ ตลอดระยะเวลาที่ตุลาการกล่าวสรุป น.ส.แพทองธาร มีพฤติกรรม "กระพริบตาถี่" อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ภาษากายมักตีความว่าเป็นสัญญาณของความตึงเครียดทางจิตใจ หรือความพยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ภายในที่ปั่นป่วน
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยัง "เม้มริมฝีปาก" เป็นระยะ คล้ายกับพยายามควบคุมบางความรู้สึก หรือกลั้นคำพูดบางอย่างไว้กับตัวเอง ท่าทีเช่นนี้สะท้อนถึงแรงกดดันระดับสูงภายในจิตใจ ซึ่งอาจเป็นทั้งความวิตกกังวล ความไม่พอใจ หรือความกลัวในสิ่งที่จะตามมา
ทั้งหมดนี้ ไม่ได้เพียงแค่สะท้อนความรู้สึกส่วนตัวของบุคคลคนหนึ่ง แต่ยังสะท้อนภาวะอ่อนไหวของสถานการณ์การเมืองไทยในห้วงเวลานั้น ห้วงที่คำพูดของตุลาการไม่ใช่แค่บทสรุปของการไต่สวน แต่เป็นการกำหนดวันที่จะนำไปสู่การพิจารณาคดีของ น.ส.แพทองธาร ภายในอนาคต
อย่างไรก็ตาม คำพูดอาจถูกเลือกใช้ด้วยความระมัดระวังได้ แต่ภาษากายไม่เคยโกหก
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี