23 ส.ค. 68 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และรองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai ระบุว่า "ช่วยกันแชร์ เราต้องการ ๑๐,๐๐๐ คน เพื่อให้ความช่วยเหลือบุคลากรสาธารณสุขที่ร่อแร่กับภาระงานหนักอย่างเร่งด่วนที่สุด คือ การใช้กฎหมายที่ถูกต้อง ซึ่งผมคิดได้ ๒ วิธีที่เร็วที่สุด
๑. แก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๔(๑) โดยเอาคำว่า “ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น” ออกไป หากทำได้สำเร็จ (ใช้เสียง สส. ๒๐ คน หรือประชาชน ๑๐,๐๐๐ คน ร่วมกันลงชื่อ) สิ่งที่จะเกิดขึ้นทันทีคือ ข้าราชการ ซึ่งรวมถึงแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุขทั้งหมด จะตกอยู่ภายใต้กฎหมายแรงงาน
ผลคือ
• ห้ามทำงานเกิน ๘ ชั่วโมงต่อวัน
• ไม่เกิน ๔๘ ชั่วโมงต่อสัปดาห์
• การทำงานล่วงเวลาต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
• ได้ค่าล่วงเวลาอย่างน้อย ๑.๕ เท่าของค่าจ้างปกติ (ไม่ควรเกิน ๓๖ ชั่วโมงต่อสัปดาห์)
• หากถูกเรียกทำงานในวันหยุด ต้องได้ค่าจ้าง ๒ เท่า
แต่ปัญหาที่จะตามมาคือ ข้าราชการทุกหน่วยงานจะถูกบังคับเหมือนกันหมด ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะราชการส่วนใหญ่ไม่ได้เจอภาระเกินกำลังเท่ากับสาธารณสุข และยังไม่อยากถูกมองว่าเป็น “แรงงาน”
๒. ออก พ.ร.บ.ใหม่สำหรับบุคลากรสาธารณสุขโดยเฉพาะ “ร่าง พ.ร.บ.ชั่วโมงปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย พ.ศ. …”
โดยกำหนดเวลาทำงานในราชการ, การทำงานนอกเวลาให้เป็นไปด้วยความสมัครใจ และอัตราค่าล่วงเวลาต้องมากกว่าปกติ ซึ่งร่างไว้แล้ว โดย รศ.นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ
เมื่อกฎหมายบังคับใช้ บุคลากรจะไม่สามารถทำงานเกินเวลาที่กำหนดได้อีก ปัญหาในช่วงแรกคือ อาจไม่มีคนทำงาน ๒๔ ชั่วโมงเต็มเหมือนเดิม เพราะบุคลากรที่ถูกใช้งานเกินกำลังมานาน จะได้กลับไปพักผ่อนกับครอบครัวหรือใช้ชีวิตตามควร
วิธีแก้ คือ โรงพยาบาลต้องดึงคนที่ลาออกไปแล้วกลับมาช่วยเวร ด้วยอัตราจ้างที่เหมาะสม ถือเป็นการนำกำลังคนกลับเข้าสู่ระบบอย่างแยบยล เพราะความจริงแล้วบุคลากรทางสาธารณสุขของประเทศ “ไม่ได้น้อย” แต่ติดอยู่ที่ระบบราชการไม่ดึงศักยภาพกลับมาใช้
คำถามเรื่องเงิน ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัจจุบันงบประมาณสาธารณสุขเพียง ๓% ของ GDP ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับความสำคัญของชีวิตคน หากรัฐจัดลำดับความสำคัญใหม่ หรือใช้งบกลางมาสนับสนุน ก็สามารถทำได้ทันที
ทีงบอื่น ๆ เช่นแปลงเพศ ฮอร์โมนทดแทน รัฐยังหามาให้ได้ แต่กับงบที่ปกป้องชีวิตบุคลากรและผู้ป่วย ทำไมถึงไม่มีให้?
สรุป
ถ้าไม่เริ่มทำวันนี้ ปัญหาจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ บุคลากรจะเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ทำงานผิดพลาด จนลาออกไปหมด เหลือคนในระบบก็เสี่ยงรักษาผิด ถูกฟ้อง ถูกคดี ทั้งที่แท้จริงเขาเสียสละเพื่อคนไข้มาโดยตลอด
นี่จึงไม่ใช่การต่อสู้เพื่อบุคลากรเท่านั้น แต่คือการปกป้องความปลอดภัยของผู้ป่วย และอนาคตของระบบสาธารณสุขไทย
อาศัย สส. ๒๐ ท่าน หรือประชาชน ๑๐,๐๐๐ คน ร่วมลงชื่อ เราจะเดินหน้าเสนอร่าง พ.ร.บ.นี้ต่อไป เช้านี้ผมได้หารือส่วนตัวกับทั้ง ประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขวุฒิสภา นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล และประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุขสภาผู้แทนราษฎร นพ.ทศพร เสรีรักษ์ รวมถึง สส. จากหลายพรรคแล้ว ให้ช่วยพิจารณาเป็นวาระเร่งด่วนครับ
Update ผมส่งร่างกฎหมายถึง สส.กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang เพื่อนผมเพื่อเสนอสภาแล้วครับ
นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย
สมาชิกวุฒิสภา
รองประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา
๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๘"
.-008
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี