'ทวี'ดัน'กรมคุมประพฤติ-กรมราชทัณฑ์'ช่วยแก้วิกฤตแรงงานเขมร2แสคนกลับประเทศกรณีชายแดนไทย-กัมพูชา พลิกโอกาสการพัฒนาประเทศแท้จริง ต้องมาจากศักยภาพของคนในชาติเป็นหลัก สู่"พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากอาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ ว่าเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 การประชุมออนไลน์กับผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจากทั่วประเทศจำนวน 105 แห่ง โดยมี พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวมอบนโยบายการศึกษาของผู้กระทำผิดที่อยู่ในความดูแลของกรมคุมประพฤติ ทั้งนี้ พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ นำคณะผู้บริหารกรมคุมประพฤติ มาให้การต้อนรับและรับมอบนโยบาย โดยมีนางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายรวิศ สอดส่อง หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายพลรักษ์ รักษาพล คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
พันตำรวจเอกทวี กล่าวมอบนโยบายว่ากรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีความสำคัญโดยชี้ให้เห็นถึงวิกฤตการขาดแคลนแรงงานในประเทศ และเสนอแนวทางพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสร้างกำลังคนจากภายใน จากกรณีที่แรงงานกัมพูชากว่า 200,000 คนเดินทางกลับประเทศ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญว่าการพึ่งพาแรงงานต่างชาติไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน การพัฒนาประเทศที่แท้จริงต้องมาจากศักยภาพของคนในชาติเป็นหลัก
พันตำรวจเอกทวี กล่าวอีกว่า กรมประพฤติ และกรมราชทัณฑ์ มีผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลรวมกันปีละประ มาณ 400,000 คน โดยแบ่งเป็นผู้ถูกคุมประพฤติ2แสนคน และผู้พ้นโทษอีกประมาณ2แสนคนต่อปี ซึ่งตนมองว่าคนกลุ่มนี้คือ กำลังแรงงานที่ซ่อนอยู่ ที่รัฐบาลสามารถลงทุนพัฒนาและนำกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศได้ แทนที่จะใช้เงินหลายพันล้านบาทหมดไปกับการจ้างแรงงานต่างชาติ รัฐบาลจะได้นำงบประมาณดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาทักษะและศักยภาพของผู้ถูกคุมประพฤติ เพื่อให้พวกเขามีทักษะเทียบเท่าหรือสูงกว่าแรงงานต่างชาติ และสร้างความเจริญให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการแก้ปัญหาความยากจนที่ดีที่สุด คือ การแก้ที่การศึกษาถึง 70% และการแก้ปัญหายาเสพติดก็ต้องแก้ที่การศึกษาเช่นกัน" พันตำรวจเอกทวี กล่าว
รมว.ยุติธรรม กล่าวตอนท้ายว่า กรมคุมประพฤติจะต้องเป็น"แซนด์บ็อกซ์" หรือพื้นที่นำร่องในการจัดกิจกรรม "พัฒนาพฤตินิสัย" โดยจะร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้ที่เคยทำผิดพลาด ให้พวกเขากลับมาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ พร้อมกันนี้ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่คุมประพฤติทั่วประเทศ เพราะงานของพวกคุมประพฤติเป็น "นวัตกรรมทางสังคม" ที่สร้างคนที่มีคุณภาพกลับคืนสู่สังคมอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญในการสร้างความเจริญที่มั่นคงของประเทศไทยในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า รมว.ยุติธรรม ยังได้มอบป้ายไฟร้านตัดผมและมอบทุนประกอบอาชีพให้นายนพพงษ์ พุ่มคง หรือ ช่างมาร์ค คนคุมประพฤติต้นแบบ ของ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม และ ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจากทั่วประเทศ ที่ประชุมออนไลน์ด้วย