ต้องยอมรับ กรณีปัญหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นข้อพิพาทยืดเยื้อมานานเกือบ 50 ปี ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)กับประชาชนผู้ครอบครองและออกโฉนดที่ดินไปแล้วหลายพันไร่ สาระสำคัญอยู่ที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวตามกฎหมาย ถือเป็นที่ดินของรัฐที่เวนคืน เพื่อกิจการรถไฟ ต่อมามีการออกโฉนดครอบครองจำนวนมาก เมื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.มหาดไทย มาคุมกระทรวงมหาดไทย สั่งเดินหน้าเพิกถอนโฉนดกว่า5,000 ไร่รวม 995 แปลงทันที พร้อมผลักดันให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาตรวจสอบในมิติการฟอกเงินและจัดให้เป็น“คดีพิเศษ”
เรื่องดังกล่าว พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)พร้อมคณะพนักงานสืบสวนคดีที่ 97/2568 ได้ลงพื้นที่แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ตามคำสั่งศาลปกครอง
จากการตรวจสอบ พบว่าแผนที่การรถไฟที่จัดทำร่วมกับสำนักงานที่ดินบุรีรัมย์ แสดงพื้นที่เดิม 5,083 ไร่ แต่ผลการวัดระบบใหม่เมื่อ ก.ค. 2567 เหลือเพียง 4,414 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบสิ่งปลูกสร้างบางส่วนทับทางสาธารณะ และการออกโฉนดน่าสงสัยหลายแปลง รวมถึงมีหน่วยงานรัฐ 12 หน่วยงาน ตั้งอยู่ในพื้นที่รถไฟ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง
ทั้งนี้ ยังพบการทำนิติกรรมโฉนดจำนวน 513 ไร่ ที่ได้รับการรับรองแนวเขตจากเจ้าหน้าที่การรถไฟ แต่ยังอยู่ในเขตที่ดินรถไฟ ซึ่งต้องตรวจสอบต่อ ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่ทับทางสาธารณะ เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองท้องถิ่นในการดำเนินการตามกฎหมาย โดยจากข้อมูลสำนักงานที่ดินตั้งแต่ปี 2513–2539 มีทั้งที่ได้รับและไม่ได้รับการรับรองจากการรถไฟ
ดีเอสไอมองว่า หลักฐานทั้งหมดที่เก็บได้จากการลงพื้นที่3วัน จะถูกนำมาวิเคราะห์และมีความเป็นไปได้ที่จะยกระดับเป็นคดีพิเศษ หากพบมูลความผิดชัดเจน
มิติการเมือง: เกมเจาะยางพรรคภูมิใจไทย?
แกนนำพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะกลุ่มการเมืองในบุรีรัมย์ถูกจับตามองว่าเป็น“เป้าหมายทางการเมือง” ของคดีนี้เพราะพื้นที่เขากระโดงเชื่อมโยงกับฐานอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองในจังหวัด
การสั่งให้เปลี่ยน อธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ ก็ถูกมองว่าเป็นการจัดวาง“มือทำงาน”ให้เดินหน้าเพิกถอนโฉนดอย่างจริงจังตามที่‘มท.1’กำหนดเป้าหมาย ไม่ใช่เพียงคืนที่ดินให้รัฐ แต่ยังสะเทือนต่อเครือข่ายทางการเมืองของภูมิใจไทย
การพยายามโยงเข้ากับมิติ ฟอกเงิน และคดีพิเศษ ทำให้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ข้อพิพาทปกติ แต่เป็นการยกระดับให้มีนัยการเอาผิดทางอาญาซึ่งหากมีการดำเนินคดีจะกระทบภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแกนนำภูมิใจไทยโดยตรง
มิติกฎหมาย : ข้อท้าทายกับดักจ่ายเงินชดเชย
ฝ่ายกฎหมายที่ได้รับผลกระทบย้ำว่า หากจะเพิกถอนโฉนด ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตาม มาตรา 61 พ.ร.บ.ที่ดิน มิใช่อาศัยเพียงคำสั่งฝ่ายบริหาร
หากเพิกถอนโดยไม่รอบคอบ รัฐบาลอาจเผชิญการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย“หลักหมื่นล้านบาท”เพราะประชาชนบางส่วนเป็นผู้ครอบครองโดยสุจริต ได้รับโฉนดจากรัฐเอง
คำถามใหญ่ คือ“กรมที่ดิน”จะนำงบประมาณจากที่ใดมาจ่ายชดเชย หากศาลสั่งให้ต้องชำระจริง นั่นหมายถึงภาระการคลังและแรงกดดันต่อรัฐบาลโดยตรง
ที่สำคัญ เมื่อเพิกถอนไปแล้วที่ดินกว่า 5,000ไร่จะถูกนำไปจัดการอย่างไร?หากไม่มีแผนรองรับชัดเจนก็อาจกลายเป็นข้อครหาว่า“ใช้กฎหมายเล่นงานการเมือง”มากกว่าเพื่อประโยชน์สาธารณะ
มิติของ รฟท. และคำถามเชิงนโยบาย
ทำไมการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยตรงจึงไม่ดำเนินการปกป้องสิทธิในที่ดินตั้งแต่ต้น แต่กลับปล่อยให้มีการออกโฉนดและประชาชนอยู่อาศัย จนกลายเป็นข้อพิพาทใหญ่
เมื่อรฟท.ขอออกโฉนด“ตามหลังประชาชน”ยิ่งทำให้ข้อพิพาทซับซ้อน และอาจกลายเป็นจุดอ่อนทางกฎหมาย หากศาลเห็นว่าประชาชนครอบครองโดยสุจริต และมีหลักฐานสิทธิชัดเจน
นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความคดีเขากระโดง กล่าวถึงการทำงานของชุดสืบสวนสอบสวนคดีที่ดินเขากระโดงที่ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเพื่อรวบรวมหลักฐานพิจารณาจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ว่าดีเอสไอกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ เรื่องเขากระโดง ไม่ใช่คดีพิเศษอะไร เป็นเพียงข้อพิพาทสิทธิในที่ดินที่กฎหมายกำหนดช่องทางไว้ชัดเจน คือ ให้พิจารณาตาม มาตรา 61แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และศาลปกครองชี้แล้วว่า อำนาจเพิกถอนโฉนด เป็นของอธิบดีกรมที่ดิน ไม่ใช่ของดีเอสไอ แต่กลับเห็นความพยายามเร่งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ ทั้งที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เพียงเพราะต้องการสร้างแรงกดดันทางการเมือง
การนำเอกสารอย่างร.ว.9หรือส.ค.1มาโบกเป็นธง ทั้งที่รู้กันดีว่า ไม่ใช่เอกสารกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงแจ้งการครอบครองแบบเดียวกับประชาชนทั่วไปแถมยังมีปัญหามาตราส่วนผิดเพี้ยนในแผนที่ก็สะท้อนเจตนาชัดว่าไม่ได้ทำเพื่อหาความจริงทางกฎหมาย แต่ทำเพื่อสร้างเรื่องให้สังคม เชื่อว่าประชาชนคือผู้บุกรุกทั้งที่ประชาชนถือโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย
ทนายเขากระโดงยังมองว่า“สิ่งที่น่ากังวลคือการเร่งทำคดีนี้ให้กลายเป็นคดีพิเศษเกิดขึ้นหลังเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมือง กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกกดดันให้เร่งปิดเกม ทั้งที่ความจริงปัญหาคาราคาซังมาหลายสิบปี ทำไมเพิ่งจะเร่งเอาตอนนี้ คำตอบมีเพียงข้อเดียวนี่คือการเมือง ไม่ใช่ความยุติธรรม”
และย้ำว่าหลักกฎหมายชัดเจนว่า ถ้ารัฐต้องการเพิกถอนโฉนด ต้องดำเนินการผ่านคณะกรรมการสอบสวนตาม มาตรา 61ให้ครบถ้วน ให้ประชาชนมีสิทธิโต้แย้ง ไม่ใช่ใช้ดีเอสไอมาย่ำยีสิทธิของประชาชน โดยไม่มีเหตุอันควร การกระทำแบบนี้ ไม่ใช่การปกครองโดยกฎหมาย แต่เป็นการปกครองโดยอำนาจทางการเมืองที่พยายามใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
‘ภูมิธรรม’ไม่แทรกแซง-สั่งเพิกถอนเร็วสุด
และล่าสุด นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการแต่งตั้ง นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี เป็นอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่แล้ว ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดงจะเป็นอธิบดีกรมที่ดินดำเนินการได้ทันที หรือจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เป็นเรื่องที่อธิบดีกรมที่ดินต้องไปดำเนินการ มันชัดเจนอยู่แล้วในคำสั่งต่างๆของข้อสรุป ที่คณะทำงานดำเนินการแล้ว โดยไม่มีกรอบเวลาอะไร ให้เขาทำตามหน้าที่
เมื่อถามว่า ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ประเมินหรือไม่ว่าขั้นตอนหรือเวลาที่เหมาะสมที่จะดำเนินการในเรื่องนี้จะใช้เวลานานหรือไม่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า“ผมเคยพูดไปแล้วว่า ให้เร็วที่สุด ปฏิบัติตามคำสั่งศาลให้เต็มที่ ให้ศาลรู้ว่าเราได้มาปฏิบัติ ไม่เช่นนั้น จะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ที่ควรจะต้องทำ เป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมที่ดิน เดี๋ยวเขาก็ทำเอง ผมไม่แทรกแซง”
เมื่อถามว่าอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ จะเซ็นเพิกถอนที่ดินเขากระโดงได้ทันก่อนวันที่ 29 ส.ค.หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า“ทำได้ทันทีเร็วที่สุด”
ฉากทัศน์ ความเป็นไปได้
ทางที่หนึ่ง : เพิกถอนได้จริง หากกรมที่ดินและ DSI สามารถพิสูจน์ว่าการออกโฉนดไม่ชอบด้วยกฎหมายและประชาชนไม่สุจริตในการครอบครอง อาจมีการเพิกถอนจริง แต่รัฐบาลต้องเผชิญแรงกดดันเรื่องการจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาล
ทางที่สอง : ชะลอหรือยื้อเวลา คดีอาจยืดเยื้อเพราะการฟ้องร้องในชั้นศาลปกครองและศาลยุติธรรม ทำให้รัฐบาลใช้เป็น“แรงกดดันทางการเมือง” ต่อภูมิใจไทย แต่ไม่สามารถเพิกถอนได้จริงในเร็ววัน
ทางที่สาม : ดีลการเมือง กรณีนี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองทางการเมืองกับภูมิใจไทย หากรัฐบาลเพื่อไทยต้องการ“ควบคุมเสียง” หรือจัดสมดุลในสภา
สุดท้ายมองแล้ว ปมปัญหาที่ดินเขากระโดงไม่ใช่แค่ข้อพิพาทที่ดินธรรมดา แต่เป็น“ระเบิดเวลา”ที่ผสมทั้งกฎหมาย เศรษฐกิจ และ การเมืองเข้าด้วยกัน การที่ ภูมิธรรม เวชยชัย ยังเดินหน้าชนเต็มตัวทำให้เรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเกมเจาะยาง พรรคภูมิใจไทย อย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการเพิกถอนไม่รอบคอบ รัฐบาล อาจต้องจ่าย“ค่าโง่”เป็นหลักหมื่นล้าน และเสียศรัทธาประชาชน ในฐานะที่ใช้กฎหมาย เป็นเครื่องมือทางการเมือง สุดท้ายกรณีนี้จึงอาจไม่ใช่การปิดเกมภูมิใจไทย แต่กลายเป็นการเปิด“แผลใหม่”ให้รัฐบาลเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี