'แพทองธาร'ร่วงแน่!!!  วิเคราะห์ปม'อยากได้อะไรจะจัดการให้' ขัดหลักเจรจาสากล ทำลายศักดิ์ศรีชาติ

'แพทองธาร'ร่วงแน่!!! วิเคราะห์ปม'อยากได้อะไรจะจัดการให้' ขัดหลักเจรจาสากล ทำลายศักดิ์ศรีชาติ

วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 20.57 น.

วันที่ 27 สิงหาคม 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า นายกฯ แพทองธาร จะรอดหรือร่วงในวันที่ 29 สิงหาคม 2568

มีข้อเท็จจริง 2 ฉากทัศน์ และข้อกฎหมายอย่างน้อย 4 ข้อหลักที่ต้องพิจารณา ดังนี้


1)ข้อเท็จจริงในฉากทัศน์ที่หนึ่ง

คือคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ความยาว 17 นาทีเศษ มีข้อความสำคัญที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยว่า เป็นบุคคลฝ่ายตรงข้าม และขอให้นายฮุน เซน อย่าไปฟังการพูดของคนที่เป็นของ “พวกฝ่ายตรงข้าม” โดยมีข้อความว่า “ ไม่อยากให้ Uncle ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้ามอย่างพวกแม่ทัพภาค 2 อย่างเนี้ยค่ะ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย...” และข้อความที่ว่า “จริง ๆ แล้วท่านอยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้”
ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

(1)ขาดความซื่อสัตย์สุจริต

เหตุแห่งการที่รัฐธรรมนญไทยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเพราะขาดความซื่อสัตย์สุจริตและฝ่าฝืนจริยธรรม มาจากหลักการทำลายความไว้วางใจที่รัฐมนตรีได้รับจากมหาชน (the abuse or violation of some public trust)

“ซื่อสัตย์สุจริต” หมายถึง การคิด พูด และกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่โกง ไม่เอาเปรียบใคร และยึดมั่นในความถูกต้องเสมอ

บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารไม่ได้คิดและพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้ยึดมั่นในความถูกต้อง จึง

ถือได้ว่าแพทองธารขาดความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์

(2) มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม มีข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาอย่างน้อย 3 ข้อ ดังนี้

ก)ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ 

เกียรติภูมิ (prestige) และผลประโยขน์ (interests) ของชาติที่นายกรัฐมนตรีต้องพิทักษ์รักษา หมายถึง ศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของประชาชนและนานาประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำรัฐบาลมีหน้าที่สำคัญในการธำรงรักษา ส่งเสริม และไม่ทำให้เสื่อมเสีย ไม่ว่าจะในด้านการบริหาร การต่างประเทศ หรือพฤติกรรมส่วนตัว
บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารทำให้ชาติไทยเป็นที่ดูแคลนในสังคมโลก  กระทบต่อศักดิ์ศรี ความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของประชาชนและนานาประเทศ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง

ข) ต้องไม่กระทำการที่ก่อให้ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“เกียรติศักดิ์ (honor and dignity) ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” หมายถึง ความมีเกียรติ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพที่สังคมให้ต่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งในด้านพฤติกรรมส่วนตัว การปฏิบัติหน้าที่ และภาพลักษณ์ในสายตาของประชาชนและนานาชาติ

บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน ดังกล่าวขางต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า แพทองธารได้ทำลายความมีเกียรติ ความน่าเชื่อถือ และความเคารพที่สังคมให้ต่อบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายกระทำการที่ก่อให้ความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก เมื่อพิจารณาประกอบกับต่อมาทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีไทยจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของพลเรือนไทย และทำให้พลเรือนไทยตายและบาดเจ็บหลายสิบราย ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง

ค) รักษาความลับของทางราชการ

บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธาร ชินวัตร กับ ฮุน เซน มีการเปิดเผยมาตรการยกระดับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จึงเป็นการไม่รักษาความลับของทางราชการตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของราชการ ซึ่งเป็นจริยธรรมทั่วไป เมื่อพิจารณาประกอบกับต่อมาทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีไทยจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน และบ้านเรือนของพลเรือนไทย และทำให้พลเรือนไทยตายและบาดเจ็บหลายสิบราย ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง

2) ข้อเท็จจริงในฉากทัศน์ที่สอง

การสนทนาระหว่างแพทองธาร กับ ฮุน เซน เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2568 เกิดขึ้นภายหลังจากกองบัญชาการกองทัพไทยได้เสนอเรื่อง มาตรการยกระดับฯ เพื่อให้เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเร่งด่วนแล้ว แต่ต่อมาปรากฏว่า ไม่มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แต่อย่างใด กลับมีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แทน จนกระทั่งปัจจุบันมาตรการยกระดับฯ ตามหนังสือของกองบัญชาการกองทัพไทย ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อกัมพูชา
นับเป็นการไม่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน  เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ถือได้ว่ามีลักษณะร้ายแรง

3) ที่แพทองธารอ้างในคำชี้แจงว่า คำพูด "อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" มีเจตนาเพียงต้องการให้คู่เจรจาได้เสนอเงื่อนไขหรือความต้องการออกมาก่อน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการเจรจาเชิงผลประโยชน์ (Principled Negotiation) โดยการใช้เทคนิคสำคัญคือการตั้งคำถามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริง (Interest-Based) ในลักษณะไม่โจมตีจุดยืนของคู่เจรจา แต่มุ่งทำความเข้าใจความต้องการที่อยู่เบื้องหลังมากขึ้น เพื่อจะได้นำมาพิจารณาเจรจาต่อรองเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การยุติความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินการตามเงื่อนไขที่เสนอมาทุกกรณีแต่อย่างใด เพราะจะต้องนำเงื่อนไขดังกล่าวไปพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของไทยก่อนเพื่อร่วมกันพิจารณาและตัดสินใจ นั้น

ผู้เขียนเห็นว่า ถ้อยคำที่ว่า "อยากได้อะไรก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้" เป็นถ้อยคำที่ส่อแสดงให้เห็นเป็นนัยว่า ขอเพียงให้คุณอาบอกความต้องการมา ตนจะดำเนินการให้ในเวลาไม่ช้า แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าตนมีอำนาจที่จะสนองความต้องการฝ่ายเดียวให้ได้ หาใช่การเจรจาบนหลักการ Principled Negotiation และ Interest-Based Negotiation อันเป็น 1 ใน 4 หลักการสำคัญเกี่ยวกับการเจรจาที่เน้นความร่วมมือและผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน (win-win outcome) ซึ่งเป็นแนวคิดที่พัฒนาขึ้นโดย Roger Fisher และ William Ury จากโครงการ Harvard Negotiation Project (หนังสือ Getting to Yes, 1981) ดังที่แพทองธารกล่าวอ้างในคำชี้แจงไม่ 

4) กล่าวโดยสรุป ผู้เขียนเห็นว่า นายกฯ แพทองธาร ร่วง ครับ

วัส ติงสมิตร

นักวิชาการอิสระ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top