‘บิ๊กเต่า’วืดขึ้นผบช.  เจ้าตัวยืนกรานไม่น้อยใจ  ก.ตร.ถก8ชม.นายพลลงตัว

‘บิ๊กเต่า’วืดขึ้นผบช. เจ้าตัวยืนกรานไม่น้อยใจ ก.ตร.ถก8ชม.นายพลลงตัว

วันอังคาร ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เปิดโผนายพลตำรวจ หลังจาก ก.ตร.ใช้เวลาถกนานกว่า 8 ชั่วโมง บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพล 250 ตำแหน่ง “แพทย์ใหญ่”“บิ๊กเต่า”หลุดโผ ส่วน “นพศิลป์” ขึ้น พล.ต.ท. ขณะที่ “รุ่งโรจน์” นั่งเก้าอี้ ผบช.ตชด. ด้าน “บิ๊กเต่า”ปัดน้อยใจ เผยชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ ยันเดินหน้าทำงานต่อเพราะที่เรียกร้องไม่ใช่เพื่อส่วนตัว

เมื่อวันที่ 1 กันยายน มีรายงานข่าวว่าวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับรอง ผบ.ตร.จนถึงผู้บังคับการ (ผบก.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยนกว่า 250 ตำแหน่ง


ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และประธาน ก.ตร.ที่ยื่นจดหมายลาการประชุม เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ โดย ก.ตร.ใช้เวลาประชุมนานกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งทาง ก.ตร.ได้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อจากบัญชีแต่งตั้งที่ ตร.เสนอ ในหลายตำแหน่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศก่อนการประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีสีหน้ายิ้มแย้ม เดินทักทาย รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ พูดคุยกับ ก.ตร.ก่อนเริ่มการประชุมในเวลา 15.00 น. ซึ่งการประชุมดำเนินการไปอย่างเข้มข้น ก.ตร.พิจารณาทุกรายชื่อ ก่อนพักการประชุมเพื่อรับประทานอาหารเย็นในเวลา 18.30 น.แล้วจึงเริ่มการประชุมอีกครั้ง

มีรายงานว่า ในระหว่างการประชุม ก.ตร.ที่ประชุมมีการทักท้วงไม่เห็นชอบการเสนอชื่อแต่งตั้งหลายตำแหน่ง ทำให้ ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พร.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกแต่งตั้ง ต้องแยกออกมาประชุมคัดเลือกแต่งตั้งใหม่ โดยเชิญ ผบช.หน่วยต่างๆ เข้าชี้แจงที่ห้องประชุม 2 ก่อนส่งรายชื่อใหม่ให้ ก.ตร.พิจารณาเห็นชอบ

พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) ในฐานะเลขาฯ ก.ตร.กล่าวในที่ประชุมว่า ก.ตร.ครั้งนี้ พิจารณา 4 วาระ ทั้งนี้ เนื่องจากประธาน ก.ตร.มีหนังสือแจ้งติดภารกิจสำคัญเร่งด่วนไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ตามข้อบังคับ ก.ตร.ว่าด้วยการประชุมและการลงมติของ ก.ตร.กำหนดไว้ว่าหากประธาน ก.ตร.ไม่มาประชุมหรือไม่อาจมาปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธาน ก.ตร.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม สำหรับเอกสารประกอบการประชุมตามระเบียบวาระที่ 3 เรื่องที่ค้างพิจารณาเรื่องที่ 1 (แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ) ให้ใช้เอกสารเดิมตามที่ได้จัดส่งให้คณะกรรมการ ก.ตร.พิจารณาในครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568

สำหรับการแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบก.วาระประจำปี 2568 นั้น รอง ผบ.ตร.มีตำแหน่งว่าง 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 7 ตำแหน่ง ผบช.ว่าง 16 ตำแหน่ง รอง ผบช.ว่าง 40 ตำแหน่ง และ ผบก.ว่าง 71 ตำแหน่ง โยกย้ายสับเปลี่ยนอีกจำนวนมาก รวมกว่า 250 ตำแหน่ง

มีรายงานด้วยว่า สำหรับตำแหน่งที่มีการจับตา คือกรณีของ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.ที่ร้องเรียนว่าไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม เป็น รอง ผบช.ก.ไม่มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ก.ตร.มีการพิจารณาดังนี้ รอง ผบ.ตร.ว่าง 2 ตำแหน่ง พิจารณาแต่งตั้งเรียงตามลำดับอาวุโส พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 50 อาวุโสลำดับที่ 1 ขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ นรต.รุ่น 43 อาวุโสลำดับที่ 3 ขึ้นมาเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ ติดยศ พล.ต.อ.สำหรับ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร.อดีตนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อาวุโสอันดับ 2 นั้น เนื่องจากแพทยสภามีมติลงโทษพักใบอนุญาต ฐานประพฤติผิดจรรยาบรรณ จากกรณีชั้น 14 ทำให้ ตร.พิจารณาจัดอยู่ในกลุ่มผู้ไม่เหมาะสมให้ได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น จึงไม่ได้รับการเสนอชื่อเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 7 ตำแหน่ง แต่งตั้งตามลำดับอาวุโส ประกอบด้วย พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 นรต.รุ่น 42 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นรต.รุ่น 50 พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 40 พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผบช.สง.ก.ตร. นรต.รุ่น 43 พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ส. นรต.รุ่น 42 พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 41 ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นรต.รุ่น 46 ขึ้นเป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ

ระดับ ผบช.ว่าง 16 ตำแหน่ง โดยตาม กฎ ก.ตร.ตำแหน่ง ผบช.ต้องพิจารณาจากกลุ่มอาวุโส 50% แต่งตั้งตามลำดับ และกลุ่มความรู้ความสามารถ 50% โดยคำนึงถึงความอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน รอง ผบช.เลื่อนเป็น ผบช.16 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. นรต.รุ่น 47 ขึ้นเป็น ผบช.ก. พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. นรต.รุ่น 48 ขึ้นเป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ยสวินท์ หรรษมนตร์ รอง ผบช.ส. นรต.รุ่น 45 ขึ้นเป็น ผบช.ส. พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รอง ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ นรต.รุ่น 43 ขึ้นเป็น ผบช.รร.นรต.

พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. นรต.รุ่น 42 ขึ้นเป็น ผบช.สทส. พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ ชอบเพื่อน รอง ผบช.สงป.ขึ้นเป็น ผบช.สงป. พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 43 ขึ้นเป็น ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สง.ก.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.สง.ก.ตร. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นรต.รุ่น 46 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก. นรต.รุ่น 52 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.หัสชัย เรืองมาลัย รอง ผบช.สพฐ.ตร.ขึ้นเป็น ผบช.สพฐ.ตร.

สำหรับตำแหน่ง ผบช.ที่เก้าอี้แข็งแรงยังอยู่ที่เดิม และโยกสับเปลี่ยน อาทิ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. นรต.รุ่น 46 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.น. พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 โยกเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.ภ.4 นรต.รุ่น 42 โยกเป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ จตร.(สบ.8) นรต.รุ่น 42 โยกเป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. นรต.รุ่น 48 โยกเป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 นรต.รุ่น 42 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.กิตติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภ.6 นรต.รุ่น 42 บุตรชาย พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ อดีต ผบ.ตร.อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.ภ.6 พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผบช.สกบ. นรต.รุ่น 40 โยกเป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร. นรต.รุ่น 41 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร.โยกเป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 นรต.รุ่น 39 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.ภ.9

พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รองผบช.สตม. นรต.รุ่น 41 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 นรต.รุ่น 41 ร่วมรุ่น ผบ.ตร.โยกเป็น ผบช.สอท. (ตำรวจไซเบอร์) พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. นรต.รุ่น 41 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร.อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.ทท. พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ศ. นรต.รุ่น 47 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.ศ.หลังจากตามบัญชีแต่งตั้งเสนอให้เป็น ผบช.ตชด.แต่ที่ประชุม ก.ตร.ทักท้วง พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. นรต.รุ่น 46 โยกเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.อาทิชา เปาอินทร์ ผบช.สพฐ.ตร. นรต.รุ่น 44 อยู่ที่เดิม เป็น ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ อยู่ที่เดิม เป็นแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ จตร.โยกเป็น ผบช.กมค.

สำหรับตำแหน่งน่าสนใจระดับ รอง ผบช.–ผบก.ทาง ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายหลายตำแหน่ง อาทิ พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผบก.กองสารนิเทศ (สท.) นรต.รุ่น 52 โยกเป็น ผบก.น.1 พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 โยกเป็น ผบก.น.2 แทน พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ที่มีคำสั่งช่วยราชการ ศปก.บช.น.ภายหลังกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนย่านสรงประภา เขตดอนเมือง ครั้งนี้ ก.ตร.มีมติโยกนั่งเก้าอี้ ผบก.น.7 พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เลื่อนขึ้นเป็น รอง ผบช.ในหน่วยขึ้นตรงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเก้าอี้ว่าง มี พล.ต.ต.กัมปนาท อรุณคีรีโรจน์ ผบก.น.7 โยกนั่ง ผบก.น.4

พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เก้าอี้แข็งอยู่ที่เดิม พล.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ ผบก.อคฝ.โยกเป็น ผบก.น.6 แทน พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 ที่สไลด์นั่ง ผบก.น.9 แทน พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ที่ถูกโยกเป็น ผบก.ประจำ ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผบก.น.8 อยู่ที่เดิม พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผบก.จร.อยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ.หรือ 191 อยู่ที่เดิม พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม รอง ผบก.ตม.3 ขึ้นเป็น เลขานุการ ตร.

พล.ต.ต.วาที อัศวุฒมางกุร ผบก.สพฐ.ขึ้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ (สบ 7) พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม จเรตำรวจ โยกไป ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 อยู่ที่เดิม พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 ขึ้นเป็น ผบก.ตม.2 พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 โยกเป็น ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี โยกไปเป็น ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ศรีอัศวอมร รอง ผบก.สท.ขึ้นเป็น ผบก.สท.พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ ผบก.ปคบ. นรต.รุ่น 50 โยกเป็น ผบก.ป. พล.ต.ต.วิทยา ประเสริฐภาพ ผบก.ป.โยกไป ผบก.ปคม. พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม.โยกออกนอกหน่วยเป็น ผบก.ตอท.บช.สอท พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.เลื่อนขึ้น ผบก.ทางหลวง พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เลื่อนขึ้น ผบก.ประจำ พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ประจำ โยกไป ผบก.ปอท.

วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้แต่งตั้งให้ขึ้นเป็น ผบช.ในวาระประจำปี 2568 ว่าไม่ได้รู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้รับตำแหน่ง ไม่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการพิจารณา สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งนี้ตนก็ยินดีด้วย อย่าง พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.ที่ได้เป็น ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.เพราะเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน หากไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไข ก็คงแก้ยาก เพราะไม่มีรายชื่อเข้าไป

รอง ผบช.ก.กล่าวต่อว่า เห็นด้วยที่ ก.ตร.เข้ามาแก้ปัญหา ส่วนที่ตนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการที่เราทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้ เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกอย่าง คืออยากเห็นแนวทางการพิจารณาการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับ ผบช.และรอง ผบช.ในปีถัดไป

“หลังจากนี้จะต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ว่าการพิจารณาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นขวัญกำลังใจห้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน จึงอยากทำให้เป็นมาตรฐาน ไม่อย่างนั้นระบบอุปถัมภ์จะยังคงอยู่ ตนจะสอบถาม ก.พ.ค.ตร.เพื่อเป็นแนวทางและการดำเนินการให้เกิดความชัดเจนในการพิจารณาต่อไป ไม่ใช่ไปเอาเรื่องหรือดำเนินคดี” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า การดำเนินการครั้งนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าอาจสร้างความไม่พอใจ แต่หากคนทำงานได้รับการพิจารณาก็ยินดีและดีใจด้วย ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับการพิจารณาก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเนื้อหาสาระของงานยังด้อยกว่ามาก จึงเห็นด้วยที่ ก.ตร.ชุดใหญ่ ที่มี ผบ.ตร.เป็นประธานฯ ได้คืนความเป็นธรรมให้กลุ่มคนทำงาน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ไม่น้อยใจเพราะทำงานด้านการปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ อยู่แล้ว หากคนที่ทำงานได้รับการแต่งตั้งก็พร้อมพลีชีพ จะให้ยกมาพิจารณาก็เป็นเรื่องยากเพราะเปิดหน้าชนไปแล้ว ชีวิตผ่านอะไรมาเยอะ ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ต่อไปก็จะทำงานให้เต็มที่ ไม่ได้เสียกำลังใจ และมองว่าตนได้เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง

รอง ผบช.ก.กล่าวว่า คนที่พูดได้ดีที่สุดก็คือเรา ตนมีเวลาอีก 4 ปี มองในแง่บวกและทำงานให้มากขึ้น เพื่อให้เป็นแนวทางว่าคนทำงานจะได้ดี ถ้าเราคิดว่าทำเพื่อส่วนรวมก็อย่าไปคิดน้อยใจ เพราะเดี๋ยวตนก็ต้องทำงานต่อไปและต้องทำให้หนักกว่าเดิม ต้องไม่มองว่าการที่เราออกมาเคลื่อนไหวเป็นการทำเพื่อตนเอง และถ้าสังเกตตนชอบทำงานเพื่อส่วนรวม ทำมาเยอะ ทำมาตลอด ด้วยความเสียสละและทุ่มเท เพราะฉะนั้นที่ไม่ได้รับการพิจารณาเพราะเรายังอาวุโสน้อยก็ไม่เป็น แต่มองว่าควรหาแนวทางผลักดันให้ ก.ตร.วางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาในปีต่อไปจะดีกว่า เพื่อได้คิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top