ไม่ไว้ใจทั้งคู่! 'พริษฐ์'ย้ำ'ปชน.'ตัดสินใจด้วยเหตุและผล

ไม่ไว้ใจทั้งคู่! 'พริษฐ์'ย้ำ'ปชน.'ตัดสินใจด้วยเหตุและผล

วันจันทร์ ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2568, 18.47 น.

"พริษฐ์"เผยที่ประชุม สส. แนวทางโหวตเลือก"แคนดิเดต"ยังไม่ได้ข้อสรุป รอถกต่อพรุ่งนี้ ย้ำฟังความเห็นทุกฝ่ายไม่ใช่เพียง"สส." ย้ำจุดยืนต้อง"ยุบสภา" ปัดตอบมีแนวโน้มเลือก"เพื่อไทย" เหตุอาจรอไม่ถึง 4 เดือน หวั่น"แดง-น้ำเงิน"รวมกัน ผูกขาดอีก 2 ปี พร้อมสกัด"นายกฯคนนอก" ย้ำไม่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ แต่ไม่ลืมอดีต

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ทำการพรรคประชาชน (ปชน.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมนัดพิเศษของ สส.พรรคประชาชน ในวันนี้ เพื่อหารือกันในการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือจะไม่โหวตให้ใครเลย ว่า ตอนนี้ถือว่าจบการประชุม สส.ในวันนี้แล้ว ซึ่งมี สส.มาร่วมประมาณ 90 กว่าคน หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ของ สส.ทั้งหมด เพราะว่าหลายคนมีการติดภารกิจที่นัดไว้ล่วงหน้า ทั้งกรรมาธิการ และในพื้นที่ แต่คาดว่าในวันพรุ่งนี้จะมี สส.เข้าร่วมประชุมมากกว่าเดิม


สำหรับความเห็นในที่ประชุมยังมีหลากหลายมาก หลายคนแสดงความเห็นว่ามีความหนักใจไม่ว่าเลือกทางใดทางหนึ่ง เราจึงมีข้อสรุปในวันนี้ว่าจะเป็นการประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ เพื่อให้ สส.ที่มาวันนี้ได้ตกผลึก รวมถึงมีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม และ สส.ที่มาในวันนี้ไม่ได้ ได้มาหารือกันอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ จะนำความเห็นของ สส.มาประกอบความเห็นกับทุกภาคส่วน ทั้งทีมเครือข่าย และทีมงานพรรค

โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจน คือประเด็นที่เรายืนยันในจุดเดิมว่า สิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศคือการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เพราะเราเป็นฝ่ายที่เรียกร้องการยุบสภามาโดยตลอด หากสมมติว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจในจะยื่นเพื่อดำเนินการยุบสภา ก็จะสอดคล้องกับจุดยืนของเรา เรายินดี และพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง

นายพริษฐ์ ย้ำว่า ตนเข้าใจดีว่าหลายคนหนักใจทั้ง สส.และประชาชน หากถึงวันนั้นที่ต้องเลือกคนเข้าไปในการยุบสภา ซึ่งบางคนก็ตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ หรือเราไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เราพยายามคิดในจุดหนึ่งว่า หากไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ณ เวลานี้ เพราะไม่มีกลุ่มใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ดังนั้น ก็ต้องคิดต่อว่าหากเราอยู่เฉยๆ แล้วงดออกเสียง จะเกิดอะไรขึ้น เราจึงมองไปถึงความน่ากังวล 2 ประการ คือ 1.ปัจจุบันที่ทั้งแดงและน้ำเงิน ไม่สามารถร่วมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง เขาจะไหลกลับไปรวมกัน ส่วนเหตุผลที่กังวลในตรงนี้ คือหากเขาไปรวมกัน ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะอยู่ครบวาระในอีกเกือบ 2 ปี ซึ่งขัดกับจุดยืนของเรา ที่ต้องการการเลือกตั้งโดยเร็ว

และหากถามว่า 2 ปีข้างหน้า อะไรคือสิ่งที่น่ากังวลนั้น คงไม่ต้องมองไปที่แห่งใด แต่ย้อนกลับไป 2 ปีที่ผ่านมา เพราะไม่มีนโยบายที่แก้ปัญหาประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในมุมหนึ่งเราก็เห็นว่า ช่วงที่แดงและน้ำเงินเป็นรัฐบาลมีคดีหลายอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับสองพรรคนั้น ที่ไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ซึ่งทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งการเลือกตั้งใหม่ที่ช้าออกไปอีก 2 ปี และการที่ไม่มีนโยบายที่มีประสิทธิภาพ หรือการที่ไม่ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่สองพรรคนั้น หากเขาไม่กลับไปรวมกัน ก็มีความเสี่ยงว่าจะหลายออกไปถึงนายกรัฐมนตรีที่อยู่นอกระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อประเทศแน่นอน เราจึงมีความหนักใจ เราเข้าใจดีความรู้สึกหลายคนว่าหากเราอยู่เฉยๆ จะได้หรือไม่ แต่เรายืนยันว่าถ้าเราไม่ทำอะไร ก็มีความเสี่ยงที่สองเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น และไม่ส่งผลดีต่อประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปแบบได้ว่าวันพรุ่งนี้จะได้คำตอบที่ชัดเจนหรือไม่ และยังมีไม่ตกผลึกในการเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย หรือไม่เลือกใครเลย

เมื่อถามว่า การที่พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเนื่องจากรอสภาบรรจุการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ลงระเบียบวาระใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรายังไม่ได้รับความชัดเจนว่าสภาฯ จะนัดเมื่อไหร่ ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยในการพิจารณา ตนคิดว่าตอนนี้แม้ไม่มองไปถึงจุดนั้น ก็ต้องยอมรับว่าความเห็นอยู่ที่ประชุมก็ยังแตกต่าง ซึ่งเหตุผลที่เราหนักใจ สังคมน่าจะพอคาดการณ์ได้ เพราะก็สอดคล้องกับที่หลายคนแสดงความคิดเห็นกัน เรายืนยันว่า สส.ของพรรค โดยเฉพาะ สส.แบบแบ่งเขต ภารกิจของเขาต้องเป็นตัวแทนของคนในพื้นที่ ดังนั้น เชิญชวนให้ผู้สนับสนุนพรรคสามารถสะท้อนความเห็นกับ สส.ของพรรคได้ เพื่อให้นำมาสื่อสารกับที่ประชุม

นายพริษฐ์ ยืนยันว่า สส.ของพรรคเราไม่มีการออกจากกลุ่มไลน์ เราเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ ขณะนี้ไม่มีการพูดคุยเพิ่มเติมกับทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพราะเราถือว่าทั้ง 2 พรรค ได้ตอบรับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเรา ตอนนี้เป็นการคุยกันภายใน เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ระบุว่ามีการทำข้อตกลงร่วมกันกับพรรคประชาชนแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องไปถามพรรคภูมิใจไทย

เมื่อถามถึงตัวเลขที่พรรคภูมิใจไทยอ้างถึง 280 เสียง นายพริษฐ์ ย้ำว่า จะไม่มีรัฐบาลไหนที่ตั้งขึ้นได้จากเงื่อนไขพรรคประชาชน และมีเสียง 280 เสียง เพราะเรายืนยันว่าเราจะไม่ร่วมรัฐบาล ดังนั้น ตัวเลขนี้ เราจะไม่ถูกรวมในเสียงรัฐบาล เงื่อนไขของเราต้องการรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต่ำกว่า 246 เสียง ย้ำว่าเงื่อนไขเราชัด

ส่วนเหตุผลที่ต้องวางไว้ 4 เดือน เนื่องจากต้องรอคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 กันยายน เรื่องจำนวนครั้งในการทำประชามติ แต่หากพูดถึงพรรคเพื่อไทยโดยตรง ความจริงก็คงไม่ต้อง 4 เดือนอยู่แล้ว เพราะรักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้เลย

เมื่อถามว่ากรณี MOU 43 และ MOU 44 จะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของพรรคประชาชนหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่ได้พิจารณาอะไร ที่นอกเหนือจาก 3 เงื่อนไข ส่วนสุดท้ายที่ประชุม สส.พรรคประชาชน จะต้องให้โหวตกันหรือไม่นั้น ความเห็นเราไม่ได้จำกัดแค่ สส. ดังนั้น จึงไม่ได้เป็นลักษณะที่โหวตในที่ประชุม สส.เพราะเราต้องรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน แล้วค่อยนำมาตกผลึก ก่อนตัดสินใจ

ส่วนคนที่จะเป็นคนตัดสินใจนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นกระบวนการภายในของพรรค แต่ท้ายที่สุดกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เพราะมาจากความคิดเห็นของทุกภาคส่วน สำหรับทิศทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยืนยันว่า จะโหวตไปในทิศทางเดียวกันทั้งพรรค

เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยต้องยุบสภาเท่านั้นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ข้อเสนอนี้ไม่ได้เป็นข้อเสนอที่ใหม่ ไม่ได้พูดแค่ 2 วันที่ผ่านมา แต่เราพูดมา 3 เดือนแล้ว หากจำกันได้ และมีการตั้งของผู้สังเกตว่าการเรียกร้องของเราเป็นเพราะคะแนนนิยมเราดีใช่หรือไม่ แต่เรายืนยันว่าไม่ใช่ เรามองถึงสถานการณ์ข้างหน้า เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้วมีรัฐบาลที่แก้ปัญหาประชาชนได้

เมื่อถามว่า ยุบสภาภายใน  2 เดือน หรือ 4 เดือน มีแนวโน้มไปทางใดมากกว่ากัน นายพริษฐ์ ระบุว่า การที่เราวางไว้ 4 เดือน ไม่ได้หมายความว่าจะต้อง 4 เดือน แต่เพราะเชื่อมกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งผูกพันกันกับการเริ่มต้นการทำประชามติครั้งแรก เมื่อถามอีกว่า 2 เดือนมีโอกาสมากกว่าหรือไม่ นายพริษฐ์ ย้ำว่า เราไม่เคยเอาตรงนี้มาเป็นเงื่อนไข

ส่วนประเมินความจริงใจ ของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย อย่างไร นายพริษฐ์ มองว่า ความจริงใจเป็นสิ่งที่ทั้ง สส.ของเรา และประชาชนหลายคนใช้ในการประเมินอยู่แล้ว ตนขอตอบกว้างกว่านั้นว่า แน่นอนหลายคนมองว่า เราจะทำให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยเข้าไปรักษาสัญญาได้อย่างไร ซึ่งก็มีอีก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ เราออกแบบกลไกที่จะทำให้มีกลไกควบคุมชัดเจนที่สุด คือทำให้ใครที่เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น เราสามารถใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลที่เบี้ยว หรือใช้อำนาจโดยมิชอบได้

"พูดตรงๆ ไม่ไว้ใจทั้งคู่ แต่ก็ต้องมาประเมินความเสี่ยงกัน ว่าจากสาระและท่าทีที่เราเห็น ชั่งวัดกันด้วยหลักฐานว่า อันไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่า ยืนยันว่าตัดสินใจด้วยเหตุและผล ไม่เอาอารมณ์มาตัดสิน เพราะถ้าเราทำเช่นนั้น บางคนก็มีความรู้สึกว่า พรรคเพื่อไทยก็ฉีก MOU ร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็อภิปรายตอนโหวตคุณพิธาเป็นนายกฯ ย้ำว่าจะทำให้ประเทศนี้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว"

ส่วนจะถือเป็นการรีเซ็ตความขัดแย้งในอดีตหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เราไม่ลืมอยู่แล้ว แต่เราไม่เอาอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน แม้ไม่ไว้วางใจก็ต้องคุยกันได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้

"ผมขอสื่อสารกับประชาชนว่า ผม และ สส.พรรคประชาชน เราตระหนักดีว่าเรามาอยู่จุดนี้ได้เพราะใคร เราทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้เพราะพี่น้อง 14 ล้านคน ที่เลือกเราเข้ามา ขอให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะไม่เอาความไว้วางใจนั้น ไปทำอะไรที่ขัดหลักการ ผิดคำพูด หรือไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ" นายพริษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top