ไทยเอาจริง! กต.เดินหน้ายื่นหลักฐานฟ้องกัมพูชา ละเมิดข้อตกลง-ปล่อยข่าวเท็จ

ไทยเอาจริง! กต.เดินหน้ายื่นหลักฐานฟ้องกัมพูชา ละเมิดข้อตกลง-ปล่อยข่าวเท็จ

วันพุธ ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568, 13.32 น.

กต.เผยไทยยังเดินหน้าหอบข้อมูลกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ฟ้องโลกต่อเนื่อง จี้เขมรเลิกสร้างข่าวบิดเบือน อัดไม่สร้างสรรค์ บั่นทอนความเชื่อใจระหว่างกัน เป็นอุปสรรคการหาทางออกโดยสันติ 

3 กันยายน 2568 นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ประเด็นด้านการต่างประเทศเรื่องแรกการดำเนินการเชิงรุกของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.ที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เดินทางไปนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีการวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทย ไปชี้แจงกับกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการส่งเสริมให้เกิดการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา


การเยือนครั้งนี้นอกจากได้ชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ไทยยังยืนยันความมุ่งที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา และเป็นโอกาสให้เขาได้สอบถามเพื่อปรับความเข้าใจเรื่องต่างๆให้ได้เข้าใจถูกต้อง นอกจากนี้ รมว.การต่างประเทศ ยังได้ประกาศว่าไทยจะเข้าร่วมในโครงการรณรงค์ระดับโลกของเลขาธิการสหประชาชาติเรื่องการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและดำเนินการด้านทุ่นระเบิด และในเวลาเดียวกันเอกอัคราชทูตผู้แทนถาวรไทย ณ นครนิวหยอก ได้เข้าพบเลขาธิการสหประชาชาติอีกครั้งเพื่อนำส่งข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์เพิ่มเติมอีกครั้ง ต่อกรณีการวางทุ่นระเบิดของกัมพูชาที่มีทหารไทยบาดเจ็บถึง 6 ครั้ง

และท่านยังติดตามการขอรับคำชี้แจงจากฝ่ายกัมพูชาต่อกรณีดังกล่าวผ่านเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ทั้งนี้เพื่อนำกัมพูชากลับเข้าสู่การปฏิบัติตามพันธกรณีโดยสมบูรณ์และยุติการใช้ทุ่นระเบิดโดยทันที ไทยต้องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกับกัมพูชาภายใต้กลไกทวิภาคีและตามข้อตกลงหยุดยิง เพื่อคุ้มครองชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศ 

นางมาระตี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารตามที่ปรากฎรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ขแมร์ ไทม์ส อ้างกรณีที่ชาวกัมพูชาไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ว่าเป็นผลจากอาวุธที่ตกค้างของฝ่ายไทยจากการปะทะกันบริเวณชายแดนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่บิดเบือนข้อเท็จจริง และการกระทำในพื้นที่สวนทางกับข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงมาโดยตลอด

ทั้งด้วยการลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล การใช้โดรน การปลุกระดมประชาชน และล่าสุดยังพบการใช้ระเบิดแสวงเครื่องในฝั่งไทย และเร็วๆนี้มีรายงานจากนิตยสาร JANES ซึ่งเป็นนิตยสารด้านความมั่นคง นำเสนอว่าจากหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมพบการก่อตั้งฐานปฏิบัติการทางทหารในฝั่งกัมพูชาบริเวณชายแดนเป็นหลายเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างกัน ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีไทยที่ชี้แจงมาโดยตลอดว่าฝ่ายกัมพูชาริเริ่มการโจมตีในครั้งนี้ 

“ไทยห่วงกังวลต่อการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายกัมพูชาที่ทำอย่างเป็นระบบ ซึ่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้หยิบยกขึ้นหารือกับ รมว.การต่างประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย โดย OHCHR มองเป็นปัญหาระดับโลกเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงบั่นทอนความไว้เนื้อเชื่อใจ ความไว้วางใจระหว่างกัน และยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการหาทางออกโดยสันติ ไทยจึงเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์ในลักษณะนี้ เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศและสันติภาพในภูมิภาค

สุดท้ายนี้ไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ ทั้งนี้ไทยยังยืนยันท่าทีการแสวงหาทางออกร่วมกันกับกัมพูชาอย่างสันติ เพื่อให้สถานการณ์ชายแดนคลี่คลาย” นางมาระตี กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top