สะพัด!‘สนง.องคมนตรี’ชี้ไม่ทำตามระเบียบ
ตีกลับพรฎ.ยุบสภา
ติดขัดข้อก.ม.-ภูมิธรรมไร้อำนาจ
มติปชน.หนุน‘อนุทิน’นั่งนายกฯ
‘หนู’ประกาศตั้งรบ.เสียงข้างน้อย
วิป2ฝ่ายยังไม่ได้ข้อสรุปวันโหวต
มติปชน.หนุน“อนุทิน”นั่งนายกฯ คนที่ 32 ภายใต้ 5 เงื่อนไข“เท้ง”คุยตกผลึกรอบคอบ เลือกนายกฯเพื่อเดินหน้าสู่การยุบสภาฯ-แก้รธน.ลั่นเลือกแล้วไม่เสียใจ แม้เสี่ยงสูญเสียคะแนนนิยม “อนุทิน”นำพรรคการเมือง-สส.แถลงจัดตั้ง“รัฐบาลเสียงข้างน้อย” 146 เสียง ขอบคุณ ปชน.กรุยทางนั่งนายกฯ รับทุกเงื่อนไข ทำงานเฉพาะกิจ 4 เดือน ฝ่าแก้สารพัดวิกฤตชาติ ลงนาม MOAร่วมปชน.ยึด 5 เงื่อนไข ไม่บิดพลิ้ว‘หนู’ดอดเข้า ภท.ถกแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ด้านเลขาฯภท.เดินเกมเร็ว นำรายชื่อ146สส.ยื่นปธ.สภาฯให้บรรจุวาระโหวตเลือกนายกฯ ขณะที่วิป2ฝ่ายถกจบไม่ลง ‘ฉลาด’โยนเผือกร้อน‘วันนอร์’เคาะเอาไง‘โหวตนายกฯ‘เพื่อไทย’เดินหน้ายุบสภาหวั่นได้รัฐบาลเป็ดง่อย-ไม่สง่างาม เพื่อยุบสภารอเลือกตั้งซ้ำเติมปท.‘ชูศักดิ์’ย้ำ’ภูมิธรรม’มีอำนาจเต็มนำขึ้นทูลเกล้าฯ‘ภูมิธรรม’รับทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว อ้างปชต.บิดเบี้ยว-รบ.เสียงข้างน้อย-‘ปชน.’สวมหมวก2ใบ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.)แถลงพร้อมแกนนำพรรคว่า หลังจากผ่านกระบวนการถกเถียงอภิปราย และแลกเปลี่ยนกันอย่างรอบด้านแล้ว ทุกองคาพยพของพรรคฯมีความเห็นไปทางเดียวกันว่า จำเป็นจะต้องใช้อำนาจในสภาฯของพวกเราที่มี สส.อยู่143 คน ในการหาทางออกให้กับประเทศและกำกับทิศทางเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว ภายใต้กรอบระยะเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น เมื่อมีเป้าหมายแบบเดียวกัน ที่เห็นทางออกของประชาชนและประเทศเป็นตัวตั้ง จึงทำให้พวกเราได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันตามมติของพรรคและขอยืนยันว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ เป็นการรับรู้พร้อมกันของทุกฝ่าย
มติปชน.หนุน‘อนุทิน’นายกฯคนที่32
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่าในการหารือได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการซึ่งผ่านการประชุมของผู้บริหารพรรคฯในคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้เพื่อกลั่นกรองสถานการณ์ล่าสุด คณะทำงานพรรค สส.อย่างละเอียดรอบคอบแล้ว วันนี้กรรมการบริหารพรรคจึงได้ประชุมและมีมติว่าหากมีการประชุมสภาฯเพื่อให้ความเห็นชอบเลือกนายกฯคนใหม่พรรคประชาชนจะให้ความเห็นชอบแก่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีม่
ตอกย้ำภท.ต้องยอมตกลง5เงื่อนไข
โดยพรรคภูมิใจไทยจะต้องยอมตกลงเงื่อนไข ดังต่อไปนี้ 1.นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 2.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
3.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 4.พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย จะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว เพื่อสร้างหลักประกันว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 5.พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ตนจะลงนามใน MOAก่อน ส่วนพรรคภูมิใจไทย หากยอมรับเงื่อนไข 5 ข้อ นายอนุทินก็ต้องลงนามด้วยเช่นกัน พร้อมกับแถลงต่อสาธารณชน
ไม่เสียใจดัน‘หนู’เสี่ยงเสียคะแนนนิยม
“สำหรับความเสี่ยงสูงสุดของพรรคประชาชน คือการไม่ดำเนินการตามข้อตกลง พรรคภูมิใจไทยต้องแบกรับต้นทุนการตระบัดสัตย์ต่อประชาชน ในสถานการณ์แบบนี้”นายณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่เสียใจกับมตินี้แต่อย่างใด และในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา ทางผู้บริหารพรรค ได้ไตร่ตรองละเอียดรอบคอบมากที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด รับฟังเสียงองคาพยพรอบด้าน ทำความเข้าใจในพรรค โดยเฉพาะกับสมาชิกพรรคที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ทุกส่วนความเห็นส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่เราแถลงไปเมื่อสักครู่
ลั่นจะใช้143เสียงคุมรบ.เสียงข้างน้อย
“เราไม่ได้ไว้วางใจนายกฯ คนใดเข้าไปบริหารประเทศ เราจำเป็นต้องเลือกนายกฯ เข้าไปทำหน้าที่เดินหน้าสู่การยุบสภา จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นี่คือการตัดสินใจของพรรคประชาชน คำนึงทางออกประเทศเป็นหลัก มากกว่าคะแนนความนิยม และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง” นายณัฐพงษ์ กล่าวและว่าขณะเดียวกัน 143 เสียง ที่พวกเรามี สามารถที่จะกำกับทิศทางให้เดินไปสู่จุดนั้นได้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่พวกเราได้ประเมินมาอย่างรอบคอบแล้ว
‘อนุทิน’นำพรรคการเมือง-สส.หนุน
เวลา10.00 น.ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย(ภท.)ภายหลังพรรคประชาชน(ปชน.)มีมติโหวตให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่32ซึ่งพรรคการเมืองที่เปิดตัวสนับสนุนนายอนุทินต่างทยอยเดินทางมาร่วมแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลในเวลา11.00น.
โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส.เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก โดยไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในซีกของ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ตามมาด้วยพรรคกล้าธรรมนำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคฯ นายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคฯ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร นายทะเบียนพรรค ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐนำโดย นายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย กลุ่มพรรคเล็กเดินทางเข้าห้องประชุมของพรรคภูมิใจไทย เพื่อรอแถลงข่าวด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามี สส.ของพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนขั้วมาสนับสนุนนายอนุทิน มาร่วมแถลงข่าวด้วย อาทิ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น รวมถึงนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน ถือเป็นการเปิดตัวออกหน้าสื่อ อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากมีข่าวการข้ามขั้วไปร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย
แถลงตั้งรบ.เสียงข้างน้อย146เสียง
ต่อมา เวลา 11.15 น.นายอนุทิน ได้แถลงจัดตั้งรัฐบาลและลงนามรับ5เงื่อนไขของพรรคประชาชน ว่า ตนและบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คนที่อยู่ในที่นี้จะขอแถลงข่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเช้าที่ผ่านมาทุกท่านคงได้รับรับทราบข้อมูลจากการแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนได้รับเงื่อนไข และข้อสรุปออกมาเป็นข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ว่าด้วยกรณีการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แจ้งให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คนรับทราบ
“พวกเราทุกคนต้องขอขอบคุณพรรคประชาชน คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน และพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคประชาชนทุกท่าน ที่ได้มีมติของที่ประชุมผู้บริหารพรรคประชาชน ในการให้การสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยและส.ส.146คน มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ ได้มอบรายชื่อและให้คำมั่นกับพรรคประชาชนว่าจะให้การสนับสนุนตนเป็นนายกรัฐมนตรีและจะได้จัดตั้งรัฐบาลตามข้อเสนอของพรรคประชาชน”นายอนุทิน ย้ำ
หลังจากนี้จะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ลั่นจะไม่ทำให้เจตนารมณ์-เสียสละสูญเปล่า
นายอนุทินย้ำวา เราตระหนักดีว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินต่อไปจากนี้ทางพรรคประชาชนได้ให้ความร่วมมือเสียสละในการหาทางออกให้ประเทศไทยในสถานการณ์วิกฤต ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และธรรมชาติ ขอยืนยันว่าพวกเราทุกคนในที่นี้จะไม่ทำให้เจตนารมณ์และความเสียสละของทุกท่านสูญเปล่า และจะรักษาข้อตกลงทั้ง5ข้อ ที่ได้ให้ไว้กับประชาชนตลอดระยะเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่เราได้เข้าทำงานในฐานะรัฐบาลและจะดำรงสภาพการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่จะมีพี่น้องประชาชนร่วมเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของพวกเรา ดังนั้น ในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาล เราจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังสุดความสามารถให้สมกับความไว้วางใจที่ทุกท่านให้โอกาสกับพวกเรา เราจึงมีความมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลชุดถัดไปนี้จะดำเนินไปได้ด้วยความ ราบรื่น และการทำงานของรัฐบาลที่เกิดจากข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 5 ข้อของพรรคประชาชน
ร่วมลงนามMOUเงื่อนไข5ข้อปชน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายอนุทินได้ลงนามในเงื่อนไข 5 ข้อของทางพรรคประชาชน ก่อนที่จะย้ำอีกครั้งว่าสุดท้ายนี้ตนอยากขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 146 คน ตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่จนถึงระดับสมาชิก ที่ทุกๆท่านให้ความร่วมมือสนับสนุนให้ตนได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องถือเป็นความเสียสละมุ่งมั่นตั้งใจ เราผ่านอุปสรรคต่างๆ มากมาย ผ่านความกดดัน
ขั้นตอนสภาเดินหน้ายังไม่ยุบสภา
เมื่อถามว่า มีการทูลเกล้าฯ ยุบสภาแล้ว กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าทุกอย่างมีขั้นตอน ยังถือว่ามีสภาอยู่ สภายังไม่ยุบ ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ลงมาให้รับทราบว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ ส่วนจะต้องมีการตีความอย่างใดหรือไม่เป็นเรื่องของผู้ที่ยื่นไปว่าท่านจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไร และจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนรับทราบอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่า แสดงว่ามั่นใจว่ารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจยุบสภาใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้พวกเราทำตามภารกิจ ตามหน้าที่ของความเป็นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราดำเนินการเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุดตามกฏหมาย ทำตามรัฐธรรมนูญทุกประการ
เมื่อถามว่า การจับมือกับพรรคประชาชน สะท้อนภาพเงาการเมืองปี 2570 ได้หรือไม่ว่าจะจับกับพรรคประชาชนได้นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เอาเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อน เราทำทุกอย่างด้วยความสมบูรณ์แล้ว
“เงื่อนไขถูกลงนามแล้ว 4 เดือน นับจากวันที่รัฐบาลได้แถลงนโยบาย ต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ผมให้ความมั่นใจ พูดแล้วทำ” นายอนุทิน กล่าว
ภท.ยื่นปธ.สภาบรรจุวาระโหวตนายกฯ
ต่อมาที่รัฐสภา นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พร้อมกรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยอาทินายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี นายธนยศ ทิมสุวรรณ สส.เลย นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ นายสังคม แดงโชติ สส. ประจวบคีรีขันธ์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ สส.พิจิตร นำรายชื่อ 146 รายชื่อ เข้ายื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้บรรจุวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แถลงตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ปธ.สภาฯเห็นด้วยเป็นเรื่องเร่งด่วน
นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ภายหลังนำรายชื่อ146สส.ยื่นต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนฯขอให้บรรจุวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่32ว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ท่านประธานสภาฯ จะดำเนินการเต็มอย่างเต็มที่ตราบใดที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องรอสรุปว่า ประธานสภาฯ จะดำเนินการอย่างไรเมื่อถามถึงท่าทีของประธานสภาฯ จะมีการประวิงเวลาตามที่หลายฝ่ายมีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ นายไชยชนก กล่าวว่า ขอให้รอชม เพราะท่านประธานสภาฯก็เห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน และประเทศก็จำเป็นต้องมีรัฐบาล ก็ต้องรอติดตามว่าจะดำเนินการอย่างไร
146สส.ร่วมหนุน‘อนุทิน’นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ที่ลงลายมือชื่อ 146 คน สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นสัดส่วน ดังนี้ พรรคภูมิใจไทย 68 คน พรรคกล้าธรรม 31 คน พรรคพลังประชารัฐ 17 คน พรรครวมไทยสร้างชาติ 16 คน พรรคเพื่อไทย 8 คน พรรคไทยสร้างไทย 3 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน
‘3 เสียงปชป.-8 สส. พท.’ร่วมด้วย
ก่อนหน้านี้ มีรายงานข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สนับสนุน 2 คน คือ นายสรรเพชร บุญญามณี และนายสมยศ พลายด้วง สส.สงขลา แต่ล่าสุด เพิ่ม 1 คน คือ นายราชิต สุดพุ่ม สส.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ ใน 146 รายชื่อ ยังไม่รวมนายกัณวีร์ สืบแสง จากพรรคเป็นธรรม 1 เสียง เนื่องจากนับเฉพาะผู้ที่ลงลายมือชื่อ แต่พรรคเป็นธรรม แจ้งด้วยวาจาว่าสนับสนุนนายอนุทิน ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เปิดชื่อ8สส.งูเห่า’เพื่อไทย’หนุน’หนู’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ 8 สส.พรรคเพื่อไทย ที่ร่วมลงชื่อเป็นหนึ่งใน 146 สส.สนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ประกอบด้วย 1.นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ชลบุรี เขต 5 2.นายสุรพล บุญมา นครนายก เขต 1 3.นายกิตติ สมทรัพย์ ร้อยเอ็ด เขต 6 4.นายนรากร เมืองนารักษ์ ร้อยเอ็ด เขต 4 5.นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ กาญจนบุรี เขต 1 6.นาย ประเสริฐ บุญเรือง กาฬสินธุ์ เขต 6 7.นพ.ภูมินทร์ ลีธีรประเสริฐ ศรีสะเกษ เขต 4 และ8.นางสาวนุชนารถ เตชะเสถียร ศรีสะเกษ เขต 9
‘หนู’เข้าภท.ถกแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เวลา12.30น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางเข้ามายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อร่วมประชุมกับแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่อาทินายสุชาติ ชมกลิ่น สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ แกนนำกลุ่ม 18 สส.นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แกนนำ 6 สส.เพชรบูรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าการประชุมในวันนี้ มีเพียงแกนนำของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ไม่มีสส.พรรค เข้าร่วมแต่อย่างใด ทันทีที่นายอนุทินมาถึงที่ทำการพรรค มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส ผู้สื่อข่าวถามว่าดีใจไหม นายอนุทิน ตอบว่า ดีใจแต่ยังอีกไกล ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนแล้ว พร้อมบอกด้วยว่า ขอขึ้นไปทานข้าวก่อน
ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก ‘พรรคภูมิใจไทย’ได้โพสต์ประวัตินายอนุทิน แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 32 โดยระบุถึงประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน รวมถึงแนวคิดทางการเมือง เป็นต้น
วิป2ฝ่ายถกจบไม่ลงวันโหวตนายกฯ
บ่ายวันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมวิป 2 ฝ่ายเพื่อหารือเกี่ยวกับวันโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32ว่า หลังจากการประชุมในช่วงเช้า ไม่ได้ข้อยุติ จึงมาประชุมในรอบบ่ายแต่เนื่องจากที่ประชุมวิป2ฝ่ายได้แก่ฝ่ายที่คาดว่าจะไปรวบรวมเสียงข้างมากได้เสนอให้ประธานบรรจุระเบียบวาระในการโหวตเลือกนายกฯและจะต้องมีมติภายในวันนี้ ดังนั้นหากมีข้อสรุปก่อนเวลา16.30น.วันนี้ ทางนายวันมูหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ สามารถบรรจุในระเบียบวาระได้อย่างเร็วที่สุดคือ วันที่ 5 ก.ย.ตามข้อบังคับ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเดิมชี้แจงว่าขณะนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ได้เสนอพระราชฤษฎีกาเพื่อยุบสภาซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการที่จะเสนอไปเพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัย
โยนเผือกร้อน”วันนอร์”เคาะวัน
“เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจรวมถึงความเห็นทั้ง 2 ฝ่าย ผมจึงขอที่ประชุมว่าอำนาจการบรรจุระเบียบวาระเป็นอำนาจประธานสภาฯ กรรมการชุดผมเป็นกรรมการที่หาข้อสรุปให้ประธานฯ โดยประธานฯจะลงจากบังลังก์ห้องประชุมสภาฯ เวลา16.30น.เพื่อความคลายกังวล ผมจะไปทำหน้าที่ต่อจากนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อให้ได้ข้อชัดเจนในวันนี้ว่าประธานวันนอร์จะมีความเห็นอย่างไรเชื่อว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ จะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย พวกผมไม่สามารถบรรจุระเบียบวาระได้ ทุกฝ่ายก็เห็นว่าการก้าวล่วงพระราชอำนาจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนไทยจึงขอเวลาไม่นาน ผมยืนยันในที่ประชุมว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีนายกฯบนพื้นฐานของความสง่างาม ไม่ให้เกิดข้อครหานินทาภายหลัง ไม่ใช่เป็นการถ่วงเวลา เป็นกระบวนการตามกฎหมาย” รองประธานสภาฯคนที่2ย้ำ
ชี้ยุบสภาเป็นพระราชอำนาจไม่ก้าวล่วง
เมื่อถามว่า การที่ให้รอแบบนี้ ฝ่ายที่อยากให้บรรจุระเบียบวาระการโหวตนายกฯ ยอมรับได้หรือไม่ รองประธานสภาฯ กล่าวว่าตนดูหลายคนแล้วฝั่งนั่นก็พยักหน้าอยู่ว่าต้องรอ เพราะเป็นพระราชอำนาจ ไม่มีใครก้าวล่วงได้ ส่วนจะใช้เวลากี่วัน ไม่มีใครกล้าพูด แต่โดยธรรมเนียมแล้วไม่นาน ส่วนที่ทางพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อขอให้บรรจุระเบียบวาระโหวตเลือกนายกฯ นั้น เป็นดุลยพินิจของประธานฯ ว่าจะดำเนินอย่างไร อย่างรอบด้าน รอบคอบ
‘เพื่อไทย’ยันเดินหน้ายื่นยุบสภา
ก่อนหน้านี้หลังจากพรรคประชาชนมีมติหนุน นายอนุทิน เป็นนายกฯคนที่32นั้น นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความชัดเจนการยุบสภาว่า เมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.)แกนนำพรรค พท.และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง ได้พูดคุยหารือกันโดยได้ข้อสรุปว่า เมื่อจะเลือกนายกรัฐมนตรี แต่การเลือกนั้นเป็นการเลือกไปเพื่อยุบสภา พูดง่ายๆคือเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแล้ว ก็แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เสร็จแล้วภายใน 4เดือน ก็จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งการยุบสภาก็ต้องไปกำหนดวันเลือกตั้ง 45-60วันก็แปลว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามานั้นไม่ใช่รัฐบาลที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารประเทศจริงจัง แต่มาเป็นคล้ายๆกับการมาเพื่อยุบสภา เพื่อรอการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าคิดว่า ในท้ายที่สุดที่เราเลือกกันไปนั้น ไม่ใช่การเลือกผู้นำประเทศมาบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีวิกฤติเช่นนี้
หวั่นได้รัฐบาลเป็ดง่อย-ไม่สง่างาม
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันสภาพการเลือกนายกฯบอกตรงไปตรงมาวิเคราะห์กันอยู่ว่า ความเป็นเอกภาพของพรรคการเมืองก็เป็นปัญหา พรรคนี้ครึ่งหนึ่ง พรรคนั้นค่อนหนึ่ง พรรคนี้ก็มีงูเห่าเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งความสง่างามความเป็นประชาธิปไตยทั้งหลายทั้งปวง ก็จะมีปัญหาในแง่นี้ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่เราคิดว่า จะเลือกแนวทางยุบสภา จะถูกหรือไม่ ซึ่งคุยกันไปคุยกันมา คิดกันไปคิดกันมา ก็เลยเห็นว่า เมื่ออยากให้มีการยุบสภาแล้ว ดังนั้นดีที่สุดก็ยุบสภาไม่ดีกว่าหรือ เมื่อยุบสภาเสร็จก็จัดการให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45-60วัน พรรคการเมืองทั้งหลายที่คิดว่า เรื่องของประชามติอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ไปPromise หรือให้คำมั่นสัญญากับประชาชนเอาว่า ถ้าตัวเองได้เป็นรัฐบาลแล้วจะทำนู่นทำนี่ มันจะเป็นทางออกที่ดีกว่าไหม แทนที่จะเป็นแบบยึกยักแบบนี้ เข้าไปก็เป็นเหมือนรัฐบาลเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้ ก็ยุบสภาเสียเลย ซึ่งความเห็นก็คุยกันว่าแบบนี้จะดีกว่าไหม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นว่า เหมาะสมเหมือนกัน แต่อำนาจการตัดสินใจเรื่องนี้ ก็เป็นเรื่องของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี คือ นายภูมิธรรม ที่จะตัดสินใจอย่างไร เมื่อคืนคุยกันเป็นแบบนี้
เข้ามาเพื่อรอยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหามีอยู่ 2ประการ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ขณะนี้คือ 1.รัฐบาลรักษาการจะมีอำนาจเสนอพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ แน่นอนก็จะมีความเห็นที่ออกมา เช่น เลขาธิการกฤษฎีกา ที่บอกว่าไม่มีอำนาจอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ว่าหลายความเห็นก็คิดว่า มีอำนาจ ซึ่งข้อสังเกตของตนเห็นว่า ขณะที่เราคิดว่ามีอำนาจในตอนนั้น สถานการณ์มันไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนั้นถ้าถามว่า ใครเป็นนายกฯคำตอบคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่ว่าทำหน้าที่ไม่ได้ แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้ใครเป็นนายกฯ คำตอบคือไม่ใช่ น.ส.แพทองธาร แต่คำตอบคือคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีขณะนี้ก็คือ นายภูมิธรรม ที่ทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจที่อยู่กับนายภูมิธรรม เต็มที่ นี่คือข้อสังเกตในเรื่องของอำนาจ
2.ที่สื่อไปวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นพระราชอำนาจจะไปก้าวล่วงอะไรหรือไม่ คำตอบคือจริง ๆเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ แต่ว่ากฎหมายบอกว่า การยุบสภาให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คำถามคือใครจะเป็นคนนำเสนอ อยู่ดีๆพระราชกฤษฎีกาจะลอยขึ้นไปไม่ได้ ต้องมีคนนำเสนอ และคนนั้นต้องรับสนองพระบรมราชโองการคนที่นำเสนอก็คือ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี นำเสนอไป และมีเหตุผลอะไรที่ควรยุบสภา ซึ่งจากนั้นก็แล้วแต่สุดแต่ เป็นพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งเราก้าวล่วงไม่ได้ อย่างนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เราคิดว่า มันน่าจะไปได้
ชี้การโหวตเลือกนายกฯยังมีปัญหา
นายชูศักดิ์กล่าวว่าทั้งนี้ขอให้ท่านที่ทำหน้าที่นายกฯไปคิดดูว่า จะทำอย่างไร คิดว่าเหมาะสมไหม ฟังดูก็คิดว่า ทำนองจะไปทางนี้ได้เหมือนกัน แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่ว่า เราเลือกนายกฯไปก็ไม่ได้เป็นนายกฯไปทำงาน พอไปถึง 4เดือนก็ยุบสภาต้องถามว่า จะซ้ำเติมประเทศชาติไปมากกว่านี้หรือไม่ ข้อสำคัญคือกระบวนการเลือก เราคิดว่า ต้องมีความสง่างาม สภาพการเมืองขณะนี้ การเลือกนายกฯตนคิดว่า มันเป็นปัญหา ซึ่งตนก็เพียงแต่นำเสนอจากการที่มีการพูดคุยกันเมื่อคืนนี้
ไม่ใช่มติพรรค-ยัน‘อ้วน’มีอำนาจ
เมื่อถามว่าขณะนี้มีการทูลเกล้าฯพระราชกฤษฎีกายุบสภาแล้วหรือยัง นายชูศักดิ์ กล่าวว่าต้องถามนายภูมิธรรมซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผลว่าสิ่งที่ควรเป็นอย่างไร เรื่องนี้ไม่ได้เป็นมติพรรค แต่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบคุยกัน มีข้อสรุปประมาณนี้และไม่ต้องกลับไปถามพรรคเพราะท่านได้รับการมอบหมายจากพรรคมาแล้ว ส่วนหากมีคนนำเรื่องดังกล่าวไปร้องศาล นายชูศักดิ์ กล่าวว่าไม่มีปัญหาอะไร ศาลก็ต้องวินิจฉัย แต่ข้อสังเกตของตนถามว่าขณะนี้ใครเป็นนายกฯไม่เหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้า วันนี้นายกฯคือ นายภูมิธรรม มีอำนาจเต็มที่ ไม่ได้ก้าวล่วงอะไรเพราะต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ต้องมีการนำเสนอในพระราชกฤษฎีกาว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา สุดแต่พระบรมราชวินิจฉัยว่าจะเห็นสมควรประการใด เมื่อถามอีกว่าหากยื่นถวายพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปแล้วทางสภาจะเลือกนายกฯจะทับซ้อนกันหรือไม่นายชูศักดิ์ตอบว่าสภาต้องนำเรื่องนี้ไปคิดด้วย
‘อ้วน’อ้างปชต.บิดเบี้ยว-รบ.เสียงข้างน้อย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯกล่าวถึงความชัดเจนเรื่องการยุบสภาว่าขณะนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นระบบประชาธิปไตยมันก็บิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามครรลองที่ควรจะทำ การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่ตัดสินใจจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ยินประกาศว่าพรรคประชาชนโหวตให้ แต่ไม่ร่วมเป็นรัฐบาล ซึ่งอันนี้เท่ากับอย่างไรมันก็แบ่งเป็น 3กลุ่มอยู่ดี พรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคภูมิใจไทยทำหน้าที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่วนพรรคประชาชนมี 2หมวกในตัวเอง เป็นทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีสิ่งนี้มาก่อน บรรยากาศทางการเมืองที่เป็นอยู่มีการดึงซื้อ สส.และมีการดึง สส.ต่างๆ ซึ่งมันสับสนอลหม่านในสถานการณ์ที่เราดูอยู่ขณะนี้กับเศรษฐกิจต่างๆ ที่มีปัญหา เราเห็นว่าสิ่งที่สำคัญวันนี้ ถ้าไม่สามารถดึงความเชื่อมั่นกลับเข้ามาสู่ประเทศได้ มันยิ่งทำให้ปัญหาเศรษฐกิจยิ่งถูกกระทบและรุมเร้า
รับทูลเกล้าฯยุบสภาไปเมื่อวานแล้ว
“ปัญหาทั้งหมดฝ่ายกฎหมายก็คิดว่า มันควรจะคืนอำนาจให้ประชาชนไปตัดสินใจ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระราชอำนาจ เพราะฉะนั้นไม่มีใครที่จะมีสิทธิ์ไปตัดสินใจได้ เพราะอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัยในสถานการณ์ต่างๆ ผมเองในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกฯได้พิจารณาและได้รวบรวมความคิดเห็นต่างๆอย่างชัดเจนก็คิดว่า ควรต้องกราบบังคมทูลถวายสถานการณ์ต่างๆให้พระองค์ทราบและคิดว่ามันจะได้แก้ไขปัญหานี้ จึงตัดสินใจยื่นทูลเกล้าฯตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ก็ต้องรอ เป็นกระบวนการตามประชาธิปไตย ตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องรอ ถ้าเป็นอย่างนี้พรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยก็ต้องไปพิจารณา”นายภูมิธรรม ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กังวลข้อกฎหมายใดๆ เลยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ‘ไม่ใช่ครับ ผมยื่นไปตมกระบวนการทางรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว’
‘สรวงศ์’ย้ำชงชื่อ’ชัยเกษม’นั่งนายกฯ
นายสรวงศ์ เทียนทองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยเปิดเผยหลังจากพรรคประชาชน มีมติสนับสนุน นายอนุทิน เป็นนายกฯว่า ในฝ่ายนิติบัญญัติเราเตรียมตัว หากประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระในการเลือกนายกฯเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยพร้อมเสนอชื่อ นานชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย กระบวนการทั้งหมดที่ตนรับทราบมาเมื่อเช้า นายภูมิธรรม ได้ดำเนินการเรื่องทูลเกล้าฯยุบสภาแล้ว แต่ในรายละเอียดขอให้ นายภูมิธรรม เป็นผู้แถลง จึงถามย้ำว่า ขณะนี้ยื่นทูลเกล้าฯยุบสภาแล้วใช่หรือไม่ นายศวงศ์ กล่าวว่า ใช่ครับ“ในส่วนที่นายภูมิธรรม รับผิดชอบ นายภูมิธรรม ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว”
สำหรับเหตุผลในการทูลเกล้าฯ ยื่นยุบสภานั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า มีหลายสาเหตุมาก ขณะนี้เดินต่อไม่ได้แล้ว พรรคประชาชนประกาศสนับสนุนให้แคนดิเดตพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกฯแต่กลับการพรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล ฉะนั้นรัฐบาลจะมีเสียงเพียง130กว่าเสียง จึงถามว่า ความเชื่อมั่นอยู่ที่ไหน จริงๆมันเดินต่อได้ยาก ในฐานะสส.คนหนึ่งดูแล้วไม่น่าไปต่อได้ ส่วนความกังวลในการขอยุบสภาหรือไม่ เพราะมีหลายฝ่ายท้วงติงว่าไม่สามารถทำได้นั้น เรามีความมั่นใจ ส่วนฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยมีความเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้และนายภูมิธรรม ได้ดำเนินการไปแล้ว
‘สมชาย’ซัด‘อ้วน’ไม่มีอำนาจยุบสภา
นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์เฟซบุ๊กกรณี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯได้ดำเนินการเรื่องการทูลเกล้าฯยุบสภา ระบุว่า “ภูมิธรรมไม่มีอำนาจยุบสภาสส.มีหน้าที่ยื่นศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอมาตรการคุ้มครองเร่งด่วนเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปกป้องการนำความมิบังควรขึ้นทูลเกล้าฯ”
สะพัดส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่นายภูมิธรรม ได้กราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมาปรากฏว่าวันนี้ (3 ก.ย.) สำนักองคมนตรี ในฐานะหน่วยงานกลั่นกรองหนังสือ และถวายความเห็นประกอบการกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกา กลับมาให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยหนังสือนำส่งกลับคืนมา ระบุว่า การกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอเพื่อขอพระมหากรุณา เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีปัญหาข้อขัดแย้ง ว่ากระทำได้หรือไม่ ประกอบกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำความเห็นประกอบว่า รัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ได้ จึงไม่สามารถกราบบังคมทูล เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยได้ โดยมีรายงานว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำรายงานให้นายภูมิธรรม ในฐานะผู้กราบบังคมทูล ทราบแล้วโดยนำเสนอหนังสือของสำนักองคมนตรี ไปให้ทราบด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี